157 - ตัวตนถูกเปิดเผย
157 - ตัวตนถูกเปิดเผย
เย่ฟ่านไม่ต้องการที่จะยอมแพ้ในขณะที่เขาเริ่มแกะสลักคำบนหม้อของเขา ตัวอักขระโบราณเก้าตัวเริ่มเรืองแสงในขณะที่มันรวบรวมพลังงานศักดิ์สิทธิ์ลึกลับ
นี่คือการใช้สิ่งประดิษฐ์เพื่อกดดันร่างกายตามที่บันทึกไว้ในคัมภีร์เต๋าเพื่อให้เส้นทางแห่งความเป็นอมตะของเขามีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น
เย่ฟ่านไม่รู้จักอักขระโบราณทั้งเก้าตัวและเพียงแค่ใช้พวกมันเหมือนจารึกเต๋าตามสิ่งที่บันทึกไว้ในคัมภีร์เต๋า โดยไม่มีข้อผิดพลาดใดๆและแกะสลักพวกมันไว้ในหม้อได้สำเร็จ
หม้อที่ลอยอยู่เหนือทะเลแห่งความทุกข์ค่อยๆเลือนลางในขณะที่มันพ่นพลังปราณที่จางหายไปสู่ความว่างเปล่า ไอแห่งพลังปฐมแห่งความโกลาหลพุ่งออกมาก่อนที่จะผสมเข้าสู่ "เส้นทาง" และ "เต๋า" ให้ความรู้สึกลึกลับที่สมบูรณ์แบบ
จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แห่งเผ่าอสูร ย้อนกลับไปในวันที่ชื่อของเขาเป็นที่รู้จักทั่วดินแดนรกร้างตะวันออกเขาสามารถต่อสู้กับทุกคนได้และไม่เคยพ่ายแพ้ตลอดชีวิต หัวใจของเขาจะเป็นสิ่งที่ธรรมดาได้อย่างไร
ดังนั้นเย่ฟ่านต้องใช้ทุกวิถีทางเพื่อกดดันเอาเลือดของหัวใจออกมา หม้อของเขากดเข้าใส่หัวใจศักดิ์สิทธิ์มึงทำให้มันเกิดความสั่นสะเทือนเล็กน้อย
"ผนึก!"
เย่ฟ่านตะโกนในใจ เมื่อมีก้อนทองเหลืองอยู่ เขาต้องพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งเลือดศักดิ์สิทธิ์ มิฉะนั้นการปล่อยให้หัวใจดำรงอยู่ในร่างกายของเขาจะสูญเปล่าในทันที
“บูม!”
ในช่วงเวลานี้หัวใจศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดิอสูรไม่นิ่งอีกต่อไปเมื่อแสงสีแดงเข้มพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า เมฆสีแดงเข้มก็กระจายไปทุกทิศทุกทาง
หลังจากการยั่วยุซ้ำแล้วซ้ำเล่ามันก็ไม่สามารถทนได้อีกแล้ว แสงสว่างสีเลือดกระเพื่อมออกมาเป็นจังหวะก่อนจะบดขยี้เข้าใส่ทะเลแห่งความทุกข์สีทองของเย่ฟ่าน
พายุโหมกระหน่ำภายในทะเลแห่งความทุกข์เมื่อแหล่งน้ำกว้างใหญ่พัดผ่านท้องฟ้า กงล้อแห่งชีวิตก็สั่นสะเทือนและเป็นฟอง กงล้อแห่งทะเลไม่สงบอีกต่อไป แต่มีกลิ่นอายที่ทำให้ผู้คนที่อยู่โดยรอบเกิดความรู้สึกหวาดกลัว
พลังปราณแห่งชีวิตของหัวใจนั้นรุนแรงเกินไป แก่นแท้ของเลือดแต่ละเส้นดูเหมือนจะมีพลังงานที่ลึกซึ้ง และตอนนี้แก่นแท้ของเลือดก็อาบลงไปที่มอบของเย่ฟ่านพร้อมกับลบอักขระเก้าตัวที่เขาเพิ่งสลักได้สำเร็จออกไป
ตัวอักขระทั้งเก้านั้นไม่ธรรมดา แต่การฝึกฝนของเย่ฟ่านนั้นอ่อนแอเกินไป เขาไม่สามารถควบคุมมันได้อย่างเต็มที่เปิดโอกาสให้หัวใจของจักรพรรดิอสูรได้ทำลายมัน
เย่ฟ่านตกใจและเดือดดาลมาก เขาพยายามดูดซับแก่นแท้ของเลือดจำนวนมากที่หัวใจของจักรพรรดิอสูรปล่อยออกมาลบล้างอักขระของเขา
หม้อเป็นเหมือนแม่ขนาดใหญ่ที่รวบรวมแม่น้ำทุกสายในบริเวณใกล้เคียง ในเวลานี้มันตอบสนองต่อความต้องการของเย่ฟ่านและพยายามดูดกลืนเลือดจากหัวใจของจักรพรรดิอสูรอย่างบ้าคลั่ง
ในเวลาเดียวกันก้อนทองเหลืองรู้สึกได้ถึงความแปรปรวนไม่รู้จบภายในกงล้อแห่งทะเล มันขยับตัวเบาๆและพลังชีวิตอันมากมายมหาศาลของหัวใจจักรพรรดิอสูรก็ถูกบดขยี้ทันที
หัวใจของเย่ฟ่านกระวนกระวายใจ ภายในหม้อขนาดเล็กมีแก่นแท้ของเลือดซึ่งเป็นประกายสีแดงหมุนวนอยู่ภายใน ในการต่อสู้กันเมื่อสักครู่ท้ายที่สุดแล้วเขาสามารถรวบรวมเลือดได้เพียงหยดเดียวเท่านั้น
หม้อหมุนอย่างรวดเร็วและแก่นโลหิตก็กลายเป็นหมอกเลือดที่ไม่มีที่สิ้นสุดซึ่งกระจายไปทั่วร่างกายของเขา
ภายในป่าบ๊วยใต้ต้นบ๊วยโบราณ เย่ฟ่านนั่งเงียบและไม่เคลื่อนไหว ร่างกายของเขาเป็นสีแดงก่ำเนื่องจากหลอดเลือดทั้งหมดภายในร่างกายของเขาดูเหมือนจะบวมขึ้น
เลือดของเขาเป็นเหมือนแม่น้ำสายใหญ่ที่ไหลทะลักไปทุกทิศทุกทาง กระดูกภายในร่างกายของเขานั้นบริสุทธิ์มากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าแล้วตอนนี้มันก็ส่งเสียงดังคล้ายกับกำลังจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่
เลือดศักดิ์สิทธิ์หยดเดียวจากจักรพรรดิอสูรได้ไหลผ่านร่างกายของเขาทั้งหมด การหลอมนี้เป็นกระบวนการที่ช้ามาก ซึ่งทำให้ผิวหนังของเย่ฟ่านดูเปล่งประกาย ร่างกายของเขาก็แข็งแกร่งขึ้น
เรื่องนี้ดำเนินต่อไปทั้งวันทั้งคืนก่อนที่เย่ฟ่านจะลืมตาขึ้นมาในตอนเช้า เย่ฟ่านรู้สึกถึงความแข็งแกร่งของร่างกายของเขา มันแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนมาก
ในเวลานี้เย่ฟ่านรู้สึกได้ว่าเขาสามารถเคลื่อนย้ายภูเขาได้ด้วยซ้ำ!
“ถ้าข้าดูดซับเลือดศักดิ์สิทธิ์มากกว่านี้ ข้าจะสามารถสัมผัสกับการเปลี่ยนแปลงอันมหัศจรรย์ภายในร่างกายของข้าเป็นครั้งที่สามอย่างแน่นอน”
ไม่ไกลออกไป ฉินเหยาเดินเข้ามาพร้อมกับเสื้อแขนสั้นที่เปิดเผยเนินอกเล็กน้อยในขณะเดียวกันกับกระโปรงของนางก็สั้นกว่าปกติมาก
การแต่งกายของนางดูกล้าหาญและเผยให้เห็นผิวหนังที่งดงามผ่องใสราวกับหยกเนื้อดี
“เจ้านี่มันโลภมากจริงๆ ในที่สุดเจ้าก็รู้ถึงประโยชน์ของหัวใจของจักรพรรดิอสูรแล้ว ตอนนั้นเจ้าคิดว่าข้ากำลังพยายามทำร้ายเจ้า เจ้าจะขอบคุณข้าอย่างไร”
ฉินเยาเหลือบมองเย่ฟ่านน้ำเสียงของนางดูเย้ายวนและชวนให้หลงใหล ปานสีแดงระหว่างคิ้วของนางทำให้นางมีกลิ่นอายที่ไม่เหมือนใคร
“ข้ายากจนและมีเพียงร่างกายเท่านั้นที่เป็นของตัวเอง เจ้าจะให้ข้าแสดงความกตัญญูได้อย่างไร” เย่ฟ่านยืนขึ้นด้วยรอยยิ้มกว้าง
ผมสีดำของฉินเยาร่วงหล่นลงมา รูปร่างของนางเรียวยาวและโค้งมน เรียกได้ว่าเป็นหญิงจึงงดงามมากที่สุดคนหนึ่ง นางส่งเสียงครวญครางเบาๆขณะเดินไปข้างหน้า สีหน้าของสามารถทำให้บุรุษทุกคนรู้สึกเคลิบเคลิ้มได้อย่างง่ายดาย
“งั้นเจ้าก็ใช้ร่างกายตอบแทนข้าสิ”
นางวางมือลงบนไหล่ของเย่ฟ่านขณะที่ยื่นริมฝีปากสีแดงเข้าหาเย่ฟ่านอย่างเย้ายวน ร่างกายของนางส่งกลิ่นหอมอ่อนๆซึ่งทำให้เย่ฟ่านรู้สึกมึนงงเล็กน้อย
“ถ้าพี่สาวต้องการเช่นนั้นข้าคงได้แต่สนองอย่างเต็มที่แล้ว”
เย่ฟ่านมาจากอีกฟากหนึ่งของดวงดาว เขาเคยชินกับการคลอเคลียกันของบุรุษสตรีมาตั้งนานแล้ว
เย่ฟ่านเหยียดมืออย่างเยือกเย็นไปจับจับมือที่ขาวผ่องพร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า
“มือที่อ่อนโยนและงดงามด้วยผิวพรรณอันสมบูรณ์แบบ ข้าไม่เคยพบหญิงสาวที่ร้อนแรงเช่นนี้มาก่อนเลย…”
ฉินเยาหัวเราะอย่างเร่าร้อนขณะที่นางดึงมือของนางกลับก่อนจะบีบแก้มของเขาเบาๆและกล่าวว่า
"เจ้ายังเด็กมาก เจ้าจะรู้อะไร"
เย่ฟ่านเป็นคนทันสมัยและไม่กลัวความกล้าหาญเช่นนี้ เขายกมือขึ้นเพื่อปัดผมที่อ่อนนุ่มของฉินเหยาก่อนที่จะเคลื่อนไปลูบไล้แก้มที่เหมือนหยกของนาง
“โปรดระวังคำพูดของเจ้า ไม่เช่นนั้นเจ้าจะได้รู้ว่าข้าโตเป็นผู้ใหญ่แค่ไหนแล้ว”
ฉินเยาหัวเราะอย่างอ่อนหวาน
“บางทีในอีกสองปีเจ้ามีสิทธิ์ที่จะพูดแบบนี้!” เมื่อพูดอย่างนี้แล้ว นางเลียริมฝีปากสีแดงของนางขณะที่เป่าหูเขาเบาๆ
“ผู้ชายที่แท้จริงไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดเพื่อพิสูจน์ตัวเอง” ปานสีแดงของฉินเยาดูเหมือนจะเรืองแสงขณะที่ดวงตาของนางจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของเย่ฟ่าน
เย่ฟ่านรู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจล้อเลียนเขาดังนั้นแขนของเขาจึงคล้องเข้าไปที่เอวคอดกิ่วของหญิงสาวและกล่าวว่า
“เราคุยกันเรื่องชีวิตและความลึกลับของมันกันดีไหม? ให้พี่สาวได้สอนข้าทุกเรื่อง?”
ฉินเยาตกตะลึง นางไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าได้ขนาดนี้ นางใช้นิ้วจิ้มหน้าผากทองเย่ฟ่านและพยายามถอยกลับ
ร่างกายของเย่ฟ่านแข็งแรงแขนของเขาเป็นเหมือนโลหะศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้เขารู้สึกราวกับว่ากำลังกอดหยกอุ่นๆไว้ในอ้อมแขน ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยหญิงสาวคนนี้ไปง่ายๆแน่นอน
“พอได้แล้ว ปล่อย!”
ฉินเหยาหยุดกะทันหัน ดวงตาของนางมีความขุ่นเคืองเล็กน้อยปานสีแดงระหว่างคิ้วของนางปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์บางอย่างออกมาทำให้ร่างกายของเย่ฟ่านขยับตัวไม่ได้
“เทพธิดาฉิน เรายังไม่ได้พูดถึงชีวิตและความลึกลับของมันเลย”
เย่ฟ่านมีการแสดงออกอย่างอิสระและไม่เขินอาย ในโลกของเขานั้นการหยอกล้อเช่นนี้มีอยู่เสมอระหว่างหญิงชาย ดังนั้นหากอีกฝ่ายคิดว่าเขาเป็นเด็กและต้องการล้อเลียนเขาเช่นนี้ คนที่จะขาดทุนคงไม่ใช่เขาอย่างแน่นอน
“เลิกเล่นได้แล้ว!” ฉินเยาม้วนผมที่นุ่มสลวยของนางและกล่าวว่า
“ข้ามาที่นี่เพียงเพื่อแจ้งให้เจ้าทราบว่าเรากำลังวางแผนที่จะออกจากอาณาจักรเว่ยเวลาใดก็ได้ เจ้าควรเตรียมตัวให้พร้อม”
"ทำไม?" เย่ฟ่านรู้สึกงงงวย
“ตระกูลจี้มีการเคลื่อนไหวแปลกๆ เราสงสัยว่าพวกเขาอาจจะรู้ถึงตัวตนของพวกเราแล้ว”
นิกายซ่วนหยวนดูเหมือนเป็นนิกายจากเผ่าพันธุ์มนุษย์และตั้งอยู่ที่นี่มาเป็นเวลาหลายปี แต่สถานที่ที่มีเฉพาะหญิงสาวงดงามมักจะดึงดูดผู้คนได้ง่ายๆ
เมื่อนิกายที่มีเอกลักษณ์เช่นนี้ดึงดูดผู้คนมากเข้าในไม่ช้าพวกนางจะต้องถูกตรวจสอบและมันก็เป็นเรื่องยากที่จะสามารถปกปิดตัวเองไว้ได้