ตอนที่ 11 ทานข้าวด้วยกัน
เซียวจิ่งถิงหยิบขวดน้ำมาดื่มซึ่งในขวดนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยน้ำแร่วิญญาณจากจี้หยก
หลังจากเพาะปลูกที่ดินทั้งห้าหมู่เมื่อครั้งที่แล้ว เซียวจิ่งถิงรู้สึกกระหายน้ำมาก เขาก็เลยหยิบน้ำแร่วิญญาณจากกระเป๋าขึ้นมาดื่ม ความเหนื่อยล้าในร่างกายถูกขจัดออกและพลังวิญญาณที่เหือดหายก็ถูกเติมเต็มอย่างรวดเร็ว
ตามความเข้าใจของเซียวจิ่งถิง มียาที่สามารถฟื้นฟูพลังวิญญาณได้ในท้องตลาด แต่ยาฟื้นฟูชนิดนี้มีราคาแพงมาก แม้แต่ของคุณภาพต่ำก็ยังมีราคาตั้งสองเหรียญ แต่น้ำแร่วิญญาณในจี้หยกนั้นใช้ได้เรื่อยๆไม่มีวันหมด
ในป่านั้นมีปัญหาเกิดขึ้นได้มากมาย เป็นเรื่องที่อันตรายมากหากพลังวิญญาณมาหมดลงตอนอยู่ในนี้
เซียวจิ่งถิงมองไปที่ใบหน้าซีดเซียวและดวงตาเป็นกังวลของฉีมู่อาน เขาตระหนักว่าการต่อสู้กับหมูป่าเขี้ยวทะลวงนั้นทำให้พลังวิญญาณของฉีมู่อานแทบจะไม่มีเหลือ
“เดี๋ยวข้าจัดการต่อเอง” เซียวจิ่งถิงกระโดดลงจากต้นไม้และเก็บซากหมูป่าขึ้น
"เรากลับกันเถอะ" เซียวจิ่งถิงกล่าวกับฉีมู่อาน
ฉีมู่อานมองไปที่ใบหน้ากระฉับกระเฉงของเซียวจิ่งถิงและรู้สึกประหลาดใจกับปริมาณพลังวิญญาณในร่างกายของอีกฝ่ายมาก จู่ๆฉีมู่อานก็รู้สึกกังวลหน่อยๆ เพราะหมูป่าตัวใหญ่ขนาดนี้สามารถนำไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินจำนวนมากได้ ตามนิสัยของเซียวจิ่งถิงนั้นไม่มีทางเลยที่เขาจะแบ่งเงินให้กับฉีมู่อาน
ฉีมู่อานเม้มปากและระงับความวิตกกังวล ตอนนี้พลังวิญญาณของเขาไไม่เหลือแม้แต่นิดเดียว แค่รักษาชีวิตตัวเองไว้ได้ก็ดีมากกว่าไหนแล้ว ดังนั้นหมูป่าเขี้ยวทะลวงนั่น… หากเซียวจิ่งถิงจะเอาก็ควรให้เขาไปเถิด
ขอกำลังใจด้วยนะครับ มาอ่านกันที่ mynovel.co
เซียวจิ่งถิงมองไปที่ฉีมู่อานและพูดว่า “เราต้องรีบออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด เจ้าเดินไหวรึไม่?”
ฉีมู่อานพยักหน้าให้ “ยังไหวอยู่” แม้พลังวิญญาณจะหมดไปแล้ว แต่การเดินกลับคงไม่มีปัญหาอะไร
เพราะกลัวอีกฝ่ายจะรู้เรื่องพื้นที่ลับ เซียวจิ่งถิงจึงนำกิ่งไม้ออกมาทำเป็นตาข่ายเพื่อลากหมูป่าเขี้ยวทะลวงกลับบ้าน
เพราะกังวลว่าหมูป่าจะทำให้ชาวบ้านแตกตื่น เซียวจิ่งถิงจึงเลี่ยงไปใช้ทางเปลี่ยวเพื่อเดินทางกลับบ้าน
“ป่ะป๊า หมูตัวโตจังเลย!” เมื่อเห็นฉีมู่อานและเซียวจิ่งถิงกลับมาถึง เซียวเสี่ยวฟ่านที่กำลังแทะผักป่าก็ตะโกนด้วยความตื่นเต้น
เซียวจิ่งถิงมองไปที่ฉีมู่อานแล้วพูดขึ้น "ทำกินเองครึ่งนึง ส่วนอีกครึ่งก็เอาไปขายเถอะ"
ฉีมู่อานพยักหน้าให้ “ข้ารู้แล้ว” แม้ว่าหมูป่าเขี้ยวทะลวงจะมีรสชาติดีและสามารถฟื้นพลังวิญญาณได้ ทว่าสรรพคุณของมันนั้นเสื่อมเร็วมาก เก็บไว้ให้ครอบครัวกินสักครึ่งตัวก็ถือว่าเพียงพอแล้ว
“ข้าได้ยินว่าเจ้าเป็นเพื่อนกับเจ้าของภัตตาคารเยว่เหอ งั้นพรุ่งนี้เช้าเจ้าเอาไปขายให้เขาก็แล้วกัน” เซียวจิ่งถิงพูดเสริม
ฉีมู่อานมองไปที่เซียวจิ่งถิงและตอบกลับ “ได้สิ”
เซียวจิ่งถิงทำหมูป่าตุ๋นหม้อใหญ่และชวนฉีมู่อานกับลูกชายท้้งสองมาทานด้วยกัน ทั้งสี่กินกันจนปากเต็มไปด้วยคราบมันหมู
ขณะที่ฉีมู่อานกำลังกินเนื้อหมูป่าอยู่นั้น จู่ๆก็รู้สึกว่าร่างกายเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังวิญญาณและทำให้รู้สึกตื่นเต้นไปหมด
ฉีมู่อานมองไปทางเซียวจิ่งถิงที่กำลังก้มหน้ากินข้าวด้วยสีหน้าพึงพอใจ
วันเซียวจิ่งถิงกลายเป็นคนละคนไปเลย เห็นแล้วรู้สึกอบอุ่นใจนิดหน่อย
“ป่ะป๊า ป่ะป๊ากินเยอะมากเลย!” เซียวเสี่ยวฟ่านมองฉีมู่อานและบ่นพึมพำ
ฉีมู่อานอดหน้าแดงขึ้นมาไม่ได้ เนื้อที่เซียวจิ่งถิงปรุงนั้นอร่อยมากก็เลยเผลอกินเยอะโดยไม่รู้ตัว เซียวเสี่ยวฟ่านและเซียวเสี่ยวตงไม่ได้กินมากขนาดนั้น พลังวิญญาณในเนื้อหมูป่านั้นมากมายเหลือเกิน ทั้งสองจึงกินได้ไม่มากนัก แค่เพียงไม่กี่ชิ้นก็ไม่ไหวแล้วดังนั้นเซียวจิ่งถิงจึงบอกให้ไปทานข้าวต้ม
ข้ามต้มที่พวกลูกๆทานก็เป็นของที่เซียวจิ่งถิงทำขึ้น แม้รสชาติจะไม่ดีเท่าเนื้อตุ๋นแต่สำหรับเซียวเสี่ยวตงและเซียวเสี่ยวฟ่านที่ได้แต่ทานบะหมี่แห้งนั้นถือมันว่าเป็นอาหารอันโอชะ “ป่ะป๊าทำงานหนักมาก กินเยอะกว่านี้ก็ไม่เป็นไรหรอก” เซียวเสี่ยวตงกล่าว
เซียวเสี่ยวฟ่านพยักหน้ารับ “อื้ม ป่ะป๊ากินเยอะๆเลย อาหารของพ่ออร่อยมาก อร่อยกว่าของป่ะป๊าอีก”
“เขาเคยกินแต่อาหารดีๆ จนเก็บมาทำเองได้น่ะสิ” เซียวเสี่ยวตงพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
ฉีมู่อานได้แต่ก้มหน้า เขาลองแล้วลองอีกก็ทำอาหารออกมาได้ไม่ดีเท่าไหร่ ไม่น่าแปลกใจที่ลูกชายคนเล็กถึงไม่ชอบเขานัก
“ป่ะป๊ะ เขาจะขายหมูอีกครึ่งตัวนะ แบบนี้คงได้เงินหลายสิบเหรียญ เราควรจะซ่อนมันไว้บ้าง” เซียวเสี่ยวตงแอบแนะนำ
ฉีมู่อานเหลือบมองลูกชายคนโตและคิดแบบเดียวกัน ตอนนี้เขาไม่มีเงินสักเหรียญเดียวซึ่งทำให้รู้สึกไม่สบายใจอยู่เสมอ แม้เซียวจิ่งถิงจะเปลี่ยนไปมาก แต่ใครจะรู้ว่าคนๆนี้จะเปลี่ยนกลับเป็นแบบเดิมเมื่อไร
---
ฉีมู่อานตื่นขึ้นแต่เช้าตรู่
เขาออกไปเปิดประตูและพบเซียวจิ่งถิงที่ตื่นแล้วเช่นกัน ตอนนี้อีกฝ่ายอยู่ในสวนและกำลังปลูกองุ่นอยู่
“ไปขายหมูรึ?” เซียวจิ่งถิงเอ่ยถาม
ฉีมู่อานพยักหน้า “อื้ม ถ้ารีบเอาไปขายโดยเร็ว ราคาก็จะดีกว่านิดหน่อย”
เซียวจิ่งถิงพยักหน้าให้ “งั้นก็รีบไปเถอะ”
ฉีมู่อานมองเซียวจิ่งถิงก่อนจะออกไปพร้อมหมูที่เหลืออีกครึ่งหนึ่ง
"รอประเดี๋ยวก่อน" เซียวจิ่งถิงหยุดฉีมู่อานไว้
ฉีมู่อานหันกลับไปหาเซียวจิ่งถิงอีกครั้ง "มีอะไรให้ข้าช่วยรึ?"
เซียวจิ่งถิงตอบแบบยิ้มๆ “ที่บ้านไม่มีข้าวหรือไข่เหลือเลย ข้าใช้หมดแล้ว เจ้าออกไปซื้อมาเก็บไว้เถอะ ช่วงนี้พวกลูกๆ ยังเด็กอยู่ จะให้กินแต่บะหมี่แห้งอย่างเดียวคงไม่ดีนัก”
ฉีมู่อานพยักหน้าทันที “ข้าเข้าใจแล้ว”