152 - ติดเข้าไปในบ่วง
152 - ติดเข้าไปในบ่วง
จากทะเลสาบที่ใสสะอาดบริสุทธิ์ หญิงสาวทุกคนได้ย้ายไปที่ชายฝั่งแล้ว พวกนางใช้ผ้าสีขาวบางๆเพียงผืนหนึ่งคลุมร่างกาย ร่างที่เพรียวบางและน่าดึงดูดใจของพวกนางถูกเผยให้เห็นโดยไม่มีอะไรปิดบัง มันเป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจจริงๆ
มีหญิงงามในวัยยี่สิบที่มีริมฝีปากสีแดงชื้น ฟันสีขาวมุกและรอยยิ้มที่น่ารักที่ใช้เพียงผ้าสีขาวผืนบางๆพันรอบหน้าอกในขณะที่ส่วนล่างไม่มีอะไรปิดบังเลย นางกล่าวกับเย่ฟ่านด้วยรอยยิ้มว่า
“ไม่ว่าเจ้าจะถูกใส่ร้ายหรือไม่ไม่สำคัญ ในเมื่อเจ้ามาที่นี่แล้ว นี่ก็ถือว่าเป็นโชคชะตาก็แล้วกัน”
“ข้าไม่ต้องการโชคชะตา เทพธิดาได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้าจริงๆ……”
มีปานสีแดงอยู่ตรงกลางหน้าผากของหญิงสาวคนนั้นเพิ่มเสน่ห์ที่แตกต่างให้กับกลิ่นอายของนาง
ร่างกายที่เหมือนหยกของนางนั้นสูงและผอมเพรียวขณะที่นางเดินทอดน่องไปทั่ว นางก็ชี้ไปที่เย่ฟ่านด้วยนิ้วอันงดงามราวกับลำเทียนพร้อมกับเดินเข้าหาเขา
เย่ฟ่านต้องการหลบเลี่ยง แต่จริงๆแล้วการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายนั้นเร็วกว่าเขามาก ในช่วงขณะนั้นเขาตระหนักแล้วว่าสตรีพวกนี้ล้วนเป็นยอดฝีมือที่ไม่ธรรมดา
นิ้วอันงดงามราวกับลำเทียนนั้นนั้นบีบแก้มของเขาเบาๆ
“ข้ารู้สึกได้ถึงความแตกต่างในร่างกายของเจ้า ปราณโลหิตพลุ่งพล่านราวกับแม่น้ำที่โหมกระหน่ำ นี่ไม่ใช่ร่างกายธรรมดาแน่นอน……”
เย่ฟ่านตกตะลึงแต่เขายิ้มและรีบตอบออกไปอย่างรวดเร็ว
“เทพธิดาผู้ชายธรรมดาคงจะมีเลือดไหลพุ่งออกมาจากจมูกทุกคนเมื่อยืนอยู่ต่อหน้าพวกเจ้า ร่างกายของข้าไม่ใช่คนพิเศษ พวกเจ้าทุกคนยืนห่างออกไปได้ไหม ข้าใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว”
กลิ่นหอมไหลออกมาจากร่างกายของหญิงสาวคนนี้ขณะที่นางหัวเราะ
“ไม่ต้องกลัว เราจะไม่ฆ่าเจ้า”
“เทพธิดาเจ้าพอใจกับร่างกายอันล้ำค่านี้ไหม”
ในขณะนี้เสียงของเจ้าอ้วนที่ไร้ยางอายต้วนเต๋อ ก็ดังมาจากภายในป่าที่ด้านข้าง สีหน้าของเขาแดงสดใส
“เจ้าอ้วนที่ไร้ยางอาย! เจ้ากำลังเล่นตลกกับข้า!” เย่ฟ่านจ้องมองที่ต้วนเต๋อ
“เจ้าหนูน้อย เจ้าพูดแบบนี้ได้ยังไง…….” ใบหน้าของต้วนเต๋อดูน่าเกลียดและอารมณ์ของเขาดูขุ่นเคือง
“เมื่อสามปีก่อนที่สุสานจักรพรรดิอสูรเจ้าเล่นกับข้าได้ดีมาก ข้าเกือบตายที่นั่น ไอ้สารเลวน้อยเกือบทำให้ข้าต้องไปเยี่ยมบรรพบุรุษในโลกหน้าซะแล้ว”
“ปู่ของเจ้า! เมื่อสามปีที่แล้วเจ้าขโมยสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณของข้าไปสามชิ้น เจ้ากล้าพูดว่าข้าเป็นคนทำร้ายเจ้า ไม่กลัวถูกฟ้าผ่าเหรอ!”
“สิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณสามชิ้นสามารถมีประโยชน์แค่ไหน? ที่ข้าต้องการคือก้อนทองเหลืองนั่นต่างหาก? นักพรตผู้นี้ต่อสู้จนชีวิตข้าเกือบจะสูญสลายไปแล้ว แต่ข้าไม่ได้เห็นแม้แต่แวบเดียวของก้อนทองเหลือง เพื่อนตัวน้อยที่เจ้ากำลังปิดบังอะไรข้าอยู่……”
นักพรตอ้วนเริ่มกระวนกระวายใจมากขึ้น แม้ว่าเขาต้องการจะบังคับให้เย่ฟ่านเปิดเผยอะไรมากกว่านี้ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นเขาจึงได้แต่เก็บงำความรู้สึกไว้
“นักพรตต้วนข้าพอใจกับร่างกายอันล้ำค่านี้มาก”
ในเวลานี้หญิงสาวในวัยยี่สิบยิ้มจางๆ
“ในเมื่อเจ้าพอใจแล้ว ขอแก่นโลหิตจากจักรพรรดิอสูรให้ข้าสักหยดก็พอ” มีแสงประหลาดแวบเข้ามาในดวงตาของนักพรตอ้วน
“ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าเผ่าอสูรจะไม่ทรยศต่อคำสัญญา”
เย่ฟ่านตกใจ หญิงสาวกลุ่มนี้เป็นกลุ่มของอสูรจริงๆ แก่นแท้ของเลือดจักรพรรดิอสูรทำให้เขานึกถึงหัวใจของจักรพรรดิอสูรที่หนีไป เขาทำอะไรไม่ถูกในขณะที่เขาจ้องมองไปที่ผู้ฝึกตนอ้วน
“ไอ้อ้วน เจ้ากล้าขายข้าเหรอ?”
เจ้าอ้วนไร้ยางอายเหลือบมองเขาอย่างโกรธจัด “เจ้าหนู อย่าพูดถึงว่าใครขายใคร เมื่อสามปีที่แล้วเจ้าเกือบทำให้ข้าต้องตาย วันนี้ข้าแค่ขายร่างกายของเจ้าเท่านั้น”
“เจ้าทำดีมาก!” เย่ฟ่านอยากจะทิ้งรอยเท้าไว้บนใบหน้าที่อ้วนท้วนนั้นจริงๆ
“การที่เจ้าไม่สามารถได้รับก้อนทองเหลืองเกี่ยวข้องอะไรกับข้า? มันหมายความว่าความแข็งแกร่งของเจ้าไม่เพียงพอและถูกคนอื่นขโมยไป”
เย่ฟ่านจ้องมองในขณะที่เขาพูดต่อ
“นักพรต เจ้าไม่ได้ขอบคุณข้าแต่ยังเนรคุณแบบนี้”
“เจ้าหนู เจ้าเป็นคนปากแข็งจริงๆ ข้าเป็นคนแรกที่ไปถึงสุสานหยินของจักรพรรดิอสูรและไม่มีใครลงไปก่อน ของชิ้นนั้นมันจะถูกคนอื่นขโมยไปได้อย่างไร?
จนถึงตอนนี้เจ้ายังคงพยายามหลอกข้า นักพรตคนนี้อยากจะตบเจ้าให้ตายจริงๆ”
เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้วเขาก็เผยสีหน้าประหลาดใจ
“ในเวลาอันสั้นเช่นนี้ เจ้าสามารถบรรลุขอบเขตของสะพานวิญญาณได้ นี่มันเหลือเชื่อจริงๆ พรสวรรค์ของเจ้ายอดเยี่ยมมากมันเป็นรองข้าเล็กน้อยเท่านั้น อาจเป็นเพราะก้อนทองเหลืองหรือเปล่า?”
“ไม่ว่าข้าจะมีก้อนทองเหลืองหรือไม่ เป็นไปได้ไหมที่เจ้าไม่รับรู้ถึงมัน” เย่ฟ่านพูดด้วยน้ำเสียงที่แน่วแน่
“เจ้าขี้ขลาดเกินไป ที่จริงแล้วเจ้าโยนจี้หยกที่ข้าให้เจ้าไปตั้งแต่แรก ทำให้นักพรตคนนี้ต้องเสียเวลาตามหาเจ้าอยู่นานก่อนที่จะพบเจ้าในที่สุด” เจ้าอ้วนที่ไร้ยางอายจ้องมาที่เย่ฟ่านก่อนจะกระซิบเบาๆว่า
“ก้อนทองเหลืองอยู่ที่ไหน”
เย่ฟ่านจำจี้หยกชิ้นนั้นได้ทันที ดูเหมือนว่าการโยนมันทิ้งเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เจ้าอ้วนคนนี้อยากจะตามเขาไปจริงๆ
“นักพรต เนื่องจากเราได้พบกันอีกครั้ง มันหมายความว่าเรามีชะตากรรมจริงๆ ข้าไม่มีอะไรจะซ่อนจากเจ้าดังนั้นข้าอาจจะบอกความจริงกับเจ้าก็ได้”
เย่ฟ่านกล่าวต่อด้วยสีหน้าจริงจัง
“ในตอนนั้น ก้อนทองเหลืองถูกโยนทิ้งไปจริงๆ แต่มันไม่ได้ถูกโยนลงไปในบ่อน้ำลึก”
“ข้ารู้โดยธรรมชาติว่ามันไม่ได้อยู่ภายในบ่อน้ำลึก!”
“ต่อมา ข้าต้องการค้นหามัน แต่นึกขึ้นได้ว่าชายชราผู้บ้าคลั่งได้คว้ามันเอาไว้แล้ว เขาหัวเราะและร้องไห้และดูเป็นคนวิกลจริต ไม่มีทางที่จะตามเขาไปได้…” เย่ฟ่านบรรยายลักษณะที่ปรากฏของผู้อาวุโสคนนั้นทันที
นักพรตอ้วนสูดอากาศเย็นในขณะที่เขาพูดพึมพำ
“หนึ่งปีที่แล้ว คนในอาณาจักรเอี๋ยนเห็นชายชราคนนี้จริงๆ ว่ากันว่าเขาคือ…….” เมื่อพูดเช่นนี้เจ้าอ้วนก็มีใบหน้าซีดขาวและกล่าวว่า
“เจ้าเป็นคนคดที่ไม่ซื่อสัตย์จริงๆ ในตอนนั้นสุภาพบุรุษคนนี้ได้เปิดเผยหัวใจของตัวเองต่อหน้าเจ้าแล้ว แต่เจ้ายังกล้าที่จะหลอกลวงข้า”
“สหายนักพรตที่นับถือ คนเราจะพูดอะไรก็ต้องมีมโนธรรมอยู่บ้าง ตอนนั้นเจ้าขโมยสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณของข้าไปสามชิ้น ใครคือคนที่ไม่ซื่อสัตย์?”
เจ้าอ้วนที่ไร้ยางอายจ้องมาที่เขาก่อนที่ดวงตาของเขาจะว่างเปล่าและดูหวาดกลัวเล็กน้อย
“มันถูกขโมยไปโดยชายชราที่บ้าคลั่งจริงๆเหรอ? เขาดูเป็นอย่างไร?”
เย่ฟ่านรู้สึกโล่งใจ ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเชื่อคำพูดของเขาแล้ว
“ถูกต้อง มันถูกขโมยไปโดยชายชราคนนั้น ข้าไม่สามารถไล่ตามเขาได้”
เมื่อเจ้าอ้วนไร้ยางอายเห็นภาพของชายชราที่บ้าคลั่ง ร่างกายของเขาก็เริ่มสั่นเทาอย่างรุนแรง ดวงตาที่ว่างเปล่าของเขากลับสว่างขึ้นทันทีเผยให้เห็นถึงความไม่เชื่อ
“คนๆ นั้นจริงๆ …….”
หญิงสาวผู้มีเสน่ห์ที่อยู่ข้างมีรอยยิ้มจางๆบนใบหน้าของนางขณะที่นางถามว่า
“คนประเภทใดที่สามารถทำให้นักพรตต้วนเต๋อของเราตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น?”
“เผ่าพันธุ์อสูรของเจ้าไม่เคยได้ยินเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหนึ่งปีที่แล้วเหรอ?” ต้วนเต๋อพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น: “บุคคลที่ไม่ควรมีอยู่ในโลกนี้ในทันใดก็ปรากฏตัวขึ้นภายในอาณาจักรเอี๋ยน”
“ได้ยินเรื่องนี้ไม่มากก็น้อย ข้ารู้สึกว่ามันอาจไม่จริง หลายปีผ่านไปแล้ว ใครยังจำเขาได้”
ต้วนเต๋อส่ายหัว
“ไม่ผิดหรอก คนคนนั้นเป็นยอดฝีมือที่ไม่มีใครเทียบได้ในสมัยนั้น ภาพวาดของเขาหลายภาพถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ข้าโชคดีที่ได้เห็นภาพวาดแบบนั้นมาหลายครั้ง”
“ซิ่ว”
หญิงงามที่มีปานสีแดงหว่างคิ้วสูดลมหายใจเข้าไปอย่างหนาวเหน็บ
“ยอดฝีมือที่ไม่มีใครเทียบได้เมื่อหกพันปีที่แล้ว เขายังมีชีวิตอยู่จริงๆ เจ้าคิดว่าเขากลายเป็นผู้อมตะแล้วหรือไม่”
เจ้าอ้วนที่ไร้ยางอายส่ายหัว
“ดูไม่น่าจะเป็นไปได้ บางคนเห็นสภาพที่บ้าคลั่งและรุงรังของเขา คนที่มีปัญหาทางจิตแบบนี้จะกลายเป็นผู้อมตะได้ยังไง”