Kill the Dragons ตอนที่ 1 : สถาบันฝึกไซเกอร์ ‘อาร์ค’
“เอ้า มัวทำอะไรอยู่ รับไปสิ”
อีฮันยื่นมือไปรับเครื่องแบบและข้าวของชิ้นเล็กชิ้นน้อยมาถือไว้ เขาชำเลืองมองแล้วแค่นหัวเราะผ่านจมูก ทั้งชีวิตไม่เคยมีโอกาสได้ใส่ชุดที่สภาพดีขนาดนี้มาก่อน ทั้งสะอาด ไม่มีรูบนเสื้อ แถมขนาดยังพอดีตัว
“ผมอยากกลับบ้าน” อีฮันบอกเสียงแข็ง
ชายในเครื่องแบบสีดำขลับหัวเราะลั่น
“ตึกร้างนั่นน่ะหรอ มีที่อีกเยอะแยะที่น่าไปกว่าที่นั่น”
เขารู้สถานภาพของอีฮันจากการซักประวัติเมื่อครู่ อีฮันเป็นเด็กกำพร้าจากผลพวงของสงครามครั้งล่าสุด และเป็นหัวหน้ากลุ่มเด็กกำพร้าขนาดสิบกว่าคน พวกเขาประทังชีวิตไปวัน ๆ ด้วยการลักเล็กขโมยน้อย หรือไม่ก็ขอเศษขอทาน
ถึงก่อนหน้านี้เด็กกำพร้าจะอยู่ใต้ความดูแลของรัฐบาล แต่หลังเกิดสงครามก็ไม่มีใครแยแสคนไร้บ้านและเด็กกำพร้าแบบพวกเขาอีกเลย
“น้อง ๆ ผมกำลังรออยู่”
ชายในเครื่องแบบเดินเข้ามาใกล้ วางมือบนไหล่อีฮัน
“ฟังนะไอ้หนู อยู่ที่อาร์คแกจะได้กินทุกอย่างที่แกอยากกิน” เขาบีบไหล่เบา ๆ พูดจาหว่านล้อมเสียงหวาน “การฝึกอาจจะโหดอยู่บ้าง แต่รัฐบาลจะสนับสนุนทุกอย่างที่ทำให้ชีวิตแกสุขสบายจนลืมวันคืนเก่า ๆ ไปเลย”
“ถึงผมจะกินอิ่มจนพุงกางก็ไม่ได้แปลว่าน้องผมจะอิ่มไปด้วยนี่” อีฮันตอกกลับด้วยสายตาแข็งกร้าว จ้องเขม็งจนชายในเครื่องแบบถึงกับผงะ ตกใจในความเกรี้ยวกราดของเด็กวัยสิบขวบ
‘ไอ้เด็กตัวกะเปี๊ยกนี่ ไม่ได้มีความรับผิดชอบสูงเกินตัวไปหน่อยหรอ’
อีฮันไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
ชายชุดดำเกาหัวแกรก ๆ
‘จะใช้กำลัง บังคับส่งตัวไอ้เด็กนี่ไปก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่การฝึกไม่ใช่สิ่งที่จะบังคับให้ใครทำได้เนี่ยสิ’ เขาจำเป็นต้องเกลี้ยกล่อมเด็กคนนี้ให้ได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
“เอาแบบนี้” เขาเสนอ “ถ้าแกยอมเข้าอาร์คแต่โดยดี เราจะจัดหาอาหารให้น้องของแกด้วย โอเคไหม”
“ช่วยส่งรูปมาเป็นหลักฐานด้วยนะครับ ผมอยากเห็นกับตาตัวเองว่าพวกเขาสบายดี”
อีฮันเป็นเด็กฉลาด เขาเป็นถึงผู้นำกลุ่มเด็กกำพร้าย่อมเรียนรู้วิธีต่อรองกับผู้ใหญ่เป็นอย่างดี
“ก็ได้ ๆ”
ชายในเครื่องแบบถอนหายใจยาวเหยียด เขาตกเป็นรองอย่างช่วยไม่ได้ อีฮันพูดจามีตรรกะเป็นเหตุเป็นผลต่างจากเด็กทั่วไป
‘ถ้าไม่ได้เกิดในยุคนี้ ไอ้เด็กนี่ได้โตไปเป็นผู้มีอิทธิพลแหง แต่ทุกวันนี้แค่เกิดมาเป็นไซเกอร์ก็นับว่ายิ่งใหญ่แล้วล่ะนะ’
ไซเกอร์เป็นสิ่งเดียวในโลกที่ต่อกรกับมังกรได้ อนาคตของมนุษยชาติจึงขึ้นอยู่กับการฝึกฝนกองทัพไซเกอร์ในครั้งนี้
กว่าสิบปีที่ผ่านมา ทุกประเทศต่างตามหาไซเกอร์กันให้บ้าคลั่งเพื่อส่งเข้าฝึกในสถาบันนานาชาติ อาร์ค บางประเทศหนักข้อถึงขนาดบุกเข้าไปในบ้านเพื่อตามหาไซเกอร์มาร่วมกองทัพ
การฝึกฝนไซเกอร์แต่ละคนจำเป็นต้องใช้เงินทุนมหาศาล ทั่วโลกจึงต้องร่วมระดมทุน ทั้งเงิน และทรัพยากรทุกอย่างที่มีเพื่อสถาบันแห่งนี้ นั่นแหละคือเหตุผลที่พวกเขาให้ความสำคัญกับการพลิกแผ่นดินหาไซเกอร์ ยิ่งมีไซเกอร์จากประเทศตัวเองมาก ก็ยิ่งคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่ลงไป
หลังจากที่สงครามกับมังกรครั้งแรกจบลง จำนวนไซเกอร์จึงกลายเป็นตัววัดความแข็งแกร่งของกองทัพ
ไซเกอร์หนึ่งคนมีกำลังต่อสู้เทียบเท่ากับกองทหารขนาดกลาง ซึ่งขึ้นอยู่กับพลังพิเศษของไซเกอร์แต่ละคนด้วย บางคนกล่าวว่าไซเกอร์เป็นยุทธาปกรณ์ที่คล้ายกับอาวุธนิวเคลียร์ บ้างก็ว่าไซเกอร์มีพลังรุนแรงยิ่งกว่าอาวุธนิวเคลียร์เสียอีก
ณ เวลานี้ มนุษยชาติมีศัตรูร่วมกันคือมังกร แต่เมื่อยุคสมัยของสงครามสิ้นสุดลง ไม่แน่ว่าศึกชิงไซเกอร์อาจจะก่อตัวขึ้นมาแทนก็เป็นได้ แต่ละประเทศจึงจ้องหาทุกวิถีทางที่จะเพิ่มจำนวนไซเกอร์ของประเทศตัวเองให้ได้มากที่สุด
“พวกแกจะมัวยึกยักกับไอ้เด็กนี่อีกนานไหม”
ชายร่างโตที่ดูยศสูงกว่าทุกคนในที่นี้เดินเข้ามาพร้อมคำพูดที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
“ได้ยินว่าพลังอยู่แค่ระดับ D ไม่ใช่หรอ ยังไม่ทันได้ฝึกก็หนีหางจุกตูด กลับไปร้องไห้ที่บ้านแล้วมั้ง”
ดูจากเครื่องแบบ เขาน่าจะเป็นนายทหารติดยศสักคน
อีฮันไม่ได้ตอบโต้กลับไป เขาเพียงยืนฟังอย่างสงบนิ่ง
“ผู้พันคัง”
ชายในเครื่องแบบทำความเคารพ ก่อนจะก้าวหลบไปด้านหลัง
ผู้พันจ้องอีฮันเขม็งอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเปิดปากพูดอีกครั้ง
“ฉันเป็นคนรับผิดชอบพาแกไปที่อาร์ค รู้รึเปล่าว่ามันคือที่ไหน”
“เท่าที่เคยได้ยินก็เป็นสถานที่ฝึกไซเกอร์ที่หนึ่งครับ” อีฮันตอบ
“ไม่” ผู้พันขึ้นเสียง “ไม่ใช่แค่สถานที่ฝึกไซเกอร์ธรรมดา ๆ แบบที่แกคิด อาร์คน่ะเป็นสถาบันที่อุทิศตัวเพื่อฝึกฝนวีรชนของมนุษยชาติ มีแค่ไซเกอร์ชั้นนำความสามารถเป็นเลิศเท่านั้นแหละที่จะถูกส่งตัวไปที่นี่”
เขาชำเลืองมองอีฮันด้วยหางตา
“เด็กกำพร้าอย่างแก ถึงไปที่นั่นก็คงอยู่ได้ไม่นานนักหรอก จำนวนไซเกอร์มันสำคัญที่ไหน อยู่ที่คุณภาพต่างหาก” เขาเน้นเสียง "คุน-นะ-พาบ”
“แทนที่จะกินข้าวโพดหรือมันฝรั่งสามมื้อ สู้กินเนื้อดี ๆ แค่มื้อเดียวยังดีกว่า ใช่ไหมครับ” อีฮันโพล่งตอบ ไม่หวาดหวั่นในคำดูถูกแม้แต่น้อย
ผู้พันคังพลันกระตุกยิ้มขึ้นมาอย่างไม่คาดคิด
“ดูเหมือนว่าแกจะไม่ได้โง่อย่างที่คิดนี่” เขาพูดแกมหัวเราะชอบใจ "เอาสิ เราจะทำตามสัญญา น้อง ๆ แกจะได้รับการดูแลอย่างดี ที่นอนอุ่น ๆ อาหารดี ๆ ไม่ให้มีขาดตกบกพร่อง”
“การศึกษาด้วย ช่วยส่งพวกเขาไปเรียนด้วยครับ” อีฮันเพิ่มเงื่อนไขอย่างไม่เกรงกลัว
“หึ ได้สิ แต่จำไว้ให้ดีว่าถ้าแกโดนเตะออกจากอาร์คเพราะทนการฝึกไม่ไหว หรือจะเพราะอะไรก็แล้วแต่ เมื่อนั้นข้อตกลงของเราก็เป็นอันสิ้นสุด น้อง ๆ ที่น่าสงสารของแกจะต้องกลับไปนอนข้างถนนเหมือนเดิม เข้าใจใช่ไหม”
“แล้วถ้าผมทำคะแนนได้ดี พวกคุณจะเพิ่มการดูแลให้พวกเขาด้วยใช่ไหมครับ?”
“แน่นอนอยู่แล้ว ไซเกอร์เป็นถึงสมบัติของมนุษยชาติ เป็นทรัพย์สินของประเทศเชียวนะ เรื่องแค่นั้นทำได้อยู่แล้ว”
รอยยิ้มพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าเด็กน้อย
“ถ้างั้นก็ฝากให้น้อง ๆ ผมได้เติบโตในสภาพแวดล้อมที่ดีด้วยนะครับ”
อีฮันจ้องหน้าผู้พันคังด้วยสายตาเด็ดเดี่ยว
“เพราะว่าผมจะเป็นนักเรียนอันดับหนึ่งของอาร์ค”