635-636
9/10
Ep.635
“ห้อง 10 เสนอราคาที่ 1,000 หินพลังงาน!” พิธีกรหญิงประกาศเสียงดัง
หากสินค้าที่เข้าร่วมประมูลขายไม่ออก ไม่ว่าจะเป็นทางผู้จัดงานประมูล หรือผู้ฝากขาย จะฝ่ายไหนก็ล้วนได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก
การที่ซูเฉินเสนอราคาในเวลานี้ ทำให้เธอรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย แต่คนอื่นๆในห้องส่วนตัวของซูเฉิน ต่างรู้สึกไปอีกทางหนึ่ง
เพราะสถานการณ์คืออะไร?
ทำไมพี่เฉินถึงได้ประมูลของตัวเอง?
หยางฮ่าวและคนอื่นๆสับสนเล็กน้อย ต่างเกิดความสงสัยว่าซูเฉินกำลังเล่นอะไรอยู่กันแน่?
เฉินเฟิงกับเซี่ยจิงอี้มองหน้ากัน กระทั่งเขาและเธอก็ยังไม่เข้าใจ
ส่วนเฉินเมิ่งเฟยตาเป็นประกาย เธอพอจะเดาได้ว่าการกระทำของซูเฉินนั้น เหตุผลหลักๆก็เพื่อดึงดูดความสนใจของเป้าหมาย
เพราะคนที่รู้จักไข่มุกวิญญาณ จะต้องกระโจนเข้าร่วมประมูลอย่างแน่นอน หรือต่อให้ไม่เข้าร่วมประมูล แต่หลังจากที่รู้ว่าซูเฉินได้รับไข่มุกวิญญาณไปแล้ว มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่จะลอบโจมตีเขา
ด้วยวิธีนี้ ซูเฉินจะสามารถคลำเถาวัลย์เพื่อค้นหาที่อยู่ของสัตว์จำแลงอีกตัวนี้
‘ช่างเป็นแผนการที่ลึกล้ำอะไรเช่นนี้!’ เฉินเมิ่งเฟยทอดถอนหายใจจากก้นบึ้งของหัวใจ
อาศัยแค่กำลังรบของซูเฉิน เดิมก็น่ากลัวมากพอแล้ว แต่เขายังมีความคิดอ่านละเอียดรอบคอบ จุดนี้ถือว่าน่าหวาดกลัวจริงๆ
ไม่นาน หลังจากซูเฉินเสนอราคา 1,000 หินพลังงาน ห้อง 9 ก็เพิ่มราคาขึ้นเป็น 10,000 หินพลังงานทันที
พิธีกรหญิงเห็นราคานี้ ก็เริ่มตื่นตัวขึ้นมา ประกาศเสียงดัง
“ห้อง 9 เสนอราคา 10,000 หินพลังงาน! มีใครต้องการเพิ่มราคาอีกหรือไม่?”
ทันทีที่คำประกาศนี้หมดลง ห้อง 3 ก็เสนอราคาต่อทันที กระโดดขึ้นเป็น 15,000 หินพลังงาน
ซูเฉินหรี่ตาลง ลอบพึมพำในใจ “ห้อง 9 … กับห้อง 3 …”
เขาฉุกคิดได้ทันที เนื่องจากอีกฝ่ายกระโจนเข้าสมรภูมิประมูล นั่นหมายความว่าพวกเขาจะต้องรู้ที่มาของไข่มุกวิญญาณ บางทีอาจเป็นหนึ่งในสองคนจากห้องนั้น ที่มีสัตว์จำแลงอยู่กับตัว
ในเวลานี้ ซูเฉินไม่รีบร้อนอีก เขาไม่ได้เสอนราคาประมูลต่อ
ห้อง VIP หมายเลข 9 และ 3 ดูเหมือนจะมุ่งมั่นที่จะครอบครองไข่มุกวิญญาณมาก ทั้งสองฝ่ายต่างแข่งราคากันอย่างต่อเนื่อง พริบตาเดียวพุ่งสูงขึ้นเป็น 30,000 หินพลังงาน
35,000 หินพลังงาน! เมื่อเห็นราคานี้ ห้อง 3 ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนขึ้นราคาอีกครั้ง
ห้อง 9 ไม่ลังเล อัพราคาขึ้นเป็น 40,000 หินพลังงานทันที
เห็นไข่มุกวิญญาณราคาพุ่งสูงเฉียดฟ้า โถงชั้น 1 ไม่สงบเช่นตอนแรกอีกต่อไป ทอดถอนหายใจให้กับความมั่งคั่งของห้องหมายเลข 9
เวลานี้ ทุกคนต่างเริ่มคาดเดาว่าไข่มุกวิญญาณคืออะไรกันแน่ เมื่อราคา 40,000 หินพลังงานออกมา ห้องหมายเลข 3 ก็เงียบไป
เห็นว่าไม่มีใครเสนอราคาอีกแล้ว ซูเฉินก็เตรียมเคาะราคาต่อ เพราะเขาจะไม่ยอมปล่อยให้ไข่มุกวิญญาณตกอยู่ในมือของผู้อื่นเด็ดขาด
แต่ใครจะทันคาดคิด ว่าเขายังไม่ทันเคาะ ก็ถูกชิงตัดหน้าเสียก่อน
ห้องหมายเลข 1 ที่สงบเสงี่ยม ไม่เคยข้องแวะกับใคร ชิงเสนอราคาทันที และเคาะครั้งเดียว ราคาทะยานขึ้นเป็น 50,000 หินพลังงาน หรือเพิ่มทีเดียว 10,000 ก้อน!
โอ้สวรรค์! หินพลังงาน 50,000 ก้อน!
จะดุเดือดเกินไปแล้ว!
ราคานี้เกือบจะเท่ากับตอนประมูล [ตราประทับจิตราสวรรค์เบญจธาตุ] เลย สถานการณ์นี้ทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นในโถงชั้นล่าง
ซูเฉินขมวดคิ้ว การกระโจนลงสู่สมรภูมิประมูลอย่างกะทันหันของห้องหมายเลข 1 ทำให้เขาประหลาดใจเล็กน้อย
แต่ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีเบื้องลึกเบื้องหลังอย่างไร เขาจะไม่ยอมปล่อยให้ไข่มุกวิญญาณหลุดมือไปเด็ดขาด เคาะราคาด้วย หินพลังงาน 60,000 ก้อน ทันที
เผชิญกับราคาที่สูงเสียดฟ้าเช่นนี้ ทั่วทั้งงานประมูลตกอยู่ในความเงียบสงัด คล้ายกับทุกคนหยุดหายใจพร้อมกัน
หากเป็นคนอื่นเสนอราคานี้ พวกเขายังพอยอมรับมันได้ แต่ประเด็นก็คือห้อง 10 อีกแล้ว!
ก่อนหน้านี้ห้อง 10 เพิ่งจ่ายหินพลังงานไปมากกว่า 100,000 ก้อน มาครั้งนี้ยังให้ราคาสูงถึง 60,000 หินพลังงาน
ความมั่งคั่งทางการเงินของเขา เกรงว่าคงอยู่ในระดับที่น่าสยดสยองมาก
หลังจากซูเฉินเคาะราคา ก็ไม่มีผู้อื่นเข้าร่วมแก่งแย่งอีก
จากนั้น ไข่มุกวิญญาณก็ลงจากเวทีประมูลอย่างราบรื่น
ซูเฉินจ่ายหินพลังงาน รับไข่มุกวิญญาณกลับคืนสู่มือเขา
หยางฮ่าวและคนอื่นๆรู้สึกสับสน พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำแบบนี้เพื่ออะไรกัน?
ขายของตัวเอง และชิงประมูลด้วยตัวเอง และเนื่องจากมันมีราคาถึง 60,000 หินพลังงาน
สรุปก็คือต้องเสียค่าธรรมเนียมไปฟรีๆตั้ง 3,000 ไม่ใช่หรอ?
พอตัวเองมีเงิน ก็สามารถใช้จ่ายมันตามอำเภอใจรึไง?
10/10
Ep.636
ซูเฉินยิ้ม ไม่ได้อธิบายอะไร แต่กำชับกับทุกคนว่า “พวกคุณช่วยรออยูในห้องส่วนตัวซักพักนะ อย่าเพิ่งออกไปข้างนอก ฉันจะออกไปทำธุระซักหน่อย”
เขามั่นใจแทบจะ 100% ว่าคนที่สนใจไข่มุกวิญญาณ จะต้องพยายามเข้าหาเขาอย่างแน่นอน
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น ซูเฉินจึงทิ้งต้นหลิววัชระกับ [นักรบจักรกล] เอาไว้
ทั้งสองเป็นผู้วิวัฒนาการเลเวล 7 และมีกำลังรบเหนือกว่าในระดับเดียวกันมาก ต่อให้ศัตรูที่บุกเข้ามาคือเลเวล 8 ก็ไม่น่าจะมีปัญหาใดๆ
“เฮียซู เมืองหยานจื่อเองก็มีพวกต่างเผ่าขั้น 8 อยู่เช่นกัน เฮียต้องระวังตัวให้มากนะ” เฉินเฟิงกระซิบบอก
ตอนนี้ เขารู้เจตนาของซูเฉินแล้ว ว่าซูเฉินใช้กลยุทธล่อเสือออกจากถ้ำ
แผนการนี้มีโอาสสูงว่าจะสามารถนำไปสู่บุคคลที่เป็นเจ้าของสัตว์จำแลงได้
แต่ก็มีโอกาสสูงเช่นกันที่ซูเฉินจะต้องเผชิญหน้ากับการปิดล้อมของผู้แข็งแกร่งมากมาย
แน่นอน ด้วยกำลังรบของซูเฉิน คนที่สามารถคุกคามเขาได้แทบไม่มีอยู่จริง
แน่นอน ว่าเฉินเฟิงรู้เรื่องนี้ดี แต่เขาก็แค่เตือนเท่านั้น
“พวกเขาไม่กล้าหรอก”
ซูเฉินยิ้มแล้วกล่าวต่อว่า “พี่เฉิน ที่นี่ขอฝากพี่กับพี่เซี่ยดูแลแล้ว”
“เฮียซูวางใจได้เลย!” เฉินเฟิงให้คำมั่นสัญญา
ซูเฉินพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจากไป เขาระงับระดับฐานฝึกตนของตัวเองให้ลงมาอยู่แค่เลเวล 5 จากนั้นเดินออกจากห้อง VIP ไปอย่างสบายๆ
ในงานประมูล ณ เวลานี้ สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปยังห้องหมายเลข 10 พวกเขาต่างอยากรู้ว่าห้องหมายเลข 10 เป็นเทพเจ้าองค์ใดกัน
เมื่อซูเฉินก้าวออกมาคนเดียว เสียงวิพากษ์วิจารย์และเสียงร้องอุทานด้วยความตกใจดังขึ้นรอบๆ
โอ้สวรรค์! ทำไมเขาถึงได้ยังเด็กนัก?
แต่เอ๊ะ? ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นผู้ฝึกตนขั้น 5 เองนี่ใช่ไหม?
แสดงว่าต้องมีขุมกำลังใหญ่อยู่เบื้องหลังแน่ๆ ว่าแต่เป็นขุมกำลังใดกัน?
…
ในขณะที่ทุกคนกำลังคาดเดาสถานะของซูเฉิน ภายในห้องหมายเลข 9 ผู้หญิงสองคน หนึ่งชรา หนึ่งเยาว์วัย ได้เดินออกมา ตรงไปทางซูเฉิน
ซูเฉินจับตามองผู้มาเยือนอย่างตั้งใจ เลิกคิ้วเล็กน้อย
เพราะผู้หญิงสองคนนี้ไม่ใช่มนุษย์ พวกเธอตัวสูง ให้ความรู้สึกน่ามอง ลักษณะที่โดดเด่นที่สุดคือหูยาวแหลมทั้งสองข้าง
ด้านรุ่นเยาว์ เธอมีใบหน้าหมดจดงดงาม ผิวขาวเนียนกระจ่างใส โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางสีชมพูระเรื่อ ให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวา และส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ
เอาจริงๆ ใบหน้าของเธอโดดเด่นยิ่งกว่าตันหลินและหยางเฉียนซะอีก
ด้านหญิงชรา เธอคนนี้มีผมยาวสีเงินขาว แม้ดูอายุไม่น้อยแล้ว แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งเสน่ห์
ซูเฉินปาดจมูกเขา กล่าวเสียงเรียบว่า “พวกแกเป็นใคร?”
หญิงสาวกระพริบตาปริบๆ เอ่ยแนะนำตัวเองด้วยรอยยิ้ม “สหายผู้นี้ พวกเรามาจากเผ่าเอลฟ์ ฉันชื่อ เยว่หลิง ส่วนนี่คือผู้อาวุโสหยูฉีจากเผ่าเอลฟ์ของเรา”
ซูเฉินพยักหน้าเล็กน้อย รอให้เยว่หลิงพูดต่อ
“จุดประสงค์ที่พวกเรามาหาคุณนั้นง่ายมาก คือเรื่องของไข่มุกวิญญาณ ถึงพวกเราจะมีหินพลังงานไม่มากนัก แต่ยังพอมีสมบัติอยู่บ้าง คุณพอจะรับแลกเปลี่ยนมันกับสมบัติชิ้นอื่นจะได้ไหม?” เยว่หลิงกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
ซูเฉินหรี่ตาลง สมองค่อยๆปั่นความคิด
เยว่หลิงรู้จักไข่มุกวิญญาณ เรื่องนี้อยู่ในความคาดหมายของเขา
อย่างไรก็ตาม เขาเพิ่งสังเกตการเหนี่ยวนำของลูกปัดในถุงเก็บของ แต่พบว่าสีของมันยังไม่เปลี่ยนแปลง
นั่นแสดงให้เห็นว่า เผ่าเอลฟ์ทั้งสองตนนี้ ไม่มีสัตว์จำแลงอยู่กับตัว
ที่นำไข่มุกวิญญาณขึ้นประมูล เป้าหมายก็เพื่อล่อคนที่มีสัตว์จำแลงออกมา ดังนั้นแน่นอนว่าเขาจะไม่แลกเปลี่ยนกับเยว่หลิง
“ไม่สนใจ”
ซูเฉินตอบน้ำเสียงเย็นชา หันหลังเดินออกโถงประมูลไปทันที
“สหาย นายช่วยลองคิดดูดีๆอีกครั้งเถอะ” เย่วหลิงวิตกกังวล
ทางด้านหญิงชราหยูฉี แม้เธอจะไม่พูดอะไร แต่สายตาที่มองซูเฉิน เต็มไปด้วยความมืดมน
ซูเฉินไม่หวั่นไหว ก้าวออกจากโถงประมูลภายใต้สายตาของทุกคน