ตอนที่ 12 องุ่นเปรี้ยว
เมื่อฉีมู่อานลุกจากเตียง เซียวเสี่ยวตงและเซียวเสี่ยวฟ่านก็ตื่นขึ้นเช่นกัน ทั้งสองกินเนื้อหมูจากเมื่อวานเข้าไปก็เลยมีพลังงานเหลือเฟือ
สองพี่น้องอยู่ที่หน้าต่างขณะมองดูฉีมู่อานออกไปข้างนอก จากนั้นก็สังเกตการณ์การเคลื่อนไหวของเซียวจิ่งถิง
“ท่านพี่ เขากำลังทำอะไรอยู่รึ?” เซียวเสี่ยวฟ่านถามด้วยความสงสัย
เซียวเสี่ยวตงเอียงศีรษะไปมา “ดูเหมือนจะปลูกองุ่น”
“ปลูกองุ่น?” ใบหน้าของเซียวเสี่ยวฟ่านบิดเบี้ยว
“องุ่น? องุ่นเปรี้ยวจะตาย ข้าไม่กินพวกมันหรอก” เซียวเสี่ยวฟ่านพูดพลางทำแก้มป่อง
เซียวเสี่ยวตงเอ่ยเยาะ “เขาไม่ปลูกให้เจ้ากินอยู่แล้ว ต่อให้อยากกิน เจ้าก็กินพวกมันไม่ได้”
เซียวเสี่ยวฟ่านทำแก้มป่องและจ้องเขม็งไปที่พี่ใหญ่ด้วยความขุ่นเคือง
เซียวจิ่งถิงมองไปทางลูกชายทั้งสอง เซียวเสี่ยวตงสัมผัสได้ถึงสายตาของอีกฝ่ายก็เลยปิดหน้าต่างลงก่อนจะบอกให้น้องชายกลับไปซ่อนตัว
เซียวจิ่งถิงแอบคิดในใจว่าเงาของเซียวคนก่อนนั้นยากที่จะกำจัดทิ้งไปได้! อาจต้องใช้เวลาพอสมควรเลย
ถ้าคนในหมู่บ้านต้องการเข้าไปในเมือง ส่วนใหญ่จะใช้เกวียนวัวของตระกูลหลี่ และฉีมู่อานเองก็ทำเช่นนั้น เมื่อฉีมู่อานล่าเหยื่อได้มากหน่อย เขาก็จะใช้เกวียนวัวของหลี่เชิงเพื่อลำเลียงสิ่งของ
ขอกำลังใจสักนิด ช่วยสนับสนุนกันหน่อย ที่ mynovel.co นะขอรับ
“หมูตัวใหญ่อะไรเช่นนี้! แค่ครึ่งตัวก็ใหญ่ยิ่ง หากมาทั้งตัวคงน่าทึ่งมากแน่ๆ!” หลี่เชิงรู้สึกอิจฉา
ฉีมู่อานพยักหน้า “มันหน้าทึ่งจริงๆ”
“เจ้าคงจะเอาหมูครึ่งตัวนี้ไปขายล่ะสิ?” หลี่เชิงถาม
ฉีมู่อานพยักหน้าอีกครั้ง “เป็นอย่างที่ท่านพูด!”
“หมูตัวใหญ่ขนาดนี้คงขายได้เกินสิบเหรียญ เจ้าล่ามาเองเลยรึ?” ชิวไป๋ถาม
ฉีมู่อานจ้องมองอีกฝ่ายพลางขมวดคิ้ว ชิวไป๋มักจะตามเกวียนวัวเข้าเมืองมาด้วย ฉีมู่อานไม่เคยสวนกับเขาเช่นนี้มาก่อน แต่ครั้งนี้กลับได้เจอกันพอดี
ฉีมู่อานกลัวว่าจะมีปัญหา เขาพยักหน้าและตอบไปตามตรง “ใช่! ข้าล่ามันเอง”
“น่าทึ่งจริงๆ เสียดายที่เอามาเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น! หากขายหมด เจ้าคงได้เงินมาเพิ่มอีกหลายสิบเหรียญ”
“เรากินอีกครึ่งไปแล้ว” ฉีมู่อานกล่าว
ชิวไป๋พูดด้วยความอิจฉา “พลังวิญญาณของหมูตัวนี้มีมากเหลือเกิน รสชาติของมันคงจะอร่อยแน่ๆ”
ฉีมู่อานพยักหน้ารับ “อร่อยมาก” ชิวไป๋มีความสัมพันธ์ฉันชู้กับเซียวจิ่งถิงและมักจะแวะมาหาเมื่อเขาไม่มีอะไรทำ คนๆนี้ทำให้ฉีมู่อานรู้สึกไม่พอใจอย่างมากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย
“เอาล่ะ ขึ้นเกวียนเถอะ ถึงเวลาไปกันแล้ว” หลี่เชิงกล่าว
เกวียนวัวเดินทางนานกว่าหนึ่งชั่วโมงก่อนจะมาถึงเมือง
ฉีมู่อานขายหมูให้ร้านอาหารและนำเงินไปซื้อข้าวสาร เส้นบะหมี่ ไข่ รวมถึงเสื้อผ้าด้วย เสื้อผ้าของลูกชายทั้งสองนั้นเก่าจนขาดหมดแล้ว เมื่อมีเงินอยู่ในมือ ฉีมู่อานเลยไม่อยากเห็นทั้งสองใส่ชุดเหล่านั้นอีก
เมื่อมู่ฉีอานกลับมาถึงบ้าน เขาเห็นลานในสวนที่เต็มไปด้วยต้นองุ่นเขียวชอุ่ม
นอกจากนั้นยังมีกลิ่นหอมของเนื้อลอยออกมาจากในบ้าน
ฉีมู่อานเปิดประตูและเห็นเซียวจิ่งถิงที่กำลังกวนบางอย่างอยู่ในหม้อ เซียวจิ่งถิงเห็นฉีมู่อานแล้วพูดขึ้น “กลับมาแล้วรึ? อีกเดี๋ยวอาหารก็พร้อมแล้ว”
ฉีมู่อานพยักหน้าให้
ครั้งนี้เซียวจิ่งถิงทำเนื้อผัดหน่อไม้หม้อใหญ่ เซียวเสี่ยวตงและเซียวเสี่ยวฟ่านไม่อาจกินเนื้อสัตว์ได้มากนักแต่ก็ไม่เป็นไรนัก พวกเขายังพอกินหน่อไม้ที่ผัดรวมกับเนื้อสัตว์ได้อยู่
ฉีมู่อานกินเนื้อและแอบนึกในใจว่าเซียวจิ่งถิงทำอาหารได้เก่งมากจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ถึงได้ชวนให้เขากับลูกๆมากินข้าวด้วย
เมื่อเห็นว่าเซียวจิ่งถิงกำลังอารมณ์ดี ฉีมู่อานจึงหยิบเงินออกมาสิบสองเหรียญ แล้วพูดขึ้น "ข้าได้เงินมาสิบหกเหรียญจากการขายหมู ใช้ซื้อของไปแล้วสี่เหรียญ ยังเหลืออีกสิบสองเหรียญ"
เซียวจิ่งถิงหยิบออกมาหกเหรียญและหันไปพูดกับภรรยา "เจ้าเก็บที่เหลือไว้เถอะ ไม่นึกเลยว่าหมูครึ่งตัวจะขายได้ราคาดีขนาดนี้"
ฉีมู่อานพยักหน้าด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อย “อื้ม”
เพราะกลัวว่าเซียวจิ่งถิงจะเอาเงินทั้งหมดไป ฉีมู่อานจึงโกหกไปว่าได้เงินสิบหกเหรียญแทนที่จะเป็นสิบแปดเหรียญ เซียวจิ่งถิงไม่ทันสังเกตแถมยังแบ่งเงินให้ตั้งครึ่งหนึ่งด้วย ถึงฉีมู่อานจะรู้สึกผิด แต่เขาก็ไม่สารภาพมันออกมา เขามีลูกสองคนที่ต้องดูแลและเฝ้าระวังไว้เสมอ
“เป็นอะไรไปล่ะ? รีบกินเถอะ!” เซียวจิ่งถิงหันไปพูดกับฉีมู่อานอีกครั้ง
ฉีมู่อานพยักหน้าและเริ่มกินส่วนของตัวเอง
“เนื้ออร่อยจริงๆ” เซียวจิ่งถิงอดพูดขึ้นมาไม่ได้ ชาติก่อนเขาชอบกินเนื้อเพราะมันอร่อย แต่ในชาตินี้การกินเนื้อสามารถเพิ่มพละกำลังได้ หากกินเนื้อทุกมื้อ พลังวิญญาณของเขาก็จะเพิ่มขึ้น ไม่น่าแปลกใจที่เลยที่ความแข็งแกร่งของตระกูลใหญ่เหล่านั้นจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ใช่! ใช่! กินเนื้อดีจริงๆ อร่อยมากด้วย” เซียวเสี่ยวฟ่านกล่าว
เซียวจิ่งถิงยื่นมือออกมาลูบหัวเซียวเสี่ยวฟ่าน
เมื่อเห็นเซียวจิ่งถิงมีท่าทีอ่อนโยน ฉีมู่อานจึงลังเลอยู่ชั่วขณะก่อนจะพยายามลืมเรื่องที่เจอกับชิวไป๋ไป