ผู้กอบกู้แห่งที่ราบทมิฬ ตอนที่ 13 ขั้นเปลี่ยนผ่าน
ในที่สุดไมนอสก็สามารถเพิ่มระดับมาถึงขั้นเปลี่ยนผ่านได้ ได้มีเสียงแตกยังแผ่วเบาจากร่างกายของเขา
เพล้ง!
หลังจากนั้น เหงื่อและของเหลวสีดำก็ถูกขับออกจากร่างกาย มันคือของเสียที่ตกค้างอยู่ในร่างกาย เมื่อเลื่อนระดับขั้นร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงและขับของเสียออกมา และกลิ่นของมันเหม็นเอาเรื่องเลย
ไมนอสรีบเข้าไปในมิติโลกคู่ขนานเพื่อเข้าไปอาบน้ำในนั้น เพราะเขาคงไม่อยากฝึกวิชาต่อในสภาพเน่าๆ แบบนี้แน่
‘น้ำเหงื่อพวกนี้ เหม็นชะมัดไม่คิดว่ากลิ่นจะแรงขนานนี้’
ไมนอสบ่นพร้อมทำหน้ายี้จมูก
กระบวนการนี้จะเกิดขึ้นเมื่อมีการเลื่อนขั้นของระดับพลัง พวกสารพิษต่างๆ ที่ตกค้างอยู่ในร่างกายจะถูกขับออกมาหมด ไม่ว่าจะมา จาก ยา อาหาร ยาจิตวิญญาณ หรือ กระทั้งของเสียจากร่างกายเอง
ของเสียจาก ยากับยาจิตวิญญาณนั้นจะเกิดจากที่ร่างกายไม่สามารถดูดซับไว้ได้หมดและสะสมอยู่ในร่างกายแทนที่จะขับออกมา และจะสะสมทำให้ร่างกายแก่ลงนั้นเอง
ไมนอสหยิบม้วนคำภีร์สีทองขึ้นมา และเริ่มฝึก วิชา ‘กระบี่ไร้ขอบเขต’
“หนึ่งดาบของข้า กุมชะตาชีวิต มิอาจนับ มีกี่พันกี่ล้านไร้ความหมาย ชีวาวายไม่รู้ตัว”
นี้คือท่อนแรกจากวิชาของไมนอสได้ศึกษาและเคลือนไหวตามคำภีร์
จากสิบเป็นร้อนครั้ง ไมนอสเริ่มจำสังเกตได้ว่า ขณะที่ฝึกวิชา เห็นใบไม้หยุดก่อนตกถึงพื้น
ไมนอสได้เข้าถึงขั้นต้นของวิชาแล้ว นอกจากเพิ่มระดับให้ไปถึง 20 เขาก็ต้องฝึกวิชาเพื่อไปถึงขั้นที่ 2 ของวิชาด้วย
เนื่องด้วยการไปขั้นต่อไปของวิชานั้น จำเป็นต้องฝึกและวิชาและเคลื่อนไหว ตามวิชา เพื่อที่จะสร้างความชำนาญและจะฝึกขั้นต่อไปได้
ทำให้ความเร็วในการเพิ่มระดับจะช้าลง เนื่องด้วยต้องแบ่งเวลามาฝึกวิชาต่อสู้ด้วย
เมื่อไมนอสฝึกเสร็จแล้ว ก็ได้กลับออกมาจากมิติแล้วเข้าพักผ่อนทันที
….
ห้าวันผ่านไป ไมนอสมาถึงระดับ 11 และวันนี้เขาแจ้งให้เอเลน เข้ามาคุยเรื่องข้อเสนอที่ติดค้างคำตอบกันไว้
และทางพ่อบ้านดิลเลียน หลังจากได้สืบค้นประวัติของเธอ มีข้อมูลแค่ว่าเธออายุ 22 และระดับ 42 กับมีพรสวรรค์ดำ เท่านั้น
ไมนอสเลยตัดสินใจว่าจะลองเสี่ยงเป็นหุ้นส่วนกับเธอดู
หลังจากส่งคนไปแจ้งกับเอเลน ไม่นานหนัก เอเลน และบอดี้การ์ดของเธอก็เข้ามาพบ ไมนอสที่สำนักงานทันที่
“ตามฉันมาเลยค่ะ คุณแนช นายน้อยเรากำลังรออยู่” มีอา พูดตอนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเสมอ
“ได้เลย”
ไม่นานหลังจากเริ่มพูดคุยกัน ลงรายละเอียดที่สำคัญ เป็นอันตกลงกันว่า
ตามข้อตกลง เอเลน ต้องจัดหา อาคมลำดับ 1 ระดับสูง 4 ชุดให้กับทางที่ราบทมิฬ และยังต้องส่งเสริมการค้าขายสินค้าจากที่ราบทมิฬกับเกาะศิลา และเป็นตัวกลางติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญจากเกาะศิลา
ส่วนข้อตกลงของทาง ไมนอส เขาจะผูกขาดการค้าขายกับเกาะศิลาผ่าน เอเลน คนเดียวเท่านั้น
“ตกลงตามนี้ อ้า..คุณเอเลน ไม่ทราบว่าจะรีบเดินทางกลับเลยรึป่าว อยู่กินเลี้ยงฉลองการทำสัญญาครั้งนี้กันก่อนไหม”
ไมนอสออกปากชวนด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“เราซาบซึ้งในเจตนาดีนี้ แต่คงต้องเป็นครั้งหน้าละกันค่ะ ทางเราต้องรีบกลับไปเกาะศิลา เราอยู่ที่นี้มานานแล้ว ต้องกลับไปตระกูลเพื่อรายงานผลการมาทำธุระกับทางตระกูลแล้ว”
เอเลน ปฏิเสธยังนอบน้อม
“น่าเสียดายนัก ไว้ครั้งหน้าให้ข้าเลี้ยงข้าวสักมื้อละกันนะ”
ไมนอสกล่าวอำลา
ก่อน เอเลน ออกเดินทางไปได้แจ้งกับไมนอสว่า อาคมจะทำการจัดส่งให้หลังจากกลับไปถึงเกาะศิลาแล้ว
ตามที่เธอบอกไว้ ต้องใช้เวลาเตรียมการ 2 - 3 อาทิตย์ สำหรับไมนอสนั้นไม่ได้ซีเรียสอะไร เพราะมันคุ้มค่าอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องคิดเล็กคิดน้อย เพราะเขาคงไม่สามารถหา อาคมระดับนี้ได้ ภายใน 1 ปี และผลผลิตทางเกษตรต้องเจริญแบบก้าวกระโดดแน่
แม้อาคมระดับนี้จะมีผลจำกัด แต่เมื่อวิเคราะห์จากความเข้มข้นของพลังวิญญาณตอนนี้ของที่ราบทมิฬ ไมนอสสามารถนำอาคมนี้มาประยุกต์ แก้ไขใช้ได้ ตราบเท่าที่เขามีคริสตัลวิญญาณมากพอ
แต่ที่สำคัญคือ ในตอนนี้ความเข้มข้นของที่ราบทมิฬยังต่ำอยู่แต่กลับได้อาคม ถึง 4 ชุดมาเพิ่มพลังให้เป็นเรื่องที่ดีมากเลยที่เดียว
….
ในตอนนี้ทั้งเมืองกำลังพูดถึง ผู้ปกครองคนใหม่ยังดุเดือดเลือดพล่าน
ถึงการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่ราวปาฏิหาริย์ ข่าวลือที่เป็นแค่เรื่องคุยกับสนุกปากกลับเป็นจริง
ก็เมื่อมีคนงาน 200 คนถูกจ้างไปทำเกษตร และกลับมาพูดต่อกัน และผลผลิตฟาร์มต่างๆ เริ่มเติบโตให้เห็นได้ชัดขึ้น ทำให้คนทั้งเมืองนั้นตื่นเต้นและดีใจยังมาก และคิดว่าสวรรค์ยังไม่ทอดทิ้งพวกเขา
“เขาทำได้ เขาทำได้จริง ท่านผู้ปกครองดินแดนคนใหม่ ดูสิ ดู พืชไร้กำลังเติบโต ข้าจะไปต่อแถวสมัครงานคนแรกเลย”
ชาวบ้านพูดยังมีความสุข
“อะไร ใครคนแรก ยังแกออกไป ข้าต้องคนแรก!!”
ทั้งสองคนพูดคุยหัวเราะกันสนุกสนานยังมีความหวังในชีวิตอีกครั้ง
“เฮ้ยๆ ไม่ต้องแย่งกัน ลืมแล้วหรอว่า ดินแดนแห่งนี้กว้างใหญ่แค่ไหน ข้าว่า คนงานคงไม่พอทำงานหรอกแบบนี้”
ชาวบ้านคนหนึ่งพูดขึ้น
ใช่แล้วที่ราบทมิฬมีพื้นที่ถึง 200,000 ตารางกิโลเมตร กับมีประชากรแค่ 50,000 คน ต่อจากนี้คงไม่มีใครว่างงานแน่นอน
“นี้นี้ ญาติข้าที่ทำงานเป็นทหารรักษาการได้บอกข้าว่า นายท่านสจวร์ตกำลังจะจัดระเบียบกองกำลังและเพิ่มขนานขึ้นไปอีก อีกต่อจากนี้ 6 เดือน จะปล่อยตำแหน่งให้สมัครอีก ลูกหลานของเราจะมีงานทำแน่นอน”
มีชาวบ้านอีกคนพูดเสริมขึ้น
การเพิ่มกองกำลัง ในพื้นที่ ที่มีแต่คนพรสวรรค์ฟ้านั้น จะทำให้แข็งแกร่งได้นั้นจำเป็นต้องมีทรัพยากร
ดังนั้นการส่งลูกหลานเข้ากองกำลังจะเป็นอนาคตที่ดี ที่จะได้รับทรัพยากรในการฝึกตน
‘ผู้ปกครองคนใหม่ ก็ไม่ได้แย่ยังที่คิด’
ชาวบ้านเริ่มคิดแบบนี้ และเริ่มไปในแง่บวกขึ้นเรื่อย พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของดินแดนของพวกเขา
…
ขณะที่ข่าวลือได้กระจายออกยังเหมือนไฟไหม้ทุ่งหญ้า มีผู้หญิงสองคนที่กำลังเดินทางมาที่เมืองแห่งนี้ พวกเธอเดินทางมาจาก อาณาจักรครอมเวลล์
“ท่านอาจารณ์ ท่านจะพาลูกชายของท่านกลับไปยังนิกายได้หรือ”
ลูกศิษย์สาวถามอาจารณ์ของเธอ
“ฉันก็ไม่แน่ใจ รูธ เขาเหมือนพ่อเขามาก ฉันไม่รู้เลยว่าเขาจะตามกลับโดยดีไหม”
อาจารณ์ของเธอตอบยังนิ่งเฉย