บทที่ 9 องค์กรสืบสวน
“การสอบสวนงั้นหรอ?” วิคเตอร์พูดกับตัวเองออกมาดังๆ
"โอ้!" ลูซี่ปรบมือด้วยท่าทางตกใจ
"ท่านสามีของท่านหญิงไวโอเล็ตไม่รู้ว่ามันคืออะไรงั้นหรอ ท่านเป็นแวมไพร์มานานแค่ไหนแล้ว อย่าบอกนะว่าท่านเพิ่งเกิดใหม่" เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นกลาง แต่ค่อนข้างชัดเจนว่าเขาพยายามจะแกล้งวิคเตอร์
“ฉันไม่เคยคิดว่าเจ้าหญิงแห่งตระกูลสโนว์จะได้สามีธรรมดาๆแบบนี้ มันไม่เหมาะกับความเย็นชาของเธอเลย” ผู้หญิงข้างๆลูซี่กล่าว
จริงๆแล้วพวกเขากำลังพยายามทำให้วิคเตอร์โกรธ แต่โดยไม่คาดคิดวิคเตอร์กลับไม่ได้รู้สึกอะไรกับพวกเขาเลย ความรู้สึกที่วิคเตอร์มีต่อคำพูดกับพวกเขาก็คือเขาจะสนใจความคิดของพวกแมลงไปทำไม? และเพราะเขาไม่สนใจนั่นก็เป็นสาเหตุที่เขาไม่รู้อะไรเลย
“นี่คือความพยายามของคุณที่จะยั่วยุฉันเหรอ เด็กน้อยจริงๆ” วิคเตอร์พูดอย่างตรงไปตรงมา
"ฮะ?" ลูซี่อุทานด้วยความตกใจเล็กน้อย
วิคเตอร์รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นก็แปลกใจเหมือนกัน แต่เขาไม่สนใจเธอ...เขาคิดว่าพวกเขาคิดว่าวิคเตอร์จะโกรธ เพราะตามที่ไวโอเล็ตบอก แวมไพร์แรกเกิดมักจะสูญเสียการควบคุมอารมณ์ของพวกเขา
“ฉันจะเข้าใจถ้าคุณเป็นแวมไพร์แรกเกิดแล้วมาพูดกับฉันแบบนั้น แต่คุณเป็นแวมไพร์ที่แก่กว่าฉันใช่ไหม? แล้วทำไมคุณถึงก้าวร้าวกับฉันล่ะ? คุณมีประจำเดือนเหมือนผู้หญิงหรือคุณมีกระจู๋ติดอยู่ในตูดของคุณตลอดเวลางั้นหรอ? ฉันคิดว่าฉันควรโทรหาลิตเติ้ลทิมมี่ให้มาจัดการคุณนะ”
“ทิมมี่?” ลูซี่ถามงงๆ
“โอ้ คุณไม่รู้จักทิมมี่ในตำนานเหรอ?” วิคเตอร์พูดด้วยท่าทางที่ไม่เชื่อ มันเหมือนกับว่าเขากำลังดูสัตว์หายากสองตัว
"ฉันเดาว่าการที่คุณมีชีวิตอยู่มาเป็นเวลานานนั่นไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นผู้ชายที่มีความรู้ในเรื่องสมัยใหม่เลย" วิคเตอร์พูดด้วยความรังเกียจ
“ให้ฉันอธิบายให้ฟังนะลูกแกะตัวน้อยของฉัน ทิมมี่เป็นนักบวชที่อยู่ในโบสถ์ เขาสูง 2 เมตรและมีกล้าม เขาชอบที่จะกำจัดแวมไพร์ด้วยไม้กายสิทธิ์ของเขา ฉันคิดว่าเขาคงชอบที่จะจะได้จัดการกับคุณ” วิคเตอร์พูดพร้อมกับยิ้มน้อยๆ
"..."
“เดี๋ยวก่อนสิ” ไวโอเล็ตปล่อยเสียงหัวเราะเล็กๆออกมาโดยไม่ตั้งใจครู่หนึ่ง แต่ไม่นานเธอก็กลับมาแสดงท่าทางอันสูงส่งของเธอในขณะที่เธอยังคงยิ้มน้อยๆบนใบหน้าของเธอ
รอยยิ้มของลูซี่เริ่มหายไปอย่างช้าๆราวกับว่ารอยยิ้มก่อนหน้านี้เป็นเรื่องโกหก
“แกอยากตายใช่ไหม” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่โกรธจัดและก้าวร้าว
วิคเตอร์เห็นเพียงแค่ข้างหน้าของเขาตอนนี้มีเพียงแวมไพร์แก่ๆที่มีนิสัยที่ชอบทารุณคนอื่นเมื่อเกิดตัณหาและชอบที่จะฆ่าคนพวกนั้นทิ้งซะ
“โอ้? เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆคุณคงเป็นแวมไพร์ที่แก่มากแล้ว คุณถึงได้มีนิสัยแบบนี้ใช่ไหม เหมือนพวกตาเฒ่าโรคจิตอะไรทำนองนั้น” วิคเตอร์เยาะเย้ยโดยไม่สนใจลูซี่
“ลูซี่ คุณคิดว่าตอนนี้คุณกำลังอยู่ที่ไหน” ไวโอเล็ตพูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยบนใบหน้าของเธอซึ่งแสดงให้เห็นฟันที่แหลมคมทั้งหมดของเธอ
จู่ๆอากาศรอบๆตัวของพวกเขาทั้งหมดก็หนักขึ้น ลูซี่สัมผัสได้ถึงรังสีสังหารที่ถูกปล่อยออกมาทั่วคฤหาสน์
เหงื่อเม็ดเล็กๆเริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา และเขาก็ตระหนักถึงความโง่เขลาที่เขาทำมันที
สีหน้าของลูซี่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและในไม่ช้าเขาก็เริ่มค่อยๆยิ้มออกมา
“แค้กๆ!”
เขาแสร้งทำเป็นไอและพูดด้วยน้ำเสียงขอโทษ
“ฉันขอโทษที่พลาดเรื่องนั้น ท่านหญิงไวโอเล็ต”
รังสีสังหารหายไปราวกับว่ามันไม่เคยมีอยู่จริง แต่บรรยากาศของการเฝ้าระวังยังคงอยู่ในอากาศ มีบางอย่างบอกวิคเตอร์ว่าถ้าลูซี่พยายามทำอะไรสักอย่าง เขาจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานอย่างแน่นอน
วิคเตอร์ชมเชยเขาที่เขาสามารถควบคุมอารมณ์และปรับอารมณ์ของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะคิดว่า
‘นี่หรอแวมไพร์ที่อยู่มานานแล้ว?’
“ไวโอเล็ต การสอบสวนคืออะไร” วิคเตอร์ไม่สนใจลูซี่และถามกับไวโอเล็ตโดยตรง
"การสืบสวนเป็นสิ่งที่ถูกทำโดยองค์กรที่ถูกสร้างขึ้นโดยคริสตจักรวาติกัน พวกเขาฝึกมนุษย์ให้ตามล่าแวมไพร์ที่สร้างปัญหาให้กับโลกมนุษย์ พวกเขาใช้น้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับพรเป็นอาวุธ และพวกเขายังสวดมนต์จากพระคัมภีร์เพื่อสร้างความเสียหายถาวรต่อจิตใจของแวมไพร์ได้"
“โอ้ พวกเขาเป็นนักล่าแวมไพร์สินะ” วิคเตอร์พูดอย่างไร้กังวล
ทำไมวิคเตอร์ถึงสงบงั้นหรอ ง่ายมาก เพราะเขาคิดว่ามันไม่มีเหตุผลที่จะคิดถึงปัญหาที่ยังไม่เกิดขึ้น เขาจะเครียดกับการพยายามควบคุมสิ่งที่เขาควบคุมไม่ได้ไปทำไม
เพราะในท้ายที่สุดแล้วหากเขาเป็นแบบนั้นเขาก็จะกลายเป็นคนหวาดระแวงและเครียดอยู่เสมอ สิ่งเดียวที่วิคเตอร์ต้องทำตอนนี้คือเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโลกนี้และเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของตัวเอง ยังไงซะวิคเตอร์ก็ยังเพิ่งเกิด เขาเป็นปลาตัวน้อยที่เพิ่งเกิดในทะเลสาบใหม่
“ใช่” ไวโอเล็ตตอบ
วิคเตอร์เอื้อมมือไปแนบหูของไวโอเล็ตและพูดว่า
"ฉันทดสอบในห้องของฉันแล้วว่าไม้กางเขนของพระเยซูไม่มีผลกับฉัน”
“คุณไม่มีภูมิคุ้มกันต่อการโจมตีของโบสถ์หรอก ไม้กางเขนที่คุณมีในห้องของคุณมันเป็นเพียงแค่สิ่งของธรรมดา สิ่งของที่โบสถ์ใช้นั้นได้รับพรจากสมเด็จพระสันตะปาปาเอง ซึ่งเขาเป็นบุคคลที่ใกล้เคียงกับพระเจ้าที่สุดในโลกใบนี้”
“พระเจ้ามีจริงหรอ” วิคเตอร์ถามด้วยความสงสัย
“ฉันไม่รู้ แต่ฉันคิดอย่างนั้น เพราะท้ายที่สุดแล้วอาวุธเหล่านั้นส่งผลต่อเรา” ไวโอเล็ตตอบกลับด้วยความสับสนเล็กน้อย
คริสตจักรเหรอ? วิคเตอร์อดไม่ได้ที่จะคิดด้วยความอยากรู้ คริสตจักรอยู่มานานมานับพันปี ดังนั้นองค์กรที่ทำงานให้กับคริสตจักรนี้จะต้องมีอิทธิพลอย่างมากในโลกอย่างแน่นอน
“ท่านหญิงไวโอเล็ต คุณจะยอมรับคำขอของฉันไหม?” ลูซี่ถาม
ไวโอเล็ตมองดูลูซี่และตอบว่า
"ไม่ นี่เป็นดินแดนของฉัน และฉันจะไม่ยอมรับแวมไพร์ตัวอื่นเข้ามา แม้ว่าองค์กรสืบสวนจะมาอยู่ที่นี่ แต่ฉันและตระกูลของฉันก็สามารถรับมือได้"
วิคเตอร์คิดว่าการตัดสินใจครั้งนี้ผิด เขาไม่มีความรู้เกี่ยวกับสถานการณ์โดยรวมมากนัก แต่สิ่งหนึ่งที่เขาสามารถพูดได้ก็คือเขาไม่ควรไว้ใจลูซี่ เขารู้สึกเสียวซ่าทุกครั้งที่มองเขา
‘โอ้ ฉันรู้แล้ว’
“ที่รัก ทำไมไม่อนุญาติให้เพื่อนเราล่ะ”
"ที่รัก?" ไวโอเล็ตมองมาที่วิคเตอร์ด้วยสายตาสงสัย
วิคเตอร์แค่ยิ้มให้เธอ
ไวโอเล็ตมองมาที่วิคเตอร์อย่างสับสน แต่เธอก็พยักหน้า เหมือนเธอบอกให้เขาทำทุกอย่างที่เขาต้องการ
เธอน่ารักมากเลยไม่คิดยังงั้นหรอ?
“ลูซี่ คุณตั้งใจจะพาแวมไพร์เข้ามาในดินแดนของภรรยาฉันกี่ตัว?” วิคเตอร์มองไปที่ลูซี่และถาม
เขาประเมินวิคเตอร์ครู่หนึ่งแล้วตอบกลับ
"ห้าสิบตัว"
“โอ้ มากพอสมควรเลย พวกเขาทั้งหมดเป็นลูกหลานของคุณหรือเปล่า?”
“ใช่ พวกเขาเป็นทาสของฉัน”
“ฉันเข้าใจแล้ว คุณต้องการปกป้องตัวเองจากองค์กรสอบสวนใช่ไหม เรายอมรับคำขอของคุณ คุณสามารถพาแวมไพร์เข้ามาได้ แต่...”
วิคเตอร์มองไปที่คางุยะที่อยู่ด้านหลังโซฟา แล้วพูดสองสามคำ แล้วคางุยะก็พยักหน้าและหายตัวไป
ไม่กี่วินาทีต่อมาคางุยะก็กลับมาพร้อมกับแผนที่เมืองในมือ
วิคเตอร์วางแผนที่ไว้บนโต๊ะด้านหน้า และด้วยดินสอที่คางุยะนำมาด้วย เขาสร้างวงกลมขนาดใหญ่บนแผนที่
“ห้ามลูกๆของคุณเข้ามาในวงกลมนี้” วิคเตอร์พูดขณะที่เขาวาดวงกลมลงบนแผนที่
วงกลมนี้ล้อมรอบคฤหาสน์ของไวโอเล็ตและบ้านของเขา ซึ่งด้วยเหตุผลบางอย่างบ้านหลังเก่าของเขาจึงค่อนข้างใกล้กับคฤหาสน์นี้
ลูซี่มองดูวงกลมบนแผนที่และพยักหน้า
เขามองไปที่ไวโอเล็ตครู่หนึ่งราวกับจะขออนุญาต ไวโอเล็ตพยักหน้าเห็นด้วย
ในไม่ช้าเขาก็ลุกขึ้นจากโซฟาและยื่นมือของเขาออกมา
"ขอบคุณมากท่านลอร์ดวิคเตอร์ ฉันเป็นหนี้บุญคุณคุณแล้ว"
วิคเตอร์ยิ้มแล้วลุกขึ้นจากโซฟา
"ไม่ต้องห่วง เราควรจะช่วยเหลือเพื่อนของเราใช่ไหม?” วิคเตอร์มองไปที่มือของลูซี่แล้วจับก่อนที่จะเขย่ามันด้วยท่าทางที่เป็นมิตร
จู่ๆวิคเตอร์ก็รู้สึกว่าแรงที่ใช้ในการจับมือเริ่มเพิ่มมากขึ้น วิคเตอร์รู้สึกเหมือนลูซี่พยายามจะหักมือของเขา แต่เขาไม่มีเรี่ยวแรงเพียงพอ...
‘เขาเป็นแวมไพร์ที่แก่กว่าไม่ใช่เหรอ? เขาต้องแข็งแกร่งใช่มั้ย?’
รอยยิ้มของวิคเตอร์เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ฟันที่แหลมคมของเขาเริ่มปรากฏขึ้นมาและในไม่ช้าวิคเตอร์ก็กำมือของเขาแน่นขึ้นอีกเล็กน้อย
กร้อบ!
มือของเขาแตกเป็นเสี่ยงๆแต่ทุกคนไม่ได้สนใจอะไร ยกเว้นไวโอเล็ตที่มองมาที่ลูซี่ราวกับว่าเธอกำลังมองดูคนตายที่เดินอยู่
ลูซี่มองที่มือของเขาครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็มองไปที่ไวโอเล็ต
"ไว้พบกันใหม่ท่านหญิงไวโอเล็ต"
ไวโอเล็ตไม่พูดอะไร เธอเพียงพยักหน้าเบาๆ
ในไม่ช้าคางุยะก็พาแขกทั้งสองออกจากคฤหาสน์