EP 630 ถอนแจ้งความ!
EP 630 ถอนแจ้งความ!
By loop
สำนักงานของผู้อำนวยการ
“ผู้อำนวยการหวาง?” เมื่อผู้อำนวยการโรงเรียนเห็นผู้อำนวยหวางเงียบไปเขาก็พยายามเรียกสติเขา
หวางจือหลงถึงกลับพูดอะไรไม่ถูก? เหงื่อเย็นๆไหลออกจากหลังของเขา!
ดงซูบิน และเสี่ยวหลานเป็นคู่รักกันนั้นคือเรื่องจริงอย่างงั้นหรอ?
อีกทั้งมีการกำหนดวันแต่งงานกันแล้ว?
ดูเหมือนว่าหวางจือหลงถึงกับทำตัวไม่ถูก แต่มันเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับเรื่องนี้ได้ นายกเทศมนตรีเสี่ยวหลานที่เคยเห็นเขาเป็นผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่และดูมีเสน่ห์เป็นพิเศษ เขาไม่เคยคาดหวังว่าเสี่ยวหลานจะคบกับดงซูบินจริงๆ เหมือนว่าเรื่องนี้ทำให้เขาตกตะลึงมากกว่าได้ยินว่าลูกสาวของเขาถูกไล่ออกจากโรงเรียนเสียอีก แต่ผู้อำนวยการโรงเรียนคงจะไม่พูดเรื่องนี้แบบโดยไม่มีเหตุผลอย่างแน่นอนเห็นได้ชัดว่านี่เป็น ความจริงและหวางจือหลงต้องเชื่อ
จบกัน!
มันจบสิ้นแล้ว!
หวางจือหลงพึงรู้ตัวว่าเขาไปเหยีบตอท่อนใหญ่เข้าส่ะแล้ว และ ทำให้เขาเข้าใจว่าท่าทีของเจ้าหน้าที่ของหยานไทที่มีต่อดงซูบิน และรู้ตัวว่าเขาทำเรื่องโง่ๆลงไปขนาดไหนกัน
ไม่น่าแปลกเลยที่พวกตำรวจจึงไม่กล้าจับกุมดงซูบิน? และพยายามหาวิธีการไกล่เกลี่ยอื่นๆ? เจ้าหน้าที่ตำรวจของสำนักงานตำรวจยังไม่กล้ายุ่งกับดงซูบินเลย? แม้จะพบหลักฐานแล้ว พวกเขาก็พยายามจะไม่เข้าไปยุ่ง ? ไม่น่าแปลกใจ! ดงซูบิน เป็นแฟนกับนายกเทศมนตรี่เสี่ยวหลาน! เป็นเพราะ ถ้าพวกเขาจะจับ ดงซูบินมันจะเทียบเท่ากับการมีปัญหากับนายกเทศมนตรี เสี่ยวหลาน! และมันก็เหมือนกับเป็นการหักหน้าเสี่ยวหลาน!
หวางจือหลง เพิ่งตระหนักในเวลานี้และตบหน้าผากของเขาอย่างรุนแรง
สะเพร่าจริงๆฉัน!
เขาไม่ได้คาดหวังว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น มันเป็นหายนะจากสวรรค์อย่างแท้จริง!
หัวใจของหวางจือหลงเริ่มเย็นชาลง ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขาอยู่ในสถานะไหน แม้ว่าหวางจือหลงจะแก่กว่าและพยายามทำตัวเป็นกลางทางการเมืองถึงแม้เขาจะโกรธมากแต่เขาก็รับรู้แล้วว่าเขาพ่ายแพ้แล้ว จากการที่ดงซูบินทำร้ายลูกสาวของเขา มันมีเหตุผลเพียงพอ เขาต้องการสอนบทเรียนให้ดงซูบินดังนั้นนี้คงเป็นเหตุผลที่ผู้อำนวยการโรงเรียนจึงเตือนเกี่ยวกับท่าทีก่อนหน้าของตำรวจนั้น ตอนนี้สมองของหวางจือหลงนั้นว่างเปล่าไปเสียหมด ในตอนแรกเขาแค่คิดว่าเขาต้องการจัดการกับดงซูบินและสอบถามถึงภูมิหลังของดงซูบิรมาแล้ว แต่อยู่ดีๆเขาก็กลายเป็นคนรักของนายกเทศมนตรีเสี่ยวส่ะงั้นไป
แล้วตอนนี้เขาควรทำอย่างไรต่อไปดี?
นี่มันเป็นการวิ่งเข้าไปหาปากเสือชัด?
เมื่อเห็นสีหน้าเศร้าสร้อยของเขา ผู้อำนวยการของโรงเรียน ก็รู้ว่าผู้อำนวยการหวางเข้าใจความสำคัญและถอนหายใจ เขาบอกกับใจว่าสิ่งที่คุณทำก่อนหน้านี้และคุณเพิ่งเป็นผู้อำนวยการสำนักการศึกษา. ไม่มีใครเสแสร้งและเห็นแก่ตนเอง นี่เป็นข้อห้ามในการเป็นข้าราชการ ถ้าเขารู้ว่าจักฉายาเทพแห่งโรคความโชคร้าย เขาคงจะไม่กล้าไปต่อร้องต่อเถียงกับดงซูบินแน่นอน
และฉายาเทพแห่งความโชคร้ายนั้นมีที่นมาที่ไปอย่างไรกัน?
ฉายานี้ได้มาจากที่การกระทำของผู้นำคนหนึ่งที่ทุกอย่างดูไม่สมเหตุสมผลแต่เขาก็สามารถบรรลุความสำเร็จตามความต้องการของเขาได้ และใครที่มีเรื่องกับเขาก็ไม่เคยได้รับชีวิตที่ดีกันสักราย!
นั้นก็คงหมายถึงการทำให้เขาไม่พอใจด้วยใช่ไหม?
ทันทีที่ผู้อำนวยการโรงเรียนเดินออกไป หวางจือหลงได้โทรไปสองสามสายทันทีและถามผู้คนเกี่ยวกับรายละเอียดของดงซูบิน
ครึ่งชั่วโมง...
หนึ่งชั่วโมง...
สองชั่วโมง...
หลังจากรู้เรื่องมันแทบจะทำให้เขาอยากจะกระโดดลงมาจากชั้นสอง ปรากฎว่าดงซูบินไม่เพียง แต่เกี่ยวข้องกับนายกเทศมนตรีเสี่ยวหลานเท่านั้น แต่ยังมีความสัมพันธ์อันดีกับเฉาซูเผิงรองเลขาธิการคณะกรรมการพรรคเขตดวนเซินกัง เลขาธิการคณะกรรมการตรวจสอบวินัยเกิงโยฮวารองนายกเทศมนตรีเทศมณฑลจียง หัวหน้าแผนกของกองทัพประชาชนซินหยงสมาชิกคณะกรรมการพรรคของเทศมณฑลหลายคนใกล้ชิดกับเขามาก เช่น ผู้นำระดับสูง ไม่ต้องพูดถึงเจ้าหน้าที่ระดับกลางดงซูบินตอนนี้มีอิทธิพลอย่างมากกับสำนักงานความมั่นคงสาธารณะและสำนักเศรษฐกิจ และเมื่อเขาอยู่ในสำนักงานในเขตหยานไท เขาไม่ได้มีอิทธิพลเพราะเป็นคนรักของนายกเทศมนตรีเท่านั้นแต่ผลงานที่เขาทำไว้ก็ยังทำให้เซียงดาวเลขาธิกรรมการพรรคฯ ยังไม่กล้ายุ่งกับเขา และเขาก็ได้สร้างวีรกรรมไว้มากมาย นอกจากนี้ เขายังได้รับฉายาว่า "เทพเจ้าแห่งความโชคร้าย" เขาไม่ตายจากการจมน้ำ กระสุนฆ่าเขาไม่ได้ แม้แต่เครื่องบินก็ตก ผู้โดยสารและลูกเรือหลายร้อยคนตายเกลี่ยง แต่ดงซูบินกลับรอดมาได้ อาจจะบอกได้ว่าเขานั้นเป็นคนเหนือมนุษย์ก็ไม่ใช่การพูดเกินจริง แม้แต่ เซียงดาวที่มีปัญหากับเขาอยู่ก่อนแล้วจึงจะเลือกย้ายดงซูบินไปทำงานที่ในมืองนับประสาคนอื่น ทุกคนพยายามหลีกเลี่ยงที่จะมีปัญหากับดงซูบิน
นี่มันเทพเจ้าแห่งความโชคร้าย!
ผู้ที่ไม่มีใครอยากเข้าไปมีเรื่องด้วย!
ไม่น่าแปลกใจ ไม่น่าแปลกใจเลย...
หัวใจของ หวางจือหลงตอนนี้เริ่มด้านชาลงไป เขารู้ว่าตอนนี้เขาเจอปัญหาใหญ่เขาส่ะแล้วและคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะผ่านเรื่องนี้ไปได้ แต่ถึงอย่างงั้น ดงซูบินก็เป็นคนทำร้ายลูกสาวของเขาทำให้ใบหน้าของเธอบวม ทั้งๆที่หวางจือหลงเป็นพ่อเองเขาไม่เคยลงโทษลูกหรือทำร้ายลูกของเขาเลยด้วยซ้ำ
หมดกัน แต่อย่างไรก็ตามหวางจือหลงก็พยายามคิดหาวิธีการแก้ปัญหานี้
ท้ายที่สุดหวางจือลงนั้นก็ค่อนข้างมีอายุแล้วและต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่หน้าอายเช่นนี้ แต่ถ้าเขายอมรับความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ เขาจะเอาหน้าของเขาไปไว้ที่ไหนได้? เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ความเกลียดชังของหวางจือหลงที่มีต่อดงซูบินก็ยิ่งรุนแรงขึ้น ลูกสาวของเขาถูกทำร้ายและถูกไล่ออกจากโรงเรียน เรื่องนี้ต้องบันทึกไว้ในแฟ้ม แม้ว่าเขาจะสามารถหาโรงเรียนให้หวางถิงถิงผ่านเส้นสายของเขาได้แต่เรื่องที่พึงผ่านมามันก็ไม่สามารถลบออกไปได้
หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้วหวางจือหลงก็นึกถึงเซียงดาวเลขาธิการคณะกรรมการพรรคของเทศมณฑล
ตามข่าวลือ เลขาเซียงนั้นไม่ค่อยถูกกับดงซูบินเท่าไรนัก เพราะดงซูบินนั้นทำร้ายญาติของเขา ดังนั้นเขาคิดว่าเลขาเซียงเองจะกลายมาเป็นคนสำคัญที่ช่วยให้เขาจัดกการกับดงซูบินได้ ซึ่งถ้าเขาเข้าไปขอความช่วยเหลือจากเลขาเซียงคิดว่าเขาจะช่วยหวางจือหลงหรือไม่? เลขาธิการคณะกรรมการพรรคนั้นมีอำนาจในการกดดันหัวหน้าเขต เขาเองน่าจะช่วยให้หวางจือหลงชนะในครั้งนี้ และช่วยแหลือลูกสาวของเขาให้พ้นจากการถูกไล่ออกได้ ดังนั้นเป็นทางเดียวเท่านั้นเขาต้องไปเลขาเซียง โชคยังดีที่ตอนเข้ารับตำแหน่งใหม่หวางจือหลงได้ไปเยี่ยมเลขาธิการพรรคเขตเป็นการส่วนตัวแล้วและแสดงเจตนาที่จะคอยสนับสนุนเขา ดังนั้น เขาไม่รอช้าโทรหาเลขาเซียงในทันที
หวางจือหลงโทรไปที่สำนักงานเลขาธิการ
ดูเหมือนจะมีคนรับสายแล้ว และคนที่รับสายคือโจว จุน เลขาของเลขาเซียง "สวัสดีครับ"
"เลขาโจว ผม เองหวางจือหลง จากสำนักการศึกษา" น้ำเสียงของหวางจือหลงดูให้เกียรติมาก
“โอ้ ผู้อำนวยการหวาง สวัสดี”
“พอดีว่าผมต้องการพูดคุยกับเลขาเซียง ไม่รู้ว่า...”
“เลขาเซียง...” เลขานุการโจวพูดด้วยน้ำเสียงว่า “เลขาเซียงกำลังอนุมัติเอกสาร เรื่องอะไร ให้ผมแจ้งเขาในภายหลังหรือไม่”
"ถ้าเช่นนี้ก็" หวางจือหลงบ่นเกี่ยวกับการที่ลูกสาวของเขาโดนทำร้ายและเป็นฝีมือของดงซูบิน
แต่เรื่องนี้แพร่กระจายไปทั่วทั้งองค์กร ทำไมโจวจุนถึงไม่รู้? เมื่อหวางจือหลงพูดจบ เลขานุการโจวก็พูดอย่างไม่เต็มใจ โดยบอกว่าเขาจะรายงานต่อเลขาเซียงให้
เมื่อวางสายโทรศัพท์ หวางจือหลงนั่งอยู่ที่นั่นเพื่อรอ
โทรศัพท์ซึ่งเป็นความหวังเดียวของเขา
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
สองชั่วโมงผ่านไป
ผ่านไปนานขนาดนี้ อนุมัติเอกสารกี่ฉบับก็ยังไม่ตอบเลขา
ใบหน้าของ หวางจือหลงนั้นเปลี่ยนเป็นหน้าซีด และเขาเอนหลังพิงเก้าอี้ เลขาเซียงไม่เต็มใจที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเทพเจ้าแห่งความโชคร้าย!
การประเมินบุคคลที่ดีที่สุดคืออะไร?
แน่นอนว่าเบอร์หนึ่งของมลฑลและเบอร์สอง ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้เสมอ ในฐานะแฟนของนายกเทศมนตรี เลขาธิการพรรคเทศมณฑลไม่ต้องการมีปัญหากับเขา นี่คือการยืนยันที่ดีที่สุดเกี่ยวกับผลงานของดงซูบินเมื่อเขาอยู่ที่หยานไท!
เลขาธิการคณะกรรมการพรรคเขตเปิดตาและหลับตา... ไม่
หวางจือหลงจะมั่นใจแค่ไหน เขาก็ไม่คิดว่าเขาดีกว่าเลขาเซียง!
แนวโน้มทั่วไปหายไป
หวางจือหลง หยิบโทรศัพท์มือถือของเขาขึ้นด้วยความเศร้าโศกและโทรหาสำนักงานตำรวจและถอนแจ้งความในทันที
……