Chapter 46 : อสูรกล่องสมบัติ – เมล็ดต้นขนมปัง!
[ขุดไปทางด้านซ้ายท่านจะพบหีบสมบัติเหล็กสองหีบ หนึ่งนั้นเป็นหีบจริงแต่อีกหนึ่งนั้นปลอม จงพึงระวังอสูรที่ปลอมตัวเป็นกล่องสมบัติให้ดีๆ อย่าได้ถูกมันกัดเข้าเชียวล่ะ]
[ในถ้ำด้านหน้าจะมีฝูงตัวต่อรอท่านอยู่ จงรมควันพวกมันด้วยไฟและท่านจะได้น้ำผึ้งปฐพีมาเชยชม]
[ในสุสานทางด้านหลัง...ไม่สิเราควรจะเรียกมันว่าถ้ำอสรพิษมากกว่า น่าขยะแขยงยิ่งนัก!]
[ขุดขึ้นไปทางด้านบนท่านจะพบหีบสมบัติทองแดงและหีบสมบัติไม้ คำใบ้คิดว่าเป็นการขุดค้นที่ดีแต่มีรังของหนูแฮมสเตอร์ทรายอยู่ใต้ผืนทราย ทรัพยากรทั้งหลายน่าจะพอให้ท่านมีกินไปอีกสามวัน]
[ขุดลงไปด้านล่างจะพบห้องว่างเปล่า]
ในระหว่างที่เดินกลับฐานไคลน์ก็ตรวจสอบคำใบ้ของทั้งห้าเส้นทางไปด้วย
พรุ่งนี้เขาตัดสินใจแล้วว่าจะไปทางด้านซ้าย!
ไคลน์เปิดคู่มือขึ้นมาและทำการค้นหาอสูรกล่องสมบัติ
แต่เขากลับไม่เจอข้อมูลใดๆของอสูรกล่องสมบัติเลย
คู่มือนี้ยังไงซะก็เป็นคู่มือไม่สมบูรณ์มาตั้งแต่แรกแล้วจึงมีข้อมูลของสิ่งมีชีวิตแห่งสุสานเพียงบางส่วนเท่านั้นที่ถูกบันทึกเอาไว้และชัดเจนแล้วว่าอสูรกล่องสมบัติไม่ใช่หนึ่งในนั้น
มันอาจจะไม่ทรงพลังมากนักแต่ใช้การปลอมแปลงเป็นหีบสมบัติเพื่อล่อให้นักผจญภัยมาติดกับก็เป็นได้
ไคลน์ลองจินตนาการรูปร่างหน้าตาของอสูรกล่องสมบัติ บางทีมันอาจจะมีปากขนาดใหญ่ที่ใหญ่พอจะงับแขนมนุษย์จนขาดได้เลยก็เป็นได้
ไม่นานนักเขาก็กลับมาถึงฐานรูน
ไคลน์ไปตรวจสอบต้นอ่อนของข้าวหอมมะลิและผลไม้หวานก่อนเป็นลำดับแรก
ในเวลาสั้นๆเพียงแค่สามชั่วโมงต้นอ่อนของข้าวหอมมะลิก็โตชึ้นมาได้ราวๆครึ่งเมตรแล้ว ส่วนต้นอ่อนของผลไม้หวานก็สูงราวๆเมตรนึงเห็นจะได้แม้แต่กิ่งก้านและใบของมันยังเขียวชะอุ่มราวกับพุ่มไม้
“อัตราการเติบโตนี้รวดเร็วมากจริงๆ!” ไคลน์อุทานออกมาอย่างชื่นชม
จากนั้นเขาก็ทำการรดน้ำอีกรอบและกลับไปยังห้องนอน
เมื่อกลับมาถึงห้องนอนเขาก็จัดแจงถอดกางแกงและเสื้อทั้งหมดออกและหยิบเอาเลือดของหมีเหล็กป่าเถื่อนออกมาทาไปทั่วร่างกาย
การทาเลือดของหมีเหล็กป่าเถื่อนนี้ลงไปบนร่างกายจะทำให้ความต้านทานการโจมตีของเขาเพิ่มมากขึ้น
เลือดนี้ไม่ได้ถูกดูดกลืนไปในทันที
ร่างกายของไคลน์ในตอนนี้จึงเปียกโชกไปด้วยเลือดและกลิ่นคาวของมัน
เขาทาเลือดลงไปบนทุกส่วนของร่างกายโดยไม่เว้นแม้แต่จุดเดียว
ตอนแรกๆที่ทาเสร็จมันก็คันเล็กน้อยแต่ไม่นานนักเลือดก็ค่อยๆจางหายไปราวกับว่ามันถูกดูดซับเข้าไปในผิวหนังของเขา
หลังจากผ่านไปราวๆห้านาทีเลือดก็หายไปจนหมด
บนร่างกายของเขาตอนนี้ไม่มีเลือดของหมีเหล็กป่าเถื่อนเหลืออยู่อีกแล้ว
เขาลองดมผิวของตัวเองและพบว่านอกจากกลิ่นเหงื่อแล้วก็ไม่เหลือแม้แต่กลิ่นเลือดด้วยซ้ำ
ไคลน์ลองใช้นิ้วทิ่มผิวหนังของตัวเองดู
โดยรวมแล้วถือว่าทรงพลังขึ้นจริงๆ
จากนั้นเขาก็หยิบมีดออกมาและลองกรีดลงไปเบาๆแต่มันกลับทิ้งไว้เพียงรอยบาดขาวๆเท่านั้นไม่อาจทำลายการป้องกันของชั้นผิวได้เลย
ไคลน์เพิ่มแรงลงไปอีกและเมื่อเพิ่มไปจนถึงระดับหนึ่งในที่สุดเขาก็ทิ้งรอยเลือดเอาไว้บนผิวหนังของตัวเองได้สำเร็จ
เอฟเฟคโดยรวมของเลือดนี้ถือว่าดีเยี่ยมเลยทีเดียว
วันนี้ก็มีข้อความส่วนตัวมากมายส่งมาหาไคลน์เหมือนเช่นเคย
ไคลน์ล้มตัวนอนลงบนระเบียงเพื่อรับลมเย็นๆและเปิดหน้าต่างข้อความส่วนตัวขึ้นมาไล่ดู
ทั้งหมดที่ส่งมาล้วนเกี่ยวข้องกับปราสาทโบราณทั้งสิ้น!
บ้างก็ถาม “บอสไคลน์มีคนบอกว่าปราสาทโบราณนั่นเป็นฐานรูน เรื่องนี้จริงไหม?”
“บอสไคลน์ช่วยบอกวิธีการเปลี่ยนฐานรูนให้กลายเป็นปราสาทโบราณหน่อยได้ไหม?”
“พี่ชายช่วยส่งอาหารให้ฉันทีเถอะ ถ้าพี่ส่งให้ฉันฉันจะบริการพี่อย่างดีเลยถ้าเราได้เจอกัน!”
“ขายหีบสมบัติทองแดงที่ยังไม่ถูกเปิดหนึ่งหีบ คลิ๊กตรงลิ้งค์นี้เลยถ้าต้องการ! (ผู้ขาย : ฉันส่งข้อความนี้ไปในวงกว้างเพื่อเอาชีวิตรอด ถ้าข้อความนี้รบกวนท่านก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย!)”
นี่คือข้อความส่วนตัวทุกรูปแบบที่ถูกส่งมา
ส่วนใหญ่ก็ถามเกี่ยวกับฐานรูนนั่นแหละ
“โลกแห่งสุสานมีธุรกิจเกี่ยวกับการโฆษณาขนาดเล็กด้วยหรอ?”
ไคลน์เปิดหน้าข้อความส่วนตัวของคนรู้จักและพบว่ามีการแจ้งเตือนเขียนเอาไว้ด้วย
ถ้าทั้งสองฝ่ายส่งข้อความหากันและกันพวกเขาจะถูกใส่เอาไว้ในรายชื่อคนรู้จัก แน่นอนว่าทั้งสองฝ่ายสามารถลบอีกฝ่ายออกจากลิสต์คนรู้จักได้
ในบรรดาข้อความส่วนตัวเหล่านี้มีบางคนที่อยากจะแลกเปลี่ยนกับไคลน์และก็มีบางคนที่มาสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย
ไคลน์กวาดตามองไอเทมที่เขาอยากจะได้แต่ก็ไม่มีอะไรเข้าตาเลย เขาจึงตอบกลับไปเพียงสั้นๆ
ในบรรดาคนเหล่านี้ไคลน์เลือกตอบกลับไปที่ข้อความของคนๆหนึ่ง
“ฉันพึ่งเรียนรู้พิมพ์เขียวชนิดหนึ่งมาและก็อยากจะเสนอข้อแลกเปลี่ยนกับนายหน่อย”
“นายเองก็น่าจะต้องการหน้าไม้รูนระดับสมบูรณ์เหมือนกัน”
“นายหาวัตถุดิบมาให้ฉันส่วนฉันจะช่วยนายสร้างมันออกมา แล้วนายค่อยจ่ายค่าธรรมเนียมให้ฉันก็ได้ตกลงไหม?”
อลิซมีวัตถุดิบไม่พอจะสร้างดังนั้นเธอจึงต้องการจะใช้เรื่องนี้มาเรียกราคาจากไคลน์ซักหน่อย
วันนี้เธอส่งข้อความส่วนตัวไปหาผู้เล่นมาแล้วหลายคนแต่มีเพียงหนึ่งคนเท่านั้นที่มีวัตถุดิบพอเธอจึงได้รูนลมมาก้อนหนึ่งเป็นค่าธรรมเนียมในการสร้าง
ไคลน์ยิ้มแล้วตอบกลับ “น่าเสียดายนะแต่ฉันมีพิมพ์เขียวของหน้าไม้รูนระดับสมบูรณ์แล้ว นอกจากนี้ยังมีหน้าไม้รูนแบบทำเสร็จแล้วในครอบครองด้วยดังนั้นฉันจึงไม่จำเป็นต้องมีเพิ่มแล้ว”
ไคลน์ตอบกลับ
“ดูเหมือนนายจะสร้างหน้าไม้รูนได้ตั้งแต่ตอนที่ซื้อรูนลมไปแล้วสินะ! นั่นมันเร็วมากเลยนะ เท่าที่ฉันรู้มามีแค่ไม่กี่คนหรอกนะที่มีอาวุธระยะไกลใช้ในตอนนี้”
อลิซตอบกลับมาสองครั้งติด “ถ้างั้นนายยังมีรูนลมเหลือไหม? ฉันขาดแค่อันเดียวเอง! ถ้ามีฉันสามารถใช้อย่างอื่นแลกได้นะ”
“อะไรล่ะ?”
เขาอยากจะเช็คของก่อน
ส่วนถ้าเธอไม่ต้องการจะแลกถ้างั้นก็ช่างเถอะ
“เมล็ดของต้นขนมปัง! คำอธิบายบอกไว้แบบนี้ – ต้นไม้สั้นๆที่ออกผลเป็นขนมปังหวาน สามารถปลูกในกระถางได้”
ต้นขนมปังในโลกแห่งสุสานนี้กลับสามารถออกผลเป็นขนมปังได้จริงๆ!
ไคลน์ในตอนนี้มีต้นอ่อนปลูกเอาไว้ถึงสองชนิดแล้วดังนั้นเขาจึงไม่ขาดแคลนอาหาร
แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย
อย่างน้อยก็ถือว่าได้อาหารแบบใหม่ๆมาเพิ่มล่ะนะ
“ก็ได้ฉันแลกกับเธอก็ได้”
หลังจากไคลน์ตอบกลับอีกฝ่ายก็รีบส่งลิ้งค์ขอแลกเปลี่ยนมาอย่างว่องไว
ก่อนที่จะทำการแลกเปลี่ยนเขาก็ตรวจสอบรายละเอียดของเมล็ดต้นขนมปังอีกครั้ง
แล้วก็เป็นอย่างที่อลิซบอกทุกอย่างชัดเจนแล้วว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีลูกไม้ใดๆ
เขาทำการเลือกไอเทมและกดยืนยันการแลกเปลี่ยน
[การแลกเปลี่ยนเสร็จสมบูรณ์]
[รูนลม -1 , เมล็ดต้นขนมปัง +1]
ไคลน์ในตอนนี้เหลือรูนดินอยู่อีก3ก้อนและกระถางปลูกพืชชั้นเยี่ยมก็จำเป็นต้องใช้รูนดิน1ก้อน
เขาจึงจัดการสร้างกระถางปลูกพืชขึ้นมาอีกหนึ่งกระถาง
เมื่อสร้างขึ้นมาเรียบร้อยไคลน์ก็จัดการเติมดินเติมทรายเข้าไปและฝังเมล็ดต้นขนมปังลงไปเพื่อทำการปลูกมัน
จากนั้นเขาก็รดน้ำและใส่ปุ๋ยตามปกติและรอให้มันเติบโต
ข้าว ผลไม้ ขนมปัง
เขามองไปที่กระถางปลูกพืชทั้งสามที่วางอยู่ติดๆกันและอดมองไปถึงอนาคตอันสดใสในวันข้างหน้าไม่ได้
อีกหนึ่งหรือสองวันหรืออาจจะยาวกว่านั้นซักสามวันหรือห้าวันพวกมันก็น่าจะพร้อมเก็บเกี่ยวแล้ว