627-628
1/10
Ep.627
หลังจากเข้าใจสถานการณ์แล้ว ซูเฉินเอนตัวลงบนที่นั่งคนขับ เริ่มนับชิ้นส่วน
ชิ้นส่วนที่เก็บได้ในครั้งนี้มีไม่มากนัก รวมกันแล้วไม่ถึงร้อยก้อน
ซูเฉินตรวจสอบพวกมันทีละรายการ ซึ่งส่วนใหญ่ถูกแปลงเป็นแต้มพลังงาน
แต่เมื่อเขาเห็นชิ้นสุดท้าย สีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนไป
เพราะรายการสุดท้าย มันขึ้นว่า [เมืองแห่งศรัทธา] ที่เพิ่งเคยปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรก
และจำนวนแต้มพลังงานที่ใช้แลกเปลี่ยน คือ 10,000 แต้มเช่นเดียวกับ [กายาเทพอสูรนิรันดร์] ซึ่งเป็นรายการแลกเปลี่ยนที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
จนถึงตอนนี้ มีหลายสิ่งที่ซูเฉินสามารถแลกด้วย 10,000 แต้มพลังงาน และทุกสิ่งล้วนมีคุณค่าอย่างไม่มีข้อยกเว้น
เพียงแต่ว่า เขายังไม่รู้ว่า [เมืองแห่งศรัทธา] มีไว้ใช้ทำอะไร เพราะยังไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้
ส่วนที่เหลือที่ใช้แลกเท่ากันในการแลกก็จะเป็น [ค่ายกลอเวจีสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ห้าธาตุ] , [มังกรศักดิ์สิทธิ์ขนเพลิงมายา] และ [ชีวิตเมามายจมอยู่ในห้วงฝัน]
แต่จะแลกอะไรเป็นอันดับต่อไป คงต้องพิจารณาอย่างค่อยเป็นค่อยไป
หลังจากคัดแยกชิ้นส่วนแล้ว ซูเฉินก็ไม่คิดอะไรอีก เริ่มหลับตาพักผ่อน
การเดินทางต่อจากนี้ ไม่มีคลื่นลมคลื่นฝนคอยก่อกวน จนเช้าวันที่สี่ หุบเขาวิญญาณอสรพิษ ก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า [รถศึกอัจฉริยะ]
ซูเฉินก้าวลงจากรถ มุ่งหน้าเข้าไปข้างในหุบเขาวิญญาณอสรพิษเพียงลำพัง
เนื่องจากคาดว่าทุกคนในหุบเขาวิญญาณอสรพิษคงถูกหนอนโลหิตควบคุมกันหมดแล้ว ซูเฉินจึงฆ่าพวกมันทั้งหมดอย่างไร้ปรานี
กระนั้น กลับไม่พบร่องรอยของจ้าวหุบเขาเลย นอกจากนี้ยังไม่พบสัตว์จำแลงเช่นกัน
หลังตรวจสอบจนแน่ใจ ซูเฉินก็ได้ข้อมูลมาว่า จ้าวหุบเขาแห่งหุบเขาวิญญาณอสรพิษ ได้เดินทางไปยังเมืองหยานจื่อ เพื่อเข้าร่วมประมูล
เมื่อกลับมาที่รถ ซูเฉินสั่ง [รถศึกอัจฉริยะ] มุ่งหน้าไปยังเมืองหยานจื่อทันที
เกรงว่าหากงานประมูลจบลงเสียก่อน บางทีเขาอาจไม่สามารถหาจ้าวหุบเขาวิญญาณอสรพิษเจออีก ดังนั้นจำเป็นต้องเร่งเดินทางก่อนงานประมูลจะเริ่มขึ้น
หุบเขาวิญญาณอสรพิษ และเมืองหยานจื่ออยู่ห่างกันเพียง 300 กิโลเมตรเท่านั้น ด้วยความเร็วเลเวล 7 ของ [รถศึกอัจฉริยะ] เลยสามารถมาถึงได้ในเวลาไม่เกินหนึ่งชั่วโมง
หลังจากจ่ายหินพลังงานเพื่อเข้าเมือง ซูเฉินก็ถือโอกาสนี้สอบถามเรื่องเวลาเปิดปิดค่ายกลเคลื่อนย้าย และได้ความมาว่าในอีกสามวัน
จากนั้นเขาก็รีบไปยังสถานที่ประมูล เนื่องจากถูกจัดขึ้นในวันนี้พอดี แถมยังเหลือเวลาอีกไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง
โชคดีที่สถานจัดงานประมูลอยู่ไม่ไกล พวกเขาเลยมาถึงก่อนกำหนด
งานประมูลแห่งนี้ก็เหมือนสถานที่อื่นๆ หากต้องการเข้างาน จำเป็นต้องซื้อตั๋วเข้าชม
แต่ประเด็นก็คือ ราคาตั๋วสูงกว่างานประมูลในเมืองทงเทียนมาก
แค่ตั๋วธรรมดา ก็ราคาถึง 50 หินพลังงานแล้ว
สำหรับตั๋วห้อง VIP นั้นมีราคาแพงเป็นทวีคูณ ต้องจ่ายหินพลังงานธรรมดาเป็นพันก้อน
แต่ซูเฉินน่ะเป็นเศรษฐีผู้มั่งคั่ง หินพลังงานจำนวนเท่านี้ไม่อยู่ในสายตาเขา โบกมือวูบเดียว ซื้อตั๋วห้อง VIP อย่างไม่ลังเล
หลังจากเข้ามาในงานประมูล ซูเฉินพบว่าพื้นที่ภายในกว้างขวางมาก เท่ากับสนามกีฬาขนาดเล็กได้เลย เพียงพอที่จะรองรับผู้ชมได้เป็นหมื่นคน
และในงานประมูลครั้งนี้ก็ไม่มีที่ว่างแล้ว ทุกที่นั่งถูกจับจองไปด้วยผู้คน
ซูเฉินและคนอื่นๆเดินตามบริกร ไม่นานก็มาถึงชั้นสอง เข้าห้องหมายเลข 10
พื้นที่ภายในห้องส่วนตัวกว้างขวางมาก รองรับคนได้ 30-50 สบายๆ
เนื่องจากยังเหลือเวลาก่อนถึงงานประมูล ทุกคนเลยแยกย้ายกันหาที่นั่งของตัวเอง แล้วเริ่มตั้งวงสนทนากัน
“พี่เฉิน มีคนเข้าร่วมประมูลเยอะขนาดนี้ มันจะไม่เกิดเรื่องเอาหรอ?” ซูเฉินกวาดสายตามองลงไปข้างล่าง เอ่ยถามเสียงเรียบ
ผู้คนนับหมื่นมารวมตัวกัน ในหมู่พวกเขามีพวกต่างเผ่าจำนวนมาก
หากมีการกระทบกระทั่งแม้เพียงเล็กน้อย เป็นเรื่องง่ายมากที่จะก่อให้เกิดการจลาจลและต่อสู้
“เฮียซูเป็นกังวลเกินไปแล้ว งานประมูลของเมืองหยานจื่อจัดขึ้นโดยหลายขุมกำลังใหญ่ มีผู้แข็งแกร่งมากมายอยู่เบื้องหลัง ไม่มีใครกล้าสร้างปัญหาที่นี่หรอก” เฉินเฟิงอธิบายด้วยรอยยิ้ม
ซูเฉินพยักหน้าเล็กน้อย เปิดถุงเก็บของ
เดิมเขาตั้งใจจะให้ [รถศึกอัจฉริยะ] ตรวจสอบระดับฝึกตนของผู้แข็งแกร่งรอบตัวเขา
แต่ใครจะไปคิด ว่าทันทีที่เปิดถุง ลูกปัดที่ชิงมาจากจี้หนิงจะเปล่งแสงสีสันสดใสออกมาซะก่อน
2/10
Ep.628
ลูกปัดเกิดปฏิกิริยาเหนี่ยวนำอย่างรุนแรง ซึ่งหมายความว่ามีสัตว์จำแลงอยู่ใกล้ๆแถวนี้ มีโอกาสเป็นไปได้สูงว่าจะอยู่ในงานประมูล
ซูเฉินหรี่ตาลง กวาดตามองไปยังโถงชั้นแรกอีกครั้ง
แค่ดูก็รู้ ว่ามันแทบเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะระบุว่าใครเป็นเจ้าของสัตว์จำแลงท่ามกลางผู้คนนับหมื่น
และเมื่องานประมูลสิ้นสุดลง หากคิดหาที่อยู่ของสัตว์จำแลง คงยากยิ่งกว่าการปีนป่ายขึ้นสู่สวรรค์
ซูเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยถามเฉินเฟิง “พี่เฉิน ฉันจะส่งของเข้าประมูลได้ยังไง?”
ได้ยินคำถามนี้ เฉินเฟิงชะงักไปครู่หนึ่ง
ซูเฉินต้องการส่งของเข้าประมูล? นี่ออกจะกระทันหัน และน่าเหลือเชื่อไปหน่อยไหม?
ในความทรงจำของเขา ซูเฉินคือมหาเศรษฐีที่ใช้จ่ายเหมือนเงินทองผุดออกมาจากดิน แล้วจะขาดแคลนหินพลังงานได้อย่างไร?
“เฮียซู เฮียอยากจะส่งของเข้าประมูลจริงๆน่ะหรอ?” เฉินเฟิงถามหยั่งเชิง
ซูเฉินพยักหน้า หยิบไข่มุกวิญญาณออกจากถุงเก็บของ และบอกว่า “ขายเจ้านี่”
“เฮียต้องการขายเจ้าสิ่งนี้จริงๆ??”
เฉินเฟิงอ้าปากค้าง สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ คนอื่นๆต่างหันมองซูเฉินเป็นสายตาเดียว พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงทำเช่นนั้น
ไข่มุกวิญญาณต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากกว่าจะได้มันมา เอาจริงๆมูลค่าของมันสูงกว่าผลึกศิลาแดงซะอีก แล้วของดีๆแบบนั้นจะขายไปทำไมกัน?
นี่ไม่ใช่นิสัยของซูเฉินเลย!
ซูเฉินไม่ยอมอธิบายอะไร เพียงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เดี๋ยวทุกคนก็จะรู้เหตุผลเอง”
ไข่มุกวิญญาณเป็นสมบัติล้ำค่า แน่นอนว่าเขาไม่อยากขายมันไป
สำหรับเหตุผลที่เขาทำแบบนี้ เพราะต้องการล่อสัตว์จำแลงออกมา
มีไม่กี่คนที่รู้เรื่องไข่มุกวิญญาณ ดังนั้นในงานประมูล คนไหนที่เสนอราคา คนนั้นแหละผู้ต้องสงสัย
ด้วยวิธีนี้ เขาจะสามารถควานไปตามเส้นเถาวัลย์ จนถึงที่อยู่ของสัตว์จำแลงได้
แน่นอน ด้วยทรัพยากรทางการเงินของซูเฉิน ต่อให้ไข่มุกวิญญาณถูกเสนอขึ้นประมูล ผู้ชนะคนสุดท้ายก็ยังเป็นเขาอยู่ดี
อย่างมากสุดที่จะเสีย คือค่าธรรมเนียมการขาย
เมื่อเห็นว่าซูเฉินจะทำจริงๆไม่ได้ล้อเล่น เฉินเฟิงก็กล่าวเสียงขรึมว่า “เฮียซู ส่งของเข้างานประมูลน่ะง่ายมาก แค่เรียกบริกรมาแล้วยื่นให้เขา หลังจากผ่านการประเมิน ก็จะเข้าเงื่อนไขการประมูล แล้วถูกนำขึ้นไปบนเวทีเอง”
กล่าวถึงจุดนี้ เขาก็เอ่ยเตือนว่า “ยังไงก็ตาม ไม่ว่าจะประมูลได้ราคาไหน สถานที่จัดงานจะขอหักค่าธรรมเนียม 5%”
ซูเฉินพยักหน้าเล็กน้อย กดปุ่มด้านหน้าเขา เรียกบริกรเข้ามา
จากนั้นยื่นไข่มุกวิญญาณแก่บริกร แล้วสั่งให้ส่งถึงมือผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินราคา
รอจนบริกรจากไปพร้อมไข่มุกวิญญาณ เฉาหรานเอ่ยขึ้นด้วยความกังวล “พี่เฉิน ไม่กลัวพวกคนของที่ประมูลจะขโมยสมบัติพี่หรอ?”
“พวกมันไม่กล้าหรอก”ซูเฉินกล่าวอย่างเฉยเมย
หากสถานที่จัดประมูลกล้าขโมยไข่มุกวิญญาณจริงๆ เขานี่แหละจะถล่มที่นี่ จัดการให้ไม่เหลือแม้แต่ซาก
แล้วหลังจบเรื่อง ผลประโยชน์ที่จะได้รับต่อจากนั้น มูลค่าของมันย่อมเหนือว่าไข่มุกวิญญาณอย่างแน่นอน
เฉินเฟิงยิ้ม และอธิบายเพิ่มว่า “เรื่องนั้นวางใจได้ งานประมูลเมืองหยานจื่อจัดมาหลายปีแล้ว มีความน่าเชื่อถือดีเสมอมา พวกเขาจะไม่ทำลายชื่อเสียงเพียงเพราะสมบัติแค่ชิ้นเดียว”
“อ้อ”
เฉาหรานพยักหน้า ไม่พูดอะไรอีก
“งานประมูลเริ่มขึ้นแล้ว”
ในตอนนั้นเอง หวู่หยางร้องเตือนขึ้น
ทุกคนหันศีรษะ มองไปทางโถงชั้นหนึ่ง
เห็นแค่เพียงที่เวทีหน้าห้องโถงชั้นหนึ่ง ร่างอันอวบอิ่มของหญิงสาวมากเสน่ห์ก้าวออกมา
แม้เธอจะดูไม่เด็กอีกต่อไป แต่ทุกการเคลื่อนไหวและรอยยิ้ม กลับแฝงไปด้วยเสน่ห์เหลือล้น
ด้วยการปรากฏตัวของพิธีกรหญิงคนนี้ ทั้งห้องโถงตกอยู่ในความเงียบทันที
“งานประมูลได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว รายการชิ้นแรกในครั้งนี้คือกระบี่ยาว”
พิธีกรหญิงมาถึงก็เข้าประเด็น หันไปส่งสัญญาณให้สาวใช้คนหนึ่ง เรียกเธอก้าวออกมาข้างหน้าพร้อมถาดไม้ที่ถือด้วยมือทั้งสองข้าง และมีกระบี่ยาวที่แผ่รังสีเย็นยะเยือก วางอยู่บนนั้น