ตอนที่ 83 โลหะสั่นพ้อง
ตอนที่ 83 โลหะสั่นพ้อง
สิ่งแรกที่เห็นหลังจากกายลงจากรถม้าลากหกล้อ นั้นก็คือ ปราสาทหลังใหญ่ที่อยู่ภายในภูเขา ตอนนี้พวกเขาทุกคนอยู่ที่หน้าปราสาท
คนนำทางเดินพาพวกเขามาที่หน้าประตูปราสาท หลังจากคนนำทางพูดคุยกับยามที่เฝ้าประตูเสร็จก็พาพวกเขาเข้าไปด้านในปราสาท ตามทางเดินนั้นมืดมิดจนน่าหวาดหวั่น
แต่พอพ้นทางเดินด้านในกลับเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนนับพัน ๆ คน ทั้งหมดต่างพากันหาที่จับจองนั่ง
กายหันกลับไปมองคนนำทาง แต่ชายคนนั้นหายไปแล้ว คนที่มาพร้อมกับกายต่างก็แยกกันไปคนละทางหาที่นั่งของตัวเอง
คงต้องหาที่นั่งก่อน...
กายเดินไปนั่งยังมุมหนึ่ง ซึ่งในสถานที่ทุกคนอยู่รวมกันนี้มันเป็นเหมือนกับโรงละครขนาดใหญ่ที่ปรับเปลี่ยนให้เป็นโรงประมูล มีชั้นที่นั่งจำนวนมาก นี่เป็นเพียงชั้นล่างเท่านั้น ด้านบนยังมีชั้นสองที่เป็นห้องส่วนตัว ด้านหน้าจุดรวมสายตาของผู้เข้าร่วมการประมูลเป็นเวทีที่มีม่านกั้นสีแดงสลักลายสวยงามสีทองแปลกตา
กายเดาว่าลวดลายที่ถูกปักเหล่านั้นมาจากทองคำที่ถูกทำให้เป็นเส้นด้ายปักไปในเนื้อผ้า นอกจากม่านแล้วรอบห้องยังถูกตกแต่งด้วยสิ่งของมีมูลค่าไม่ต่างกัน ที่นี่ยังมีหลอดไฟจิตวิญญาณส่องสว่างอยู่ตามมุมต่าง ๆ ของโรงประมูล
หรูหราสุด ๆ ทั้งห้องคงจะใช่เงินไม่ต่ำกว่าล้านทอง...กายประเมินโถงประมูลในใจ ในตัวของกายมีเงินติดตัวมาแค่ 11,500 ทองเท่านั้น
กายจึงจินตนาการไม่ออกมา เงินนับล้านทองจำนวนมากขนาดนั้น บางทีเราอาจจะสามารถตั้งกิลด์ใหญ่ ๆ และสร้างกองทัพผู้เล่นได้ด้วยเงินนับล้านทอง...
...
“สวัสดีผู้เข้าร่วมการประมูลทั้งเก่าและใหม่ เราคงไม่ต้องบอกกฎให้ยุ่งยาก ถ้าใครจะเสนอราคาสามารถยกป้ายเสนอราคาซึ่งมีตัวเลขกำกับอยู่ขั้นมาได้ ป้ายอยู่ที่ใต้ที่นั่งของทุกท่าน”
การประมูลเริ่มขึ้นแล้ว เสียงของพิธีการผู้ควบคุมการประมูลได้เดินขึ้นมาบนเวลา พร้อมกับประกาศออกไป ในขณะที่ม่านถูกยกขึ้น
ชายหนุ่มล้วงมือไปที่ใช้เก้าอี้ตัวเองมีป้ายเสนอราคา ด้ามจับเป็นโลหะที่ให้ความรู้สึกเย็น ๆ เส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร ความยาวประมาณ 30 เซนติเมตร ที่ปลายด้ามมีแผ่นป้ายขนาดฝ่ามือติดอยู่สลักด้วยตัวเลข 777
นี่คือตัวเลขของเราที่ใช้ประมูลในครั้งนี้สินะ
กายหยุดสนใจป้ายเสนอราคา วางมันลงข้างลำตัวก่อนจะเงยหน้ามองไปที่เวที ซึ่งกำลังจะประมูลของชิ้นแลก
“โลหะหนัก วัตถุดิบระดับต่ำค้อนไปทางระดับกลาง เป็นวัตถุดิบสำหรับทำอาวุธหนักหรือสิ่งของที่ต้องการความหนักและทนทาน ทางเรามีอยู่ 1,000 กิโลกรัม” พิธีกรพูดจบก็มีคนงานเข็นรถเข็นที่มีแท่งโลหะสิบแท่งขึ้นมาด้านบน ก่อนที่พิธีกรจะกล่าวต่อ “หนึ่งแท่งหนัก 100 กิโลกรัม จะเริ่มการประมูลทีละ 100 กิโลกรัม เริ่มที่ 300 เหรียญทอง...เพิ่มราคาครั้งละไม่ต่ำกว่า 50 เหรียญทอง”
“หมายเลข 265 ให้สามร้อยห้าสิบเหรียญทอง”
“หมายเลข 155 ให้สี่ร้อยเหรียญทอง”
“หมายเลข 23 ให้ห้าร้อยเหรียญทอง”
“หมายเลข 890 ให้หกร้อยเหรียญทอง”
เมื่อพิธีกรบอกราคาผู้คนต่างพากันเสนอราคากันอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับเสียงพิธีกรที่ประกาศหมายเลขตามป้ายผู้เสนอราคา
กายรู้ว่าโลหะหนักนั้นคือของที่นิยมในการสร้างดาบหนักและโล่โลหะที่ใช้โดยทหารราบ ซึ่งจัดเป็นอาวุธระดับ 4 ขึ้นไป พวกมันทั้งทนทานและหนักหน่วง
เพียงหนึ่งการโจมตีจากดาบหนัก กายเชื่อว่าเขาในตอนนี้ยากจะรับได้
แม้โลหะหนักจะหาไม่ยาก แต่กลับเป็นที่ต้องการของตลาดมากเกินไป มันจึงประสบปัญหาขาดแคลนโลหะหนัก ทำให้โลหะหนักมีราคาสูงขึ้น จนสุดท้ายพวกมันจะหาได้จากการประมูลแบบนี้
แน่นอนว่าที่หาได้จากการประมูลนั้นหมายถึงคนที่ไม่ใช่คนของสภาสูงหรือกองทัพ เพราะพวกนั้นครอบครองเมืองเหล็กจำนวนมาก จึงมีโลหะหนักอยู่ในคลังให้ทางกองทัพและสภาสูงใช้ได้อย่างไม่มีปัญหา
การประมูลโลหะหนักทั้ง 1,000 กิโลกรัม ต้องประมูลกัน 10 รอบ ในตอนแรกกายก็คิดจะประมูลมันมาสัก 100 กิโลกรัม
รอบแรก ๆ ราคายังไม่ดีดมากนัก แต่พอมาถึงรอบที่ 5 ราคามันขึ้นไปถึง 1,000 เหรียญทองต่อหนึ่งร้อยกิโลกรัม กายจึงหยุดความคิดของตัวเองไว้ก่อน เพราะเขาต้องเก็บเงินไว้ประมูลของสำคัญก่อนนั้นก็คือ “แร่หินดำ” “โลหะสั่นพ้อง” และ “หินลูกบาศก์” แร่หินดำนั้นเป็นของที่ใช้ในการซ่อมเกราะเกล็ดทมิฬ ส่วนอีกสองที่เหลือนั้นใช้สร้างค้อนสั่นสะเทือน
ทั้งสามจัดว่าเป็นวัตถุดิบที่ใช้งานได้หลากหลาย มันขึ้นอยู่กับช่างโลหะที่จะนำมันไปใช้ยังไง นั้นทำให้การจัดอันดับของวัตถุดิบยุ่งยากสักเล็กน้อย
ตามที่กายรู้การแบ่งวัตถุดิบแบ่งออกเป็นหลายระดับ คือ ระดับต่ำ ระดับกลาง ระดับสูง นี่คือเท่าที่กายรู้ แน่นอนว่ามันยังมีเรื่องของการหาวัตถุดิบยากง่ายต่างกันไป รวมถึงความต้องการอีกด้วย ในบางครั้งวัตถุดิบระดับต่ำค่อนไปทางระดับกลางอย่าง “โลหะหนัก” อาจจะมีราคาสูงกว่าวัตถุดิบระดับกลางบางตัว เพราะความต้องการของคนซื้อมีจำนวนมาก ซึ่งนั้นคือสิ่งที่เกิดขึ้น และถือว่าเป็นเรื่องปกติมาก
วัตถุดิบที่กายต้องการอย่าง “แร่หินดำ” เป็นวัตถุดิบในระดับต่ำเกือบจัดอยู่ในระดับกลางมันหาไม่ยากมากนัก ส่วนโลหะสั่นพ้องนั้นอยู่ในระดับเดียวกับแร่หินดำคือระดับต่ำไปเกือบระดับกลางซึ่งก็หาไม่ยากถ้าดวงดี และสุดท้ายที่เป็นปัญหาคือ หินลูกบาศก์ มันเป็นวัตถุดิบที่ใช้ได้หลากหลาย จัดเป็นวัตถุดิบระดับกลาง
อาจารย์ช่างโลหะมักจะใช้หินลูกบาศก์เพื่อความทนทานให้กับเกราะ ซึ่งมันทำให้ประสิทธิภาพในการป้องกันของเกราะเพิ่มขึ้นประมาณ 20-30 เปอร์เซ็นต์ได้อย่างง่ายดาย
หวังว่าที่การประมูลจะมีของทั้งสามครบ...
ในการประมูลดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง กายเสนอราคาบ้างเป็นบางครั้ง แต่ก็ไม่ได้สู้จนราคาสุดท้าย ทำให้เขายังไม่ได้ประมูลของมาสักชิ้น
จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงเที่ยงก็ยังไม่มีวัตถุดิบทั้งสามที่กายต้องการออกมาสักอย่างเดียว สุดท้ายกายจึงเดินออกมาหาอะไรกินด้านนอกห้องโถงการประมูล แน่นอนว่ายังมีคนอยู่ประมูลวัดถุดิบอื่น ๆ ต่อเพราะการประมูลจะไม่หยุดชะงักลง เว้นแต่เรื่องการเปลี่ยนพิธีกรในการดำเนินการประมูลก็เท่านั้น
อาหารที่ทางผู้จัดประมูลจัดให้พวกเขานั้น ไม่ได้หรูหราแต่ก็ไม่ใช่ของถูกอย่างแน่นอน กายจัดการดื่มกินอาหารทุกอย่าง เอาให้คุ้มกับค่าตั๋ว 25 เหรียญทอง
เขารีบกินและกลับเข้าไปนั่งยังที่ของตัวเองอย่างรวดเร็ว
...
บ่ายสองครึ่งมาเยือนในที่สุดวัตถุดิบที่กายรอคอยก็มาถึง มันคือ โลหะสั่นพ้อง
“ต่อไปเป็นวัตถุดิบที่ค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียว มันคือ โลหะสั่นพ้อง วัตถุระดับต่ำไปเกือบระดับกลาง ถึงอย่างนั้นความหายากของมันก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ เพราะมันคือแร่โลหะที่พบได้ในเหมืองขนาดกลางขึ้นไป ที่มีความลึกอยู่ที่ระดับ 500 เมตรลงไปเท่านั้น ทางเราได้มันมาเข้าร่วมในการประมูลด้วยกันทั้งสิ้น 100 กิโลกรัม” พิธีกรหยุดให้ผู้เข้าร่วมประมูลได้มองดูโลหะสั่นพ้องที่บรรจุอยู่ในกล่องไม้ โลหะสั่นพ้องมันเหมือนกับแร่โลหะธรรมดา
มีช่างโลหะฝึกหัดและช่างโลหะทั่วไปหลายคนพากันพูดคุยและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับพวกของตนเองในทันที จนเกิดเสียงฮือฮาบ้างเล็กน้อยดังไปทั่วทั้งห้องประมูล
กายรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เพราะเขากลัวว่าจะมีคู่แข่งมากเกินไป
พิธีกรหยิบท่อนเหล็กขึ้นมา ก่อนจะเดินเข้าไปที่กล่องไม้และเคาะไปที่กล่องไม้อย่างแรง “ถ้าสังเกตให้ดี ๆ แร่โลหะที่อยู่ด้านในนั้นกำลังสั่นไหวเบา ๆ ตามเสียงที่ข้าได้เคาะไปเมื่อสักครู่ นี่คือวิธีแยกโลหะธรรมและโลหะสั่นพ้อง ทำให้เรารู้ว่าโลหะพวกนี้คือ โลหะสั่นพ้องของจริงอย่างแน่นอน”
“หลายท่านคงต้องการฟังราคาของมันใช่หรือไม่” พิธีกรพูดเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ประมูลอยู่หลายครั้ง ก่อนที่จะบอกราคาของมัน “โลหะสั่นพ้องหนึ่งกล่องมีโลหะสั่นพ้องอยู่ 10 กิโลกรัม จะเริ่มที่ราคา 500 เหรียญทองต่อโลหะสั่นพ้อง 10 กิโลกรัม เพิ่มราคาครั้งละไม่ต่ำกว่า 50 เหรียญทอง”
หมายความว่าจะขายพวกมันทีละ 10 กิโลกรัม...มีทั้งหมดสิบรอบ เราต้องการใช้เพียง 5 กิโลกรัมเท่านั้น ต้องประมูลให้ชนะรอบหนึ่งให้ได้!
กายจับจ้องไปที่เวทีด้วยสายตาที่เป็นประกาย
“เริ่มการประมูลได้”
“หมายเลข 915 ให้หกร้อยเหรียญทอง”
“หมายเลข 224 ให้เจ็ดร้อยเหรียญทอง”
“หมายเลข 87 ให้แปดร้อยห้าสิบเหรียญทอง”
“หมายเลข 69 ให้ หนึ่งพันเหรียญทอง”
พอประกาศมาถึงตรงนี้ ก็ไม่มีใครยังไม่มีใครเพิ่มราคาต่อ เพราะตอนนี้ราคาของโลหะสั่นพ้องขึ้นมาถึง 1000 เหรียญทองแล้ว แน่นอนว่าไม่ใช่ว่าพวกเขาสู้ราคาไม่ไหว เพียงแต่ยังอยากจะรอดูในรอบต่อไป
“หมายเลข 69 ให้ หนึ่งพันเหรียญทองครั้งที่หนึ่ง”
“หมายเลข 69 ให้ หนึ่งพันเหรียญทองครั้งที่สอง”
“ถ้ายังไม่มีใครเสนอราคาเพิ่มอีก นั้นหมายความว่า โลหะสั่นพ้องชุดแรกเป็นของผู้ประมูลหมายเลข 69 หลังจากการนับครั้งที่สาม” พิธีกรพยายามเรียกให้คนอื่น ๆ ประมูลเพิ่มเติม แต่เมื่อไม่เห็นว่ามีใครเพิ่มราคาจึงต้องประกาศครั้งที่สาม
“หมายเลข 69 ให้ ..........”
“หนึ่งพันสามร้อยเหรียญทอง”
แต่แล้วในตอนนั้นเองเสียงของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้น หยุดการนับครั้งที่สามไว้
“หมายเลข 777 ให้หนึ่งพันสามร้อยเหรียญทอง” พิธีกรยิ้มออกมาก่อนจะกล่าวราคาที่กายเสนอมา เพราะยิ่งประมูลได้ราคาสูง พิธีกรอย่างมันก็จะได้กินเปอร์เซ็นต์ในส่วนต่างที่มากขึ้นไปอีก พิธีกรหันไปมองทางผู้ประมูลหมายเลข 69 หวังจะให้เขาประมูลต่อ
ผู้ประมูลหมายเลข 777 หรือก็คือกายนั้นเอง กายรอเวลาให้การประมูลมาถึงจุดสูงสุดก่อนค่อยเสนอราคาออกไปในราคาที่สูงกว่าปกติพอสมควร ซึ่งแน่นอนว่ากายเรียนรู้มาจากการนั่งดูการประมูลในช่วงเช้าที่ผ่านมา
กายหันไปมองทางผู้ประมูลหมายเลข 69 อีกฝั่งแต่งตัวมิดชิด ใส่หน้ากากปิดบังตัวตนไว้เช่นเดียวกับเขา
ผู้ประมูลหมายเลข 69 ลังเลเล็กน้อยสุดท้ายก็เลือกจะไม่ประมูลต่อ เก็บป้ายเสนอราคาของตัวเองลง นั้นทำให้พิธีกรผิดหวังเล็กน้อย ก่อนหันมาประกาศให้กับกาย
“หมายเลข 777 ให้ หนึ่งพันเหรียญทองครั้งที่หนึ่ง”
“หมายเลข 777 ให้ หนึ่งพันเหรียญทองครั้งที่สอง”
“หมายเลข 777 ให้ หนึ่งพันเหรียญทองครั้งที่สาม”
“โลหะสั่นพ้องกล่องแรกตกเป็นของผู้ประมูลหมายเลข 777” หลังกล่าวเสร็จพิธีกรก็ทำการประมูลโลหะสั่นพ้องกล่องต่อไป แน่นอนว่าผู้เข้าร่วมประมูลทุกคนก็เข้าร่วมเสนอราคากันอย่างดุเดือดเช่นเคย รวมทั้งผู้ประมูลหมายเลข 69 ด้วยเช่นกัน
ในสุดท้ายรอบสองผู้ประมูลหมายเลข 69 กังวลว่ากายจะยังใช้วิธีเดิมในการเพิ่มราคาครั้งสุดท้าย แต่กายก็ไม่ได้ทำ เพราะโลหะสั่นพ้อง แค่ 10 กิโลกรัมก็เพียงพอสำหรับเขาแล้ว
นั้นทำให้ผู้ประมูลหมายเลข 69 ได้โลหะสั่นพ้องในกล่องที่สองไป