EP 635 วิธีรักษาหวังอันชิ!
EP 635 วิธีรักษาหวังอันชิ!
By loop
*** ขออนุญาตแก้ไขนะครับช่วงตอนก่อนหน้าที่หวังหยูรินกับโจวหยินหยูจะต้องรีบกลับมาที่หนานฉาง จริงๆแล้วหวังหยูหรินได้รับข่าวว่า หวังอันชินั้นมีอาการป่วย(ไส้ติง) ต้องขออภัยในการแปลผิดพลาดในครั้งนั้นด้วยที่แปลว่าตัวของหวังหยูรินมีอาการป่วย เป็นความผิดพลาดของผู้แปลเอง ***
ในช่วงเช้า.
ณ สำนักงานเขตกวางหมิง
สำนักเขตกวางหมิงนั้นได้รับการคัดเลือกแล้ว ดูเหมือนจะเป็นข่าวดีแต่มันก็เป็นเรื่องน่าแปลกใจเช่นกัน ดูเหมือนตอนนี้เจ้าหน้าที่ในสำนักงานเขตกวางหมิงทุกคนจะดูภาคภูมิใจกับข่าวที่พวกเขาพึงได้ยินมาเช่นกัน
“นี้เรื่องจริงหรอเนี่ย เลขาธิการซูบินพึงมาทำงานได้ไม่นานเอง?”
“ถึงแม้ว่าจากการแจ้งมาจากส่วนกลางยังไม่ได้ชัดเจนแต่ก็แทบจะบอกได้ว่าคงเป็นที่กวางหมิงแน่ๆ”
“ตอนนี้ทางเลขาธิซูบินมีคำสั่งให้พวกเราเตรียมพร้อมในการเป็นต้นแบบการส่งเสริมผู้สูงอายุ”
“จริงๆแล้วเราควรจะรอให้มีการประกาศทางการน่าจะดีกว่า”
“มันก็ไม่ต่างกันหรอกจะประกาศก่อนหรือประกาศหลังสุดท้ายผลลัพธ์มันก็ออกมาเหมือนกัน” ในเวลาต่อมาเมื่อการประชุมจบลง ดงซูบิน และเกิงเซียงได้คุยกันเรื่องการประชุมใหญ่เกี่ยวกับการประกาศผลการรับเลือกหน่วยงานต้นแบบการส่งเสริมผู้สูงอายุและพวกเขาเดินออกจากห้องประชุมหัวเราะและพูดคุยกันอย่างรื่นเริง, เกาหมิงเฟิงเองเขานั้นเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้ลูกชายของซูชินหลงอับอายและแพ้คดี แน่นอนว่าดงซูบินนั้นไม่ลืมเรื่องนี้อย่างแน่นอนอีกทั้งดงซูบินยังรู้ว่าการกระทำก่อนหน้านั้นที่สร้างความเข้าใจผิดให้กับดงซูบิน ก็คงเป็นคำสั่งของซูชินหลง ซึ่งเกิงเซียงเองก็คงมีส่วนเกี่ยวข้องไม่มากก็น้อยเขาจึงกล้าทำเช่นนั้น และแน่นอนดงซูบินไม่ค่อยเชื่อใจเกาหมิงเฟิงเท่าไรนัก เพราะเกาหมิงเฟิงนั้นเป็นลูกน้องโดยตรงของเกิงเซียง และไม่รู้ว่าเขาจะถูกงูพิษตัวนี้แว้งกัดตอนไหน ดังนั้นดงซูบินเองจึงได้หมายหัวเกิงเซียงเข้าสู่บัญชีดำแล้ว
ในกรณีนี้ดงซูบินคิดว่าเขาเองก็คงจะไม่สามารถพี่สาวของเกิงเซียงได้เช่นกัน นั้นก็คือเกิงโยฮวา
เมื่อนึกถึงคำแนะนำของเสี่ยวหลานแล้ว การที่เขาจะเขยิบขึ้นมายืนแถวหน้าของมณฑลได้ ดงซูบินต้องยอมเจ็บปวดและผ่านความกดดันมหาศาลเหล่านี้ไปให้ได้ และแน่นอนการซื้อใจนายกเทศมนตรีเกิงโยฮวาก็คงไม่สำเร็จอย่างแน่นอนเพราะเกิงเซียงซึ่งเป็นคู่ปรับภายในสำนักงานของเขา มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องนี้ ดังนั้นตัวเลือกเดียวทีเขาเหลืออยู่ตอนนี้คือเลขาธิการพรรคมณฑล?
ดังนั้น หลังจากที่ดงซูบินกลับมาที่สำนักงาน โทรศัพท์ก็โทรหาหวังหยูริน
หวังหยูรินในชุดแฟชั่นยิ้มและพูดว่า "เลขาซูบิน คุณเรียกหาฉันหรือเปล่าค่ะ?" หวังหยูรินกล่าวอย่างเขินอาย: "ดูชุดของคุณสิมันดูน่ารักดีนะ"ดงซูบินกล่าวอย่างมีความสุขว่า "แต่เรื่องนั้นไม่ใช่ประเด็น อาการป่วยของลุงคุณเป็นยังไงบ้าง"
"ตอนนี้อาการของเขาเริ่มทรงๆตัว" หวังหยูรินงตอบกลับ "แต่ก็ยังไม่ค่อยดีเท่าไรค่ะ คุณลุงเองมักจะมีอาการปวดท้องอยู่เป็นระยะๆ และไม่ยอมคุยกับใครเลย”
ดงซูบิพูดอย่างแปลกใจขึ้นมาทันที: "ทำไมแพทย์ทำงานช้ากันจัง เขาเป็นไส้ติ่งอักเสบหรือเปล่า? ทำไมไม่ผ่าตัด? ถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้อาการป่วยจะยิ่งแย่ลงนะ" หวังหยูรินถอนหายใจ "จริงๆแล้วทางเราก็คุยเรื่องนี้กันแล้ว แต่ลุงของฉันเป็นโรคเบาหวานและเขาเป็นมาได้เจ็ดถึงแปดปีแล้ว ฉันกลัวว่าถ้าเราผ่าตัดไปอาการผ่าตัดมันจะยิ่งทำให้ลุงแย่ลง"
"ถ้าอย่างงั้นมันก็ยิ่งแย่เลยสิ"
"วันนี้ลุงหวังเองก็ไม่ได้เข้าทำงาน เหมือนเช้านี้เขาจะอาการแย่ลงอีกแล้ว ”
ตอนนี้เหมือนกับว่าดงซูบินหัวใจเริ่มเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นบางอย่าง “ถ้าอย่างงั้นช่วยบอกที่อยู่เลขาหวัง ให้หน่อยได้ไหมว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน พักอยู่เลขห้องอะไร”
เมื่อหวังหยูรินเห็นดงซูบินต้องการจะไปพบลุงของเธอ เธอเองก็ไม่ได้ปฏิเสธที่จะบอกเขาแต่อย่างใด หลังจากนั่งบนเก้าอี้เป็นเวลานานดงซูบินมองดูนาฬิกาของเขาและตอนนี้มันก็จะใกล้พักเที่ยงแล้ว ดังนั้นฉันจึงลงไปชั้นล่างและขับรถไปซื้อของฝากที่เน้นของช่วยด้านสุขภาพในทันที
แน่นอนว่าเขาตั้งใจที่จะไปเยี่ยมหวังอันชิ ด้วยตัวเอง เพราะว่าตั้งแต่เขาได้รับตำแหน่งที่หนานฉาง ดงซูบินไม่เคยไปรายงานตัวกับเลขานุการหวังอันชิเลย แต่ตอนนี้ดงซูบินจำเป็นที่จะต้องพึงพาหวังอันชิ เขาเองต้องลดอัตตาของเขาลงเพื่อสายสัมพันธ์ที่ดีกับหวังอันชิ และ ลดความความแค้นในอดีตไปให้หมดส่ะ
ในช่วงกลางวัน
ณ ที่พักของเลขาธิการพรรค
ดงซูบินไปที่บ้านของเลขาธิการคณะกรรมการพรรคมณฑล ก่อนจะยืนอยู่หน้าบ้านและถอนหายใจเบา ๆ จากนั้นกดกริ่ง
“ติงตง” ติงตง เสียงฝีเท้าภายในประตูดังขึ้นอย่างช้า ๆ และหญิงวัยกลางคนมาเปิดประตู คนนี้น่าจะเป็นคุณนายหยาง ภรรยาของเลขาธิการคณะกรรมการพรรคมณฑล
ดงซูบิน กล่าวด้วยท่าทางที่เป็นทางการ: " สวัสดีครับ คุณนาย “ดูเหมือนเหมือนเธอจะมองหน้าของดงซูบินและคิดสักพัก” คุณคงเป็นดงซูบินจากกวางหมิงใช่ไหม?”
“ใช่ครับผมเอง พอดีก่อนหน้านี้ผมไปทำธุระที่ปักกิ่ง พอดีผมเองพึงกลับมาที่นี้ ผมเองได้ยินมาจากหยูรินว่าเลขาหวังอันชิป่วย ผมเลยแวะมาเยี่ยม”
“ขอบใจมากๆนะที่เป็นห่วง สามีของฉัน”
“พอดีว่าผมซื้ออาหารเสริมมาฝาก และผมเองยังไม่มีโอกาสได้มารายงานผลงานกับท่านเลขาธิการหวังเลยผมต้องขออนุญาต” คุณนายหยางเองเธอพยักหน้า "ดูเหมือนสามีของฉันไม่ค่อยสบายและคงไม่อยากรับแขก คุณมีอะไรฝากบอกฉันได้เลย"
“ผมเองก็อยากเขาไปเยี่ยมท่านเลขาด้วย น่าจะเป็นเรื่องที่ดี”
แน่นอนว่าในฐานะภรรยาของหวังอันชิซึ่งเขามีตำแหน่งเป็นถึงเลขาธิการพรรค การที่เธอเปิดประตูมาและจำดงซูบินได้ทันที นั้นร่วมถึงหน่วยงานที่เขาสังกัด ถ้าเป็นผู้นำคนอื่นพวกเขาจะต้องปลื้มใจมากแน่นอน เพราะแสดงให้เห็นว่าผู้นำสูงสุดของมณฑลนสนใจและใส่ใจคนๆนั้น แต่ตอนนี้คนๆที่ยืนอยู่ตรงนี้คือดงซูบินเธอเองไม่ได้แสดงสีหน้าที่มีความสุขเท่าไรนัก อีกทั้งเธอแอบคร่ำครวญ เป็นเพราะว่าครั้งแรกที่ทั้งสองพบกัน มันเป็นประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไร เพราะในร้านอาหารพิงอัน ดงซูบินสั่งเมนธูผู้หญิงสี่สิบ" ให้กับคุณนายหยางแต่ดันเป็นเต้าหู้เน่า ดังนั้นหลังจากเหตุการณ์นั้นสิ่งที่ดงซูบินต้องการคือ ไม่ต้องการให้หคุณนายหยางจำเขาได้ เพราะมันคงไม่ดีกับเขาเท่าไรนัก ดูสิ อีกทั้งเธอพยายามไม่ให้ดงซูบินเข้าไปเยี่ยมหวังอันชิอีกตั้งหาก
ดูเหมือนดงซูบินมีทางเดียวคือการต้องบอกลาเธอ แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากชั้นล่าง
ในทันใดนั้น หวังหยูรินก็ขึ้นมาชั้นบนพอดี "ห๊ะ เลขาซูบิน คุณมาที่นี่ทำไม" ในขณะนั้นมือของเธอก็ถือถุงอาหารมาด้วย
ดงซูบินกล่าวว่า "โอ้ พอดีว่าฉันมาหา...“ทันใดหวังหยิรนนั้นจำได้ว่าดงซูบินขอที่อยู่ตอนนั้น ฉันคิดว่าเลขาซูบินจะมาตอนเย็นเสียอีก ไม่คิดว่าเขาจะมาที่นี้เร็วขนาดนี้” คุณทานอะไรหรือยัง? ถ้าอย่างงั้นเรามาทานข้าวกันเถอะ “คุณนายหยางเหลือบมองไปที่หวังหยูริน และมันจะดูเป็นการหักหน้าเกินไปหน่อยถ้าปฏิเสธให้ดงซูบินเข้าไปต่อหน้าหวังหยูรินซึ่งเป็นเจ้านายของเขา!” ถ้าเช่นนั้นเชิญข้างในก่อน …W,
“นี้จะเป็นการรบกวนไหม…” ดงซูบินกล่าวอย่างสุภาพ
“ไม่รบกวนเลย เลขาซูบินรีบเข้ามาเถอะ” หวังหยูรินพยายามชักชวนดงซูบินเข้ามาในทันที
ด้วยการเชิญชวนของหวังหยูริน ในที่สุดดงซูบินก็เข้าไปในบ้านของเลขาธิการพรรคเขตโดยไม่ได้สนใจว่าคุณนายหยางจะคิดยังไงกับเรื่องนี้
ทันใดนั้นประตูห้องนอนของห้องด้านหลังก็เปิดออกเล็กน้อย
ชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าซีดค่อย ๆ ออกมา เขาคนนั้นคือหวังอันชิ ในเวลานี้ เลขาหวังสวมชุดนอนและดูเหมือนกำลังหลับอยู่ เขาก็แสดงสีหน้าที่ไม่ค่อยดีออกมาดูเหมือนอาการไส้ติ่งอักเสบของเขาจะกำเริบออกมา ทันทีที่ออกมาก็มองดูภรรยา , “พอดีฉันต้องการยานะ อ่าวหยูรินก็มาที่นีด้วยอย่างงั้นหรอ”
..."
คุณนายหยางรีบไปหยิบน้ำและยาทันที
ดงซูบิน รีบพูดว่า: "สวัสดีครับท่านเลขธิการหวัง ผมคือดงซูบิน จากสำนักงานเขตกวางหมิง" เมื่อเห็นเช่นนั้นหวังยูรินก็กล่าวทันที "หัวหน้าของหยูรินหรอเนี่ย นั่งลงก่อนสิและเดียวฉันจะให้หยูรินชงชาให้คุณเอง"
คุณนายหยางหยิบยาให้หวังอันซีก็ที่เขาจะทานมันเข้าไปและจิบน้ำเล็กน้อย
ดงซูบินให้ความสนใจกับการแสดงออกของหวังอันชิเขาอยากรู้ว่าหวังอันชิจะรู้สึกยังไงเมื่อพบกับเขา แต่หลังจากที่เขาแนะนำตัว หวังอันชิก็ไม่ได้ปฏิกิริยาใดๆออกมา ในสายตาของเขา ดูเหมือนว่าเขาเองก็คงจะรู้จักดงซูบินแต่เขาแค่แสร้งทำเป็นไม่สนใจเท่านั้น ซึ่งก็น่าจะเป็นเรื่องดี อย่างน้อยเขาก็หวังว่าหวังอันชิคงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับตัวของดงซูบินเอง
หลังจากดื่มยาแล้วหวังอันชิดูเหมือนจะรู้สึกดีขึ้นและนั่งลงบนโซฟา
คุณนายหยางพูดออกไปทันทีว่า: "ซูบินเองก็บอกว่าเขามีเรื่องที่ต้องการจะรายงานให้คุณทราบ"
"โอ้?" หวังอันชีมองอย่างใจเย็นไปที่ดงซูบิน "เกิดอะไรขึ้น" เมื่อเห็นว่าทั้งคู่จะคุยกัน คุณนายหยางก็เลยพาหวังหยูรินเข้าครัวด้วยกัน หลังจากนั้น พวกเธอก็เริ่มทำอาหารและทำอาหาร
ดงซูบินไม่ได้นั่งลงในทันทีและกล่าวด้วยความเคารพว่า: "มันเป็นเรื่องของการประกวดหน่วยงานต้นแบบครับ หลังจากได้รับโทรศัพท์จากสำนักงานส่งเสริมผู้สูงอายุแห่งชาติ รัฐบาลกลางได้เชิญที่สำนักงานเขตกวางหมิง ให้เข้าร่วมในการประชุมในครั้งนีด้วย”
หวังอันชิพยักหน้าเล็กน้อย “โอเค ทำได้ดีมาก”
ดงซูบินกระพริบตาและมีบางสิ่งบางอย่างในคำพูดที่ว่า".. ทางสำนักงานเขตกวางหมิงไม่เองไม่กล้าที่จะรับความดีความชอบนี้ไว้คนเดียวหรอกครับ จริงทางเรามีโอกาสมาถึงนี้ได้ก็เพราะได้รับโอกาสจากท่านเลขาธิการหวัง ทางสำนักงานเขตกวางหมิงเองยินดีที่จะตอบสนองนโยบายของทางคณะกรรมการพรรคในปัจจุบันและอนาคต “คำพูดข้างต้นแสดงให้เห็นว่าดงซูบินนั้นให้เกียรติกับทางเลขาหวังเอามากๆ และเป็นส่วนหนึ่งของแผนที่จะทำให้เขาบรรลุเป้าหมายที่ต้องการได้ อีกทั้งดงซูบินนั้นใช้ถอยคำที่เหมาะสมและไม่ต้องตีความอะไรมากมาย
เมื่อได้ยิน เช่นนั้นหวังอันชิก็ยังนิ่งเงียบ เขามองลึกๆ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ตอบการ
สนทนาต่อใด แน่นอนว่าครั้งนี้ดงซูบินเอาจริง และงานของวันนี้ก็ถือว่าเสร็จสมบูรณ์แล้ว หากดงซูบินต้องการให้ หวังอันชินยอมรับเขา “ฉันเกรงว่าคุณจะต้องพยายามทีละน้อย. คุณเองต้องทำความเข้าใจคนในพื้นที่ก่อน นั้นถึงความเร่งด่วนและรวดเร็วในการดำเนินการด้วย
"ตอนนี้อาการของท่านดีขึ้นหรือยัง? "
หวังอันชินยิ้มและกล่าวว่า" มันก็ดีขึ้นกว่าเมื่อวาน ตอนนี้ฉันไม่ค่อยเจ็บเท่าไรแล้วล่ะ “ดงซูบินพูดด้วยความกังวล:”ถ้าไส้ติ่งอักเสบเจ็บมันก็จะไม่หายไปนะครับ คุณต้องไปผ่าตัดจริงๆ ถ้าคุณกังวลเกี่ยวกับโรคเบาหวาน ตอนนี้มีโรงพยาบาลดีๆ มากมาย นี่ไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่ "
หวังอันชีจับมือตัวเอง “ฉันจะต้องขอตัวไปทานยาก่อน” เมื่อเห็นสิ่งที่เขาพูด ดงซูบินก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
เบาหวานแถมไส้ติ่งอักเสบ ดงซูบินก็เคยได้ยินมาเหมือนกันนะ ถ้าเป็นเบาหวานชนิดที่ร้ายแรงกว่า คนไข้อายุมาก แผลหายยากจริงๆ คนตายจึงไม่ใช่เรื่องแปลก และยังมีอีกมาก เพิ่มเติม มันลำบากจริงๆและก็ทรมานมากด้วย
ข้อผิดพลาด!
รอสักครู่!
ทันใดนั้นแรงบันดาลใจของ ดงซูบิน ก็ไปถึงหวังอันชิ โรคนี้ทำให้เกิดการระคายเคือง เมื่อเขารู้วิธีการรักษาหวังอันชิแล้ว และหวังอันชิก็กลัวอันตรายหลังจากการเข้าผ่าตัด ดังนั้น ถ้าเขาสามารถรักษาโรคของหวังอันชิได้ ก็คงไม่จำเป็นต้องผ่าตัด หวังอันชิจะสนใจฉันมากขึ้นไหม ? ด้วยความสัมพันธ์นี้หวังอันชิจึงมีเหตุผลที่จะยอมรับตัวเองอีกครั้ง และความเข้าใจผิดของคุณนายหยานและความไม่พอใจเล็กน้อยก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่ปัญหา!
ส่วนวิธีรักษาโรค...
เขาจะพลังย้อนกลับเฉพาะจุดที่พึ่งค้นพบใหม่กับการรักษานี้ได้หรือไม่?
พลังงนี้สามารถทำให้ทับทิมหนึ่งลูกจากผลสุกไปเป็นผลดิบได้
ใช้ซ่อมแซมสร้อยคอหยกที่แตกได้ให้กลับมาดังเดิม
ทำให้แผลของซูหยานลดลงจนกลับมาเป็นคนปกติ
ในกรณีนี้ การย้อนกลับตามธรรมชาติยังช่วยให้ไส้ติ่งอักเสบของ หวังอันชิ อาการดีขึ้นได้ตามเวลาก่อนที่ไส้ติ่งอักเสบของเขาจะเกิดขึ้น และนั้นเป็นทางเดียวที่จะรักษาโดยไม่ต้องทำการผ่าตัด! ?
ใช่!
นี่เป็นไปได้อย่างแน่นอน!
พลังนี้พึงค้นพบไม่นานหลังจากนั้นและดงซูบินเองยังไม่ได้ศึกษามันอย่างละเอียด ทันทีที่ความคิดนี้ออกมา มันเหมือนกับทางสว่างให้กับดงซูบิน เขารู้วิธีการรักษาคนให้กลับมาเป็นปกติ มันเป็นพลังพิเศษที่สามารถรักษาได้ทุกโรค!
เฮ้.
นี้เขาเหมือนได้กลายเป็นหมอที่ฉลาดที่สุดในโลก? ?