Chapter 49 : มีคนมาถึงก่อนไคลน์?
“สงสัยจริงๆว่าแก๊สพิษพวกนี้กลิ่นเป็นยังไง”
ไคลน์อดที่จะพึมพำออกมาท่ามกลางหมอกพิษไม่ได้
แก๊สพิษสีขาวขุ่นพวกนี้บดบังทัศนวิสัยของเขาส่วนใหญ่ไป การมองเห็นของเขาในตอนนี้ไม่สูงมากนักดังนั้นเขาจึงมองสภาพแวดล้อมของทั้งสุสานได้ไม่ชัดเจนนัก
ไคลน์ค่อยๆล่อนลงบนพื้นอย่างช้าๆ
ตามหาหีบสมบัติทองแดงก่อนแล้วกัน
ไคลน์เดินตรงไปเป็นลำดับแรก
หลังจากเดินมาได้ราวๆยี่สิบเมตรเขาก็ชนเข้ากับผนัง
บนพื้นมีพืชเติบโตอยู่จำนวนหนึ่งซึ่งล้วนเป็นพืชที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนทั้งนั้น
ไคลน์ย่อตัวลงเพื่อตรวจสอบพวกมัน
พืชเหล่านี้มีอยู่ด้วยกันทั้งหมดสามชนิด
ชนิดแลกคือใบหญ้าที่มีจุดๆสีขาวขุ่นขึ้นอยู่บนต้น
ชนิดที่สองดูเหมือนกับแขนที่ถูกดอกไม้สูบพลังจนแห้งเหี่ยวคล้ายกับกระดูกเหี่ยวๆท่อนหนึ่ง
ชนิดที่สามมีสีแดงและห้อยหัวลงกับพื้น
ไคลน์ไม่กล้าแตะพวกมันจริงๆ
พวกมันสามารถเติบโตขึ้นมาได้ทั้งๆที่ในสุสานเต็มไปด้วยแก๊สพิษก็หมายความว่าพวกมันจะต้องมีพิษแน่นอน
ไคลน์จัดการสวมใส่ถุงมือหนังทั่วไป
พิมพ์เขียวที่เขาใช้เนื้องูความยาวเท่าแขนแลกมาสามารถสร้างของสวมใส่ใดๆก็ได้โดยใช้หนังสัตว์
[อย่าแตะจะดีที่สุด พืชชนิดนี้จะทำให้ผิวหนังของท่านเป็นผื่นคัน]
[จงระวัง! บนผิวหน้าของพืชชนิดนี้มีพิษร้ายแรงและจะทำให้ท่านคันคะเยอ]
[อย่าปล่อยให้พืชชนิดนี้ไปโดนแผลของท่านไม่อย่างนั้นแผลของท่านจะเน่าเปื่อย]
แจ้งเตือนปรากฏขึ้นมาบนพืชทั้งสามชนิดทีละอย่างๆ
ในหน้าต่างแจ้งเตือนปรากฏรายละเอียดของพืชทั้งสามทีละชนิดๆเช่นกัน
[แจ้งเตือนจากระบบ : หญ้าพิษลายจุด +12]
[แจ้งเตือนจากระบบ : ดอกกระดูกขาว +10]
[แจ้งเตือนจากระบบ : หญ้าเปื้อนเลือด +9]
ทั้งหมดถูกเก็บไปตามปกติ
ไคลน์มองไปรอบๆอีกครั้งแต่ก็ไม่เห็นพืชชนิดใดอีกแต่กลับพบวัตถุดิบจำนวนหนึ่งบนพื้นแทน
เขายังคงออกตามหาหีบสมบัติทองแดงต่อไป
หลังจากวนอยู่รอบๆสุสานซักพักในที่สุดเขาก็เห็นเค้าโครงของหีบสมบัติทองแดงวางอยู่ตรงมุมๆหนึ่ง
คำใบ้สีทองเด้งขึ้นมาว่ามีพิษฉาบอยู่บนผิวของกล่องสมบัติ!
‘ดูเหมือนถ้าอยู่นานๆเข้าตัวเราเองก็คงโดนแก๊สพิษปนเปื้อนเหมือนกัน’
ไคลน์รู้ดีว่าเขาต้องลงมือให้เร็วที่สุด
ไม่อย่างนั้นแล้วผิวและเส้นผมหรือเส้นขนของทั้งเขาและจิ้งจอกน้อยจะต้องปนเปื้อนแก๊สพิษแน่ๆ
ปริมาณของพิษอาจจะไม่มากนักแต่ก็อาจจะทำให้คันในระดับหนึ่ง
ไคลน์สวมถุงมือและเดินเข้าไปเปิดหีบ
[แจ้งเตือนจากระบบ : หีบสมบัติทองแดง +1]
[แจ้งเตือนจากระบบ : พิมพ์เขียวโพชั่นโครงกระดูกชั้นยอด +1]
[แจ้งเตือนจากระบบ : พิมพ์เขียวยาแก้พิษชั้นยอด +1]
[แจ้งเตือนจากระบบ : รูนลม +1]
ทั้งสองอย่างล้วนเป็นพิมพ์เขียวสำหรับสร้างโพชั่นทั้งคู่!
ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดโพชั่นโครงกระดูกน่าจะเป็นยาพิษขณะที่ยาแก้พิษก็คือขั้วตรงกันข้าม
[พิมพ์เขียวโพชั่นโครงกระดูกชั้นยอด : สำหรับสิ่งมีชีวิตที่ปราศจากความต้านทานพิษแล้วนี่คือไอเทมที่ต้องมีถ้าต้องการเอาชีวิตพวกมัน]
[พิมพ์เขียวยาแก้พิษชั้นยอด : สามารถล้างอาการติดพิษทั่วๆไปได้ ส่งผลเร็วมาก]
เรียนรู้ให้หมด!
เมื่อเสร็จสิ้นไคลน์ก็หยิบพลั่วขึ้นมาและเดินหาจุดเหมาะซักจุด เขาตรงไปยังกำแพงทางด้านซ้ายและเริ่มทำการขุด
ในขณะที่เขาขุดไปเขาก็มองไปที่วัตถุดิบที่ใช้สร้างยาทั้งสองชนิดด้วย
[โพชั่นโครงกระดูกชั้นยอด : หญ้าพิษลายจุด 12/3 , ดอกกระดูกขาว 10/2 , หญ้าเปื้อนเลือด 9/2 , น้ำ 8200/100มิลลิลิตร , ไฟ]
[ยาแก้พิษชั้นยอด : หญ้าล่องเหมันต์ 33/6 , ผลไม้หวาน 0/1 , หญ้าม้วน 0/5 , ไฟ]
วัตถุดิบสำหรับสร้างโพชั่นโครงกระดูกเขามีมากพอแต่ยาแก้พิษเขามีเพียงแค่หญ้าล่องเหมันต์เท่านั้น
แน่นอนว่าเรื่องผลไม้หวานไม่จำเป็นต้องกังวลเพราะในอนาคตเขาจะมีพวกมันแบบไม่จำกัดเลย
แต่จนถึงตอนนี้เขายังไม่เคยเห็นหญ้าม้วนมาก่อนเลยดังนั้นเขาจึงสงสัยเหลือเกินว่ามีใครวางขายมันเอาไว้ในตลาดแลกเปลี่ยนบ้างหรือเปล่า
เพื่อให้ออกไปจากสุสานให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ไคลน์จึงขุดให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้
ในเวลาเพียงไม่ถึงครึ่งนาทีไคลน์ก็ขุดมาจนถึงชั้นหลุมดำแล้ว
ไคลน์เริ่มจากการใช้ดินปิดทางผ่านด้านหลังเอาไว้ก่อนเพื่อไม่ให้แก๊สพิษตามมาได้
ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปยังหลุมดำเขาจำเป็นต้องต้องเช็คสถานการณ์ของสุสานทางด้านซ้ายให้ดีเสียก่อน
แค่เพราะแผนที่ไม่มีสัญลักษณ์แสดงว่ามีอันตรายก็ใช่ว่ามันจะไม่มีอันตรายใดๆซักหน่อย
[มีคนมาถึงสุสานทางด้านซ้ายนี้ก่อนท่าน ยังไงก็ตามอีกฝ่ายหนึ่งกำลังเผชิญกับแมงมุมแวมไพร์เจ้าปัญหาและถูกมันจับแขวนเอาไว้ในฐานะของอาหารสำรองของแมงมุมแวมไพร์แล้ว จงหลีกเลี่ยงการลอบโจมตีของแมงมุมแวมไพร์และหั่นมันเป็นชิ้นๆด้วยมือของท่านเพื่อแสดงความเป็นลูกผู้ชาย บางทีท่านอาจจะชนะใจหญิงสาวก็เป็นได้]
สุสานด้านหน้าไม่เพียงแต่มีสิ่งมีชีวิตแห่งสุสานเท่านั้นแต่ยังมีคนมาถึงก่อนเขาด้วย
ไคลน์ขมวดคิ้วเล็กน้อย
‘ผู้หญิงหรอ?’
‘รอให้ตายไปก่อนแล้วค่อยเข้าไปดีไหม?’
ไคลน์กังวลว่าอาจจะมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นดังนั้นเขาจึงลังเลอยู่ซักพักก่อนที่จะตัดสินใจเข้าไปตอนนี้เลย
แต่ก่อนที่จะเข้าไปเขาต้องดูข้อมูลของแมงมุมแวมไพร์เสียก่อน
เขาเปิดเมนูคู่มือขึ้นมาและเริ่มค้นหาชื่อของมัน
ไม่นานนักผลลัพธ์ก็ปรากฏ
[แมงมุมแวมไพร์คือสิ่งมีชีวิตแห่งสุสานที่ชอบดื่มเลือดสดๆ มันมีใบหน้าคล้ายกับค้างคาวและชอบลอบโจมตีสิ่งมีชีวิตอื่น ตามปกติแล้วมันมักจะซ่อนตัวอยู่ในจุดที่ไม่มีใครสังเกตเห็นเพื่อทำการลอบจู่โจมศัตรู ผิวหนังชั้นนอกบนร่างกายของมันก็เปรียบดั่งชุดเกราะของมัน]
[สกิล : โลหิตเพลิงผลาญฟื้นฟูพลังชีวิต]
[จุดอ่อน : ดวงตาค่อนข้างอ่อนไหวต่อแสงสว่างเจิดจ้า]
[ระดับความอันตราย : 28]
เขาตรวจสอบสกิลของมันต่อ
[โลหิตเพลิงผลาญฟื้นฟูพลังชีวิต : เผาผลาญเลือดในกายของตัวเองเพื่อฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้อย่างรวดเร็ว คูลดาวร์ – 60นาที]
ไคลน์หยิบเอาตะเกียงรูนออกมาแบบเงียบๆและเข้าสู่สภาวะตั้งใจ
ถ้าเขาไม่สามารถจัดการมันได้เขาก็จะใช้ตะเกียงรูนนี่ช่วย
แต่ถ้าเขาจัดการมันได้ตะเกียงรูนนี่ก็ไม่จำเป็น
นี่เขาเรียกว่าการเตรียมพร้อม ยังไงเสียระมัดระวังไว้ก่อนก็ดีกว่า!
“จิ้งจอกน้อยไปกัน” ไคลน์กล่าวและเดินนำเข้าไปสู่ชั้นหลุมดำ
ฉากเบื้องหน้าของไคลน์แปรเปลี่ยนไป
สุสานแห่งที่สามสิบห้า!
ไคลน์กระชับหน้าไม้รูนเอาไว้ในมือซ้ายและมีดรูนเอาไว้ในมือขวา
เขาตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยรอบด้วยความระมัดระวัง
ในสุสานแห่งนี้มีเสาหินตั้งอยู่มากมายแต่ไคลน์ก็ยังไม่พบตัวของแมงมุมแวมไพร์
น่าจะซ่อนตัวอยู่แน่นอน
ไม่ไกลนักบนเสาหินต้นหนึ่งมีรังไหมสองรังถูกห้อยเอาไว้
พวกเขามองลงมาผ่านรังไหมและส่งเสียงอู้อี้ออกมา ไม่รู้จริงๆว่าพวกเขากำลังขอให้ช่วยหรือเตือนให้ไคลน์ระวังตัวกันแน่