ผู้กอบกู้แห่งที่ราบทมิฬ ตอนที่ 19 1ปี
สองอาทิตย์ผ่านไป ไมนอสเพิ่มระดับตัวเองถึง 23
ระหว่างนั้น ก็มีการฝึกซ้อมต่อสู้อีก ในครั้งนี้มีทหารนายหนึ่งเข้าตาไมนอสยังมาก เพราะการต่อสู้กับเขานั้น จบด้วยการเสมอ นายทหารคนนั้น ชื่อ กริม อายุ 30 ระดับ 29 เป็นชายร่างกายสูงใหญ่
สิ่งที่เข้าตาไมนอสคือ ระดับของร่างกายของกริมคือ ราชา
ซึ่งมันเป็นไปได้ยากมากที่ลูกที่เกิดมาแล้วจะมีพรสวรรค์หรือร่างกาย เหนือกว่าคนเป็นพ่อแม่ได้ แต่การเพิ่มระดับร่างกายนั้นไม่ใช่เป็นไปไม่ได้เลย ไมนอสเลยวิเคราะห์เอาว่าร่างกายของ กริมนั้นถูกยกระดับขึ้นจากการฝึกหรือวิธีการพิเศษบ้างอย่าง
การเลื่อนระดับร่างกายนั้น ทำได้เพียงระดับเดียวเท่านั้น หลังจาก เลื่อนระดับร่างกายแล้วจะไม่สามารถ เพิ่มได้อีก
แต่ร่างกายของไมนอสนั้นพิเศษกว่าตรงที่สามารถพัฒนาไปต่อได้
แต่สำหรับเทคนิคของร่างกายกริมที่ไมนอส สนใจนั้นคือ จิตสิงคลี จะทำให้จิตใจของคู่ต่อสู้สับสนไปชั่วขณะหนึ่ง
ไมนอสโดนการโจมตีทางจิตเข้า ทำให้ต่อสู้ได้ลำบาก แต่เมื่อเขามาถึงระดับ 23 ก็สามารถรับมือได้
…..
“มีอาช่วยเรียก ผู้บัญชาการไปกี้มาให้ที่ และบอกให้พา นายทหารกริม มาด้วย”
ไมนอสพูดกับมีอาขณะอยู่ที่สำนักงาน
“รับทราบค่ะ”
….
ไม่นานนัก ประตูห้องทำงานก็เปิดออกพร้อมกับ ชายสองคนเดินเข้ามา
“นายน้อย มีสิ่งใดให้รับใช้ขอรับ”
ไปกี้ ถามทันที่
“ข้าอยากจะให้รางวัลพิเศษให้กับ นายทหารกริมนะ ถึงเขาจะไม่สามารถทำตามเงื่อนไขได้ก็เถอะ”
ไมนอสมองไปที่กริม
“นายมีความสามารถและร่างกายที่ดี ข้าหวังว่าวิชาระดับเงินนี้จะส่งเสริมเจ้า”
ไมนอสหยิบวิชาระดับเงินออกมาจากแหวนและส่งให้กริม
กริมรู้สึกตกใจยังมากที่ได้รับวิชาระดับนี้ แค่วิชาระดับดำเขาก็ดีใจจะแย่แล้วที่ได้ฝึก แต่นี้ระดับเงิน
วิชาที่ ไมนอสมอบให้นั้น คือวิชา ‘นิมิตจิรกาล’ วิชานี้ทำให้เกิดการหลอน เป็นเวลา 10 วินาที และถ้าใช้ตอนกลางวันจะได้ผลเป็นสองเท่า
“ขะขะขอบคุณนายน้อย ผมจะตั้งใจฝึกให้นายน้อยผิดหวังขอรับ”
กริมรับวิชามาด้วยความยินดีและตั้งใจว่าจะฝึกวิชานี้ให้สมกับระดับวิชา
แม้ไปกี้ จะเป็นผู้นำที่ดีและเปิดใจยอมรับความสำเร็จของลูกน้องความยินดีแต่ก็อดอิจฉาในใจไม่ได้ ที่ลูกน้องได้วิชาระดับเงิน
เมื่อ กริมกลับไป ไมนอสกับไปกี้ได้พูดคุยเกี่ยวกับการบริหารเมืองต่อ
…..
เวลานั้นผ่านไปยังรวดเร็ว จนถึงวันที่พืชผลการเกษตรสุกงอม พร้อมเก็บเกี่ยวอีกครั้ง
1 เดือนผ่านไปไวเหมือนโกหก ไมนอสเพิ่มระดับยังรวดเร็วเป็น 27 แล้ว ทั้ง ลีและอลิสันระดับเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 8 ตามที่พ่อบ้านดิลเลี่ยนที่อยู่ฝึกด้วยกัน ได้บอกไว้ว่า ไม่น่าจะเกินเดือนหน้า ทั้งสองคงผ่านสู่ขั้นเปลี่ยนผ่านได้
การเพิ่มระดับ ในช่วงแรกๆ นั้น จาก 0 ไป 10 นั้น อาจเป็นไปได้ในสองถึงสามเดือน เพราะยังไม่ต้องรวบรวมพลังเยอะ แต่เมื่อระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ ก็ยากที่จะเพิ่มระดับได้ด้วยความเร็วเดิม เกิดจากช่องว่างของระดับที่ต้องเพิ่มสะสมในการเพิ่มระดับ
(ให้เห็นภาพง่ายๆ เหมือนเกมเก็บ lv ช่วงเวลแรก วันเดียวเก็บlv ได้ จาก 1 ถึง 20 30 ได้ผ่านในวันเดียว แต่สำหรับเวลสูง 1วันอาจเก็บเวลขึ้นแค่ 1 - 2 เวลเท่านั้น)
และนอกจากการฝึกสะสมพลังบ่มเพาะแล้ว พวกเขายังต้องมีความเข้าใจในแต่ละวิชาของเขาไม่งั้น จะส่งผลไม่ดีต่อการฝึกบ่มเพาะของเขาแน่
ยิ่งระดับสูง ก็ยิ่งมีวิชามากขึ้น ทำให้การฝึกบ่มเพาะได้ ยากขึ้น
วันนี้ ไมนอสและพ่อบ้านดิลเลี่ยน ไม่ได้ฝึกในมิติโลกคู่ขนาน พวกเขาออกมาบริหารจัดการงานที่ค้างอยู่เนื่องจากตอนนี้จะมีงบจากการขายพืชผลทางเกาตรแล้ว
“นายน้อย ผู้จัดการโซเมียต้องการพบนายน้อยค่ะ”
มีอาเข้ามาแจ้งว่ามีคนอยากเข้าพบ
“กระผมคาดการไว้แล้ว ว่าแล้วเขาต้องมาแน่ หลังจากทำข้อตกลงล่าสุดไป สร้างผลกำไรให้เขายังมาก”
พ่อบ้านดิลเลี่ยนพูดขึ้นและจิบชาต่อ
“ได้ พาเขาเข้ามา มีอา”
ไม่นานนัก โซเมียก็เข้ามาในสำนักงานของไมนอส เขาแต่งตัวดูดีกว่าเดิมมาก เขามาพร้อมกับในหน้าที่เคร่งขรึมบนใบหน้าของเขา
ล่าสุดที่ ไมนอสได้ให้ผลผลิตทางเกษตรไปขายออกสู่ท้องตลาดนั้น มันขายดีมากจน โซเมียกลัวว่าข้อตกลงที่ทำกันกับเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมจะทำให้ไมนอส ไม่เอาของมาขายกับทางเขาอีก
นั้นแค่เหตุผลในวันนี้ ที่โซเมียมาเพื่อเจรจาเพื่อให้ไมนอสนั้นยังขายของให้กับเขาอยู่
“ยินดีที่ได้พบ เถ้าแก่”
ไมนอสยิ้มแย้มก่อนทักทาย
“ยินดี ยินดีนายน้อย วันนี้กระผมมาเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับสัญญาค่าธรรมเนียม ที่เราเคยทำกันไว้ครั้งก่อน”
“เพราะครั้งที่แล้ว กระผมนั้นคิดราคาที่ค่อนข้างสูง เพราะยังไม่ทราบถึงคุณภาพของ และปริมาณยังน้อยอยู่ แต่สัญญาใหม่ที่เราจะทำกัน กระผมจะให้ราคาที่ดีที่สุดกับนายน้อยเลย ครับ”
ไมนอสเก็บอาการและนิ่งเชยก่อนตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“ยังงั้นหรอ แล้วที่พูดนะมันเท่าไรกัน ?”
“กระผมจะคิดแค่ 3% เท่านั้น จากราคาที่นายน้อยนำมาขายถึงแม้จะดูน้อยยังไงแต่เมื่อเวลาผ่านไปขายเยอะขึ้น ทางผมก็ยังได้กำไรอยู่ดี”
โซเมียพูดตรงไปตรงมากับไมนอส
“ข้ายอมรับค่าธรรมเนียมได้ แต่หากต่อไปในอนาคตมีการเปลี่ยนแปลงเราค่อยมา พูดคุยเรื่องสัญญาที่จะทำกันใหม่ได้ และข้าจะขอเป็นหุ้นส่วนกัน 5 ปี ได้ไหม”
ไมนอสได้สอบถามถึงผลประโยชน์ และที่จะกับสัญญาต่อไปในอนาคต
“เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกันขอรับ”
โซเมียตอบยังโล่งใจ
เป็นไปตามที่ไมนอสวางแผนอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ใช้ประเด็นสำหรับเขาเท่าไร สิ่งสำคัญคือเขาต้องขายของให้ไมนอสต่อไป
……
เวลาได้ร่วงเลยมา 1 ปี
เมืองดรายนั้นเติบโตยังมาก ประชาชนมากกว่า 40,000 คน มีเพิ่มขึ้นจากการย้ายเข้ามาอยู่ในที่ราบทมิฬ ที่เติบโตขึ้นยังมากในหลายเดือนมานี้
ตอนนี้มีพื้นที่การเกษตร ถึง 100 เฮกตาร์ มีแรงงานถึง 10,000
กองทัพถูกจัดระบบตามที่ไมนอสวางไว้ และมีกำลังถึง 600 นายแล้ว
สำหรับเมือง อาคมที่ใช้อยู่ตอนนี้ไมนอสได้ นำคริสตัลระดับต่ำมาเสริมพลังให้ ทำให้ใจกลางเมือง มีความเข้มข้นพลังงานเพิ่มขึ้น ผู้คนฝึกบ่มเพาะกันยังรวดเร็ว
ตอนนี้ไมนอสอยู่ขั้น นักรบแห่งจิตวิญญาณแล้ว ระดับที่ 33 ดิลเลี่ยนขึ้นมาที่ ระดับ 47
ส่วน ลีและอลิสันอยู่ในขั้นจิตก่อตั้งแล้ว
ร่างกายของไมนอสมีการเพิ่มระดับขึ้นจากพื้นฐานเป็นนักรบ ทำให้ พลังงานที่สะสมอยู่จะมากกว่าคนในระดับเดียวกัน 10 %
กองกำลังของไมนอสก็ค่าเฉลี่ยนความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมากกว่าคนที่อยู่ระดับ ที่ 39 เรียบร้อยแล้ว
ตอนนี้ยาจิตวิญญาณเป็นสิ่งที่ต้องการยังมาก
ทำให้ไมนอสตัดสินใจจะไป ไปเกาะศิลา เนื่องจากเอเลนนั้นไม่กลับมาเลยในช่วงนี้ เขาไปเพื่อติดต่อทำการค้ากับเกาะศิลา ตั้งใจจะขายสินค้าจากดินแดนของเขา และซื้อขายยาจิตวิญญาณด้วย
หลังจากประชุมกับฝ่ายบริหารต่างๆ ได้ข้อสรุปเรียบร้อย ไมนอสได้ให้ ดิลเลี่ยนอยู่เป็นตัวแทนดูแลเมืองดรายระหว่างที่ไมนอสไม่อยู่ และให้ สิบโท ไปกี้ พร้อมกับทหาร 10 นาย ติดตามเขาไปยังเกาะศิลา
การเดินทางคาดว่าใช้เวลาหลายอาทิตย์กว่าจะถึง และต้องเดินทางผ่านพื้นที่ที่ไม่รู้จักอีก จำเป็นต้องมีคนที่แข็งแกร่งเดินทางไปด้วย แม้จะแข็งแกร่งไม่มากนัก แต่พื้นที่บ้างที่ของที่ราบทมิฬก็ยังมีสัตว์อสูรวิญญาณระดับต่ำอาศัยอยู่
ซึ่งพวกนั้นก็เป็นรายได้อีกช่องทางหนึ่งของที่ราบทมิฬก่อนไมนอสจะมาปกครอง
ในระหว่างเดินทางคงมีอุปสรรคแน่นอน จึงต้องการคนที่มีฝีมือดีที่สุดไปด้วย ทุกคนที่อยู่ในทีมเดินทางอยู่ระดับ 39 ทุกคน ยกเว้นตัวไมนอส