HO บทที่ 89 ปลดปล่อยคริสโตเฟอร์เป็นอิสระ
ซินหยานำทุกคนกลับไปที่กระท่อมที่คริสโตเฟอร์อยู่ เมื่อพวกเขาไปถึงสิ่งแรกที่พวกเขาเห็นคือชายหนุ่มผู้น่ารักที่มีผิวสีเทาเล็กน้อยยืนอยู่นอกประตูกระท่อมมองท้องฟ้าด้วยความประหลาดใจ
ราวกับว่าเขาไม่ได้อยู่กลางแจ้งเป็นเวลานานมากและกำลังดื่มด่ำกับทิวทัศน์ที่เขาได้รับประสบการณ์อีกครั้ง รอยยิ้มเล็ก ๆ ประดับบนใบหน้าของคริสโตเฟอร์ ขณะที่ลมพัดผ่านเขา ในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสอิสรภาพหลังจากถูกขังอยู่ในกระท่อมหลายปี
เมื่อได้ยินเสียงกิ่งไม้หัก คริสโตเฟอร์ก็เกร็งอยู่ครู่หนึ่ง โดยคิดว่าเป็นไวแอตต์แต่เขารู้ว่าเป็นไปไม่ได้ วิธีเดียวที่เขาจะออกไปข้างนอกเช่นนี้ได้ก็ต่อเมื่อไวแอตต์ไม่อยู่ เมื่อหันศีรษะเพื่อดูว่าใครอยู่ที่นั่น เขาเห็นว่าเป็นเด็กหนุ่มที่เขาขอให้ช่วยเขาและอีกสองคนที่เขาไม่รู้จัก
เมื่อเขาเห็นเด็กหนุ่มครั้งแรก ในที่สุดเขาก็รู้สึกว่าเขามีความหวังเป็นครั้งแรกในรอบหลายศตวรรษ เมื่อเด็กหนุ่มบอกว่าจะช่วยเขาออกมา ในตอนแรก เขาไม่เชื่อเท่าไหร่นักแต่และเมื่อเขารู้สึกว่าสิ่งกีดขวางรอบ ๆ กระท่อมพังทลายลง เขาก็รู้ว่าความหวังของเขาเป็นจริงแล้ว
เขาอยากจะวิ่งเข้าไปกอดเด็กหนุ่มและขอบคุณเขาอย่างสุดซึ้งสำหรับสิ่งที่เขาทำเพื่อเขาแต่ด้วยเหตุผลบางอย่างเขาไม่สามารถขยับไปไกลกว่าบริเวณรอบระเบียงได้ คริสโตเฟอร์คิดได้เพียงว่าเวทมนตร์แห่งความมืดยังคงมีผลอยู่ แต่ถึงกระนั้น แค่สามารถออกจากกระท่อมโดยไม่ต้องกังวลเรื่องไวแอตต์ก็เกินพอแล้ว
...
เมื่อซินหยาเห็นคริสโตเฟอร์ เขาก็อดยิ้มไม่ได้ เขาดีใจที่คริสโตเฟอร์สามารถออกจากกระท่อมหลังนั้นได้แล้วแต่เขารู้ว่ามันยังไม่จบ
ซินหยาเดินไปไม่กี่ก้าว จนกระทั่งเขาใกล้พอที่จะพูดกับคริสโตเฟอร์ เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรในสถานการณ์แบบนี้ เขาเลยพูดว่า
"ฉันกลับมาแล้ว"
“อืม...ยินดีต้อนรับ”
คริสโตเฟอร์เขียนบนกระดานดำขนาดเล็กของเขา เขายิ้มขอบคุณ ซินหยาเพราะเขารู้ว่าคนหลังพยายามจะสื่อถึงอะไร
“ขอบคุณคุณมาก ฉันเกือบจะยอมแพ้แล้ว ขอบคุณที่ช่วยฉัน”
วอนเดอร์ริ่งซาวด์และเว่ยคิดว่าเป็นการดีที่สุดที่จะอยู่ห่างจากซินหยากับคริสโตเฟอร์ ในขณะที่พวกเขาคุยกันแต่พวกเขายังคงมองเห็นและได้ยินทุกอย่าง
ส่วนเว่ย เธออดไม่ได้ที่จะร้องไห้ เธอดีใจมากที่นักเวทย์ตัวน้อยจะเป็นอิสระ
ทางดานวอนเดอร์ริ่งซาวด์ เขากลับรู้สึกกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับโรมมิ่งวินด์ตลอดภารกิจนี้ อารมณ์ของเธอไม่คงที่ วอนเดอร์ริ่งซาวด์สงสัยว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นกับเธอในชีวิตจริงหรือไม่ เขาขอให้เรื่องนี้ไม่เป็นจริง ไม่อย่างนั้น เขาจะหัวเสียมาก
ซินหยายังคงพูดกับคริสโตเฟอร์ต่อไปว่า "ฉันขอโทษที่บอกว่ามันยังไม่จบ"
“คุณหมายถึงอะไร?”
คริสโตเฟอร์เขียนและตาเบิกกว้างด้วยความเป็นกังวล ความคิดที่ไม่ดีเริ่มปรากฏขึ้น เขาเริ่มสงสัยว่าไวแอตต์ตายแล้วหรือยัง
เมื่อซินหยารู้ว่าคริสโตเฟอร์กำลังคิดอะไรอยู่ เขาจึงยืนยันอย่างรวดเร็วว่าไวแอตต์ตายแล้วจริงๆ เมื่อเปิดช่องเก็บของ เขาหยิบสมองของไวแอตต์ออกมาและแสดงให้เขาเห็น
“เพื่อให้มันจบลงอย่างสมบูรณ์และเพื่อให้คุณเป็นอิสระ คุณต้องทำลายสิ่งนี้”
ปริมาณเวทมนตร์แห่งความมืดที่พุ่งออกมาจากสิ่งของในมือของเด็กหนุ่ม ทำให้คริสโตเฟอร์หวาดกลัวแต่การหลบหนีจากสถานที่นี้และชีวิตที่ถูกจองจำนี้ เขารู้ว่าเขาต้องกล้าหาญ เขารู้ว่ามันคืออะไร มันคือสมองของไวแอตต์ นี่คือสถานที่ที่เวทมนตร์มืดที่วุ่นวายของเขาเข้ามาในคืนนั้นเมื่อหลายศตวรรษก่อน
เขามองไปที่ของให้มือเด็กหนุ่ม จากนั้นเขาก็พุ่งเข้าไปในบ้านโดนที่ไม่ได้เขียนบอกอะไร เขาเข้าไปในห้องนอน เปิดตู้เสื้อผ้า เขาค้นอยู่สักพักเขาก็พบไม้เท้าของเขา
ครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นมันคือตอนที่ไวแอตต์นำมันกลับมาให้เขาในการออกไปเที่ยวประจำวันของเขา มันเป็นอีกวิธีเล็กๆ น้อยๆ ของไวแอตต์ในการพยายามทำให้เขาพอใจแต่เขาไม่เคยแตะต้องมันเลย เขากลัวว่าเวทมนตร์ของเขาจะทำอะไรได้อีก แม้ว่าตอนนี้เขาจะลังเลที่จะสัมผัสมันแต่เขารู้ว่านี่เป็นวิธีเดียวที่จะยุติความยุ่งเหยิงนี้ที่เขาก่อขึ้น
เขาคว้าไม้เท้าของเขาไว้แน่นแล้วเดินออกจากบ้านซึ่งเด็กหนุ่มที่ช่วยเขาไว้รออยู่
ซินหยาที่เห็นคริสโตเฟอร์กลับมาจากบ้านพร้อมกับไม้เท้าในมือ เขาจึงยื่นสมองของไวแอตต์ให้เขาหยิบไป
คริสโตเฟอร์คว้าสมองและวางมันลงกับพื้น เขามองดูมันโดยคิดถึงความเจ็บปวดและความบอบช้ำจากน้ำมือของไวแอตต์ตลอดหลายปีที่ผ่านมาและเขารู้ดีว่าเมื่อกำจัดเวทมนตร์แห่งความมืดได้แล้ว เขาจะไม่มีวันนึกถึงมันอีกครั้ง
เขายกไม้เท้าขึ้นสูง เขาเริ่มร่ายคาถา ทันใดนั้นแสงสีขาวสว่างจากไม้เท้าของเขาพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าและทำให้เมฆสีเทาเข้มปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ได้ยินเสียงฟ้าร้องก่อนที่แสงจะส่องลงมาและกระทบกับสมองที่ตายแล้วและทำลายมันออกเป็นชิ้น ๆ
ในขณะที่สมองแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ควันดำก็เล็ดลอดออกมาจากข้างในและสลายไปในอากาศ ทันใดนั้น ทุกสิ่งรอบตัวก็เริ่มเปลี่ยนไป ป่าที่เต็มไปด้วยความตายก็มีชีวิตชีวาขึ้น ต้นไม้ที่ยืนต้นตายกลายเป็นสีเขียวชอุ่ม ใบไม้รอบตัวพวกเขาเริ่มผลิบาน ท้องฟ้าสีแดงเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินและเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นดวงอาทิตย์ในป่าบาดาฮาล
เว่ยยืนอยู่ที่นั่นด้วยความหวาดกลัวต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นรอบตัวเธอ เธอจับมือวอนเดอร์ริ่งซาวด์และยิ้มให้เขา วอนเดอร์ริ่งซาวด์บีบมือของเธอและมองต่อไปด้วยรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของเขา
ส่วนซินหยาไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างแต่มองดูคริสโตเฟอร์ เขามองดูคริสโตเฟอร์ที่มีผิวสีเทาเหมือนมนุษย์มากขึ้น เขาเฝ้าดูขณะที่สัมผัสหัวใจเพื่อให้รู้สึกว่ามันเต้น เขามองดูคริสโตเฟอร์สูดหายใจเข้า สูดอากาศรอบ ๆ ตัวเขาและมองดูน้ำตารื้นในดวงตาขณะที่เขายังคงพูดกล่าวคำขอบคุณออกมาอย่างต่อเนื่อง
ภารกิจเสร็จสิ้น!!
คุณได้รับรางวัลค่าประสบการณ์ 1,000000 20 เหรียญทอง ไอเทมพิเศษประจำอาชีพ
คุณเลเวลอัพ!
ตอนนี้คุณเลเวล 21 แล้ว!!
คุณได้รับเมล็ดดอกไม้แห่งความตาย
คุณและปาร์ตี้ของคุณได้รับฉายา ผู้กอบกู้ป่าบาดาฮาล!
“ตอนนี้คุณเป็นอิสระแล้ว คุณต้องการจะทำอะไรหลังจากนี้?” ซินหนาถาม
“ฉันอยากรู้ว่าตอนนี้ญาติของฉันยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ถ้าไม่มี ฉันจะไปแสดงความเคารพที่หลุมศพของพวกเขา แล้วฉันอยากจะเห็นโลก เห็นสิ่งที่ฉันคิดถึง”
คริสโตเฟอร์เขียน
“คุณอยากให้เราพาคุณออกจากป่าบาดาฮาลไหม?” ซินหยาถาม “เรากำลังมุ่งหน้าไปที่เมืองเออร์นิสเวิร์ธ”
คริสโตเฟอร์ยิ้มเขียนว่า
“ถ้าพวกคุณไม่ว่าอะไร ฉันขอร่วมทางไปกับพวกคุณด้วย”
หลังจากแนะนำทุกคนให้รู้จักกัน คริสโตเฟอร์ก็เก็บของและทั้งสี่คนก็ออกจากป่าบาดาฮาลไป โดยไม่รู้ว่าตอนนี้ชื่อของพวกเขาถูกเผยแพร่บนหน้าแรกของเกมในฐานะผู้กอบกู้ป่าบาดาฮาล