WS บทที่ 225 วันที่เจ็ด
ในถ้ำที่แห้งและเย็น เมอร์ลินมองดูเหล่าโครงกระดูกที่กระจัดกระจายไปทั่วพื้น พวกมันถูกปกคลุมด้วยเสื้อคลุมที่ดูเก่า
ดูเหมือนว่าคนเหล่านี้ตายไปนานแล้ว ในหอคอยอเวจีมีเพียงนักเวทย์ ที่ต้องการฝึกฝนดวงใจแห่งความมืดเท่านั้นที่สามารถเข้าสู่ช่องว่างทมิฬได้
ดังนั้นโครงกระดูกพวกนี้คงจะเป็นนักเวทย์จากหอคอยอเวจีที่ล้มเหลวในการฝึกฝนดวงใจแห่งความมืด
*แคร่ก*
เมอร์ลินก้มลงไปสัมผัสโครงกระดูกตัวหนึ่งและมันก็แตกในทันที พวกเขาอาจอยู่ที่นี่มาเป็นเวลานานจึงทำให้กระดูกเปราะบาง
เมอร์ลินเดินต่อไปและสังเกตเห็นโครงกระดูกจำนวนมาก บางคนมาจากเมื่อสองสามทศวรรษก่อนและบางคนมีอายุไม่กี่ศตวรรษ
เมอร์ลินตรวจสอบพวกเขาอีกครั้ง เขาค้นหาวงแหวนที่โครงกระดูกทิ้งไว้แต่ไม่พบสักวง
เมอร์ลินคาดหวังว่าจะพบกับแหวนที่เก็บของของผู้วายชนม์ อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าพวกมันจะถูกนำไปหมดแล้ว โดยนักเวทย์ที่ประสบความสำเร็จในการฝึกฝนดวงใจแห่งความมืด
แม้ว่าเมอร์ลินจะไม่พบแหวนท่ามกลางโครงกระดูก แต่เขาสังเกตเห็นรอยขีดเขียนของภาษามอลตาบนบริเวณใกล้ ๆ กับโครงกระดูกบางส่วน ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาจึงปัดฝุ่นเพื่ออ่านข้อความ
“หกวันแล้ว ข้าอยู่ได้หกวันและในที่สุดก็เข้าใจภาพมายา อย่างไรก็ตามศฺลาแห่งการรู้แจ้งของข้าหมดลงแล้ว ตอนนี้ข้าจำเป็นต้องเลือก ข้าจะรอวันที่เจ็ดต่อไปหรือข้าจะอยู่ต่อเพื่อฝึกฝนรูปแบบที่สามของดวงใจแห่งความมืด
มันเป็นตัวเลือกที่ยากมาก หลังจากสามวันในช่องว่างทมิฬ ข้าสามารถปลูกฝังรูปแบบที่หนึ่งของดวงใจแห่งความมืดได้ ส่วนภายในวันที่สี่ถึงหก ข้าสามารถปลูกฝังรูปแบบที่สองของดวงใจแห่งความมืดได้แต่ข้าไม่คาดคิดว่ารูปแบบที่สองกับจะแตกต่างกันมาก!
อย่างไรก็ตาม ข้าต้องการที่จะเป็นอัจฉริยะคนแรกในหอคอยอเวจีที่ฝึกฝนรูปแบบที่สามสำเร็จ ข้าแค่ต้องทนต่อวันที่เจ็ด แล้วจากนั้นข้าจะสามารถฝึกฝนรูปแบบที่สามได้!”
ข้อความภาษามอลต้าหยุดอยู่ที่นั่น ผู้เขียนข้อความได้กลายเป็นโครงกระดูกไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ไปถึงวันสุดท้าย
เมอร์ลินอ่านข้อความจบและขมวดคิ้วเล็กน้อย ข้อความเผยให้เห็นข้อมูลมากมายที่เป็นประโยชน์กับเขามาก
“ตามคำอธิบายในข้อความนี้ ภาพลวงตาของช่องว่างทมิฬ สามารถแบ่งออกเป็นสามขั้นตอน สามวันแรกจะสอดคล้องกับภาพลวงตาที้ในการรับมืดของรูปแบบที่หนึ่งของดวงใจแห่งความมืด หากคุณผ่านสามวันแรกไปได้ คุณก็สามารถฝึกฝนดวงใจแห่งความมืดรูปแบบที่หนึ่งได้อย่างง่ายดาย
ในช่วงวันที่ 4-6 ความแข็งแกร่งของภาพลวงตาจะเพิ่มขึ้นและสอดคล้องกับรูปแบบที่สองของดวงใจแห่งความมืด และสุดท้ายวันที่เจ็ด ภาพลวงตามันสัมพันธ์กับรูปแบบที่สาม!"
ในที่สุดเมอร์ลินก็เข้าใจความแตกต่างอย่างมากในช่องว่างทมิฬ ไม่น่าแปลกใจที่พ่อมดฮอบส์พูดถึงว่าถ้าเมอร์ลินไม่สามารถออกมาหลังจากวันที่เจ็ด มันจะส่งผลร้ายแรงกับเขา
วันที่เจ็ดแสดงถึงภาพลวงตาที่แข็งแกร่งที่สุดของช่องว่างทมิฬ ข้อมูลนี้อ้างอิงจากข้อความของนักเวทย์จากหอคอยอเวจีผู้ใฝ่ฝันว่าอยากจะเป็นอัจฉริยะคนแรกของหอคอยอเวจี
อย่างไรก็ตาม แม้แต่อัจฉริยะเช่นนี้ก็ไม่สามารถอยู่ได้ในวันที่เจ็ดแต่อัจฉริยะกลับหายไปตลอดกาลในช่องว่างทมิฬ
มีความคิดมากมายแล่นเข้ามาในหัวของเมอร์ลิน อย่างไรก็ตาม เขาเคยอยู่ในช่องว่างทมิฬมาระยะหนึ่งแล้วและหลังจากผ่านไปห้าวัน เขาก็ยังสามารถทะลุผ่านภาพลวงตาได้ เขาจะสามารถฝึกฝนรูปแบบที่สองของดวงใจแห่งความมืดได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นักเวทย์จากหอคอยอเวจีได้ทิ้งข้อความไว้ว่าความแตกต่างระหว่างรูปแบบที่สองและสามของดวงใจแห่งความมืดนั้นมากเกินไป แล้ววันที่เจ็ดความรุนแรงของภาพลวงตาจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก จนสุดท้ายทำให้ผู้ที่ทิ้งข้อความจมอยู่ในภาพลวงตาและตายกลายเป็นโครงกระดูกในที่สุด
“ฉันยังมีศิลาแห่งการรู้แจ้งอยู่ ถ้าทนไม่ไหวฉันจะใช้มัน!”
เมอร์ลินไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งและตัดสินใจได้ในที่สุด เขาพร้อมที่จะรออย่างอดทนในช่องว่างทมิฬวันที่เจ็ด หากภาพลวงตาของวันที่เจ็ดนั้นรุนแรงเกินไปและเขาไม่สามารถต้านทานพวกมันได้อีกต่อไป เขาจะใช้ศิลาแห่งการรู้แจ้ง
ตอนนี้ศิลาแห่งการรู้แจ้งของเขาได้หดตัวลงมากกว่าครึ่งของขนาดดั้งเดิมและเหลือเพียงส่วนเล็ก ๆ เท่านั้น สาเหตุที่มันยังไม่หมดฤทธิ์เนื่องจากเมอร์ลินสามารถฝ่าฟันภาพลวงตาด้วยความมุ่งมั่นและศรัทธาของเขา
ความแรงของภาพลวงตาเพิ่มขึ้นแล้วในวันที่สี่แต่เมอร์ลินยังคงมีศรัทธาและใช้มันเพื่อทำลายภาพลวงตาโดยไม่ต้องใช้ศิลาแห่งการรู้แจ้ง
หากผู้ร่ายคาถาคนอื่นใช้ศิลาแห่งการรู้แจ้งบ่อยๆ มันคงจะหมดลงโดยสมบูรณ์ในวันที่สาม
หลังจากที่เขาตัดสินใจแล้ว หัวใจของเมอร์ลินก็ค่อย ๆ สงบลง เขากลับไปนั่งที่เดิมและรอคอยอย่างอดทนถึงวันที่เจ็ดที่กำลังจะมาถึง!
…
“นี่เป็นวันที่เจ็ดแล้ว พ่อมดลีโอ ถ้าเมอร์ลินไม่ออกมาภายในวันนี้ ข้าเกรงว่านี่จะเป็นลางร้ายมากกว่าลางดี!”
พ่อมดฮอบส์จ้องมองอย่างเย็นชาตรงไปที่ช่องว่างทมิฬ ขณะที่รอยยิ้มเผยตัวจากมุมริมฝีปากของเขา
ตอนนี้เป็นวันที่เจ็ดแล้ว พ่อมดฮอบส์และคนอื่นๆ รู้สึกโล่งใจในที่สุด
ภาพลวงตาในวันที่เจ็ดในช่องว่างทมิฬนั้นแข็งแกร่งที่สุด ในประวัติศาสตร์ของหอคอยอเวจีมีเพียงนักเวทย์ไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถอยู่ได้นานขนาดนั้นและเขาคิดว่าเมอร์ลินคงไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอน
ถึงเขาจะมีศิลาแห่งการรู้แจ้ง มันก็ยังไร้ประโยชน์ในวันที่เจ็ด นักเวทย์จะต้องพึ่งพาความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขาเองเพื่อที่จะมองทะลุภาพลวงตาและสลายภาพลวงให้จางหายไป
“วันที่เจ็ดยังไม่จบซะหน่อย!”
สีหน้าของพ่อมดลีโอมืดมน ดวงตาแห่งความมืดของเขามองเข้าไปในช่องว่างทมิฬตลอดเวลา
…
"ภาพลวงตาของวันที่เจ็ดกำลังมาแล้ว!"
จากนั้นสภาพแวดล้อมของเมอร์ลินเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันและเขาก็กลับมาอยู่ในห้องที่คุ้นเคยทันที มันเป็นห้องที่เขาพักอยู่ที่ปราสาทวิลสันในเมืองแบล็กวอเตอร์
“น่าสนใจมาก ฉันกลับมาที่เมืองแบล็ควอเตอร์อีกแล้ว ภาพลวงตานี้น่าประทับใจมาก!”
เมอร์ลินยิ้มและดูเหมือนไม่สนใจ เขาเปิดประตูหลักและพบสาวใช้ลูเซียและเมซี่ส์ที่กระซิบกับพ่อบ้านในห้องโถงชั้นล่าง
เลห์แมนก็อยู่ที่นั่นด้วย เขามาพร้อมกับผู้บัญชาการแพรตต์ซึ่งเพิ่งเสร็จสิ้นการฝึกและมีเหงื่อออกมากในขณะที่เขาสั่งให้สาวใช้เตรียมอาบน้ำ มันเป็นบรรยากาศที่อบอุ่นและคุ้นเคย เมอร์ลินรู้สึกเหมือนกลับมาที่เมืองแบล็ควอเตอร์
“มันสมบูรณ์แบบจริง ๆ ฉันหาข้อบกพร่องไม่เจอเลย ความเชื่อของฉันดูเหมือนจะสั่นคลอน…อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงภาพลวงตา แม้ว่าฉันจะทำลายมันไม่ได้แต่ฉันก็จะใช้ศิลาแห่งการรู้แจ้ง!”
เมอร์ลินพยายามหลับตาและใช้ศรัทธาอันแรงกล้าของเขาแต่เมื่อเขาเปิดออก เขาก็ยังคงอยู่ในภาพลวงตา เขารู้ว่าพลังของภาพลวงตาจะเพิ่มขึ้นอย่างมากในวันที่เจ็ดและจะใช้เวลาไม่นานในการมองทะลุมัน
ดังนั้น เมอร์ลินจึงรีบหยิบศิลาแห่งการรู้แจ้งออกจากแหวนของเขาอย่างรวดเร็วและมันก็ส่งกลิ่นแปลก ๆ ออกไปเพื่อชำระจิตใจของเมอร์ลิน ทันใดนั้น ภาพมายาก็หายไปและเขาก็กลับมาอยู่ในถ้ำที่แห้งแล้งและเย็นยะเยือก
“ฉันต้องมีศรัทธาอย่างแรงกล้า ฉันจะลองภาพลวงตาอีกครั้งและฉันจะสามารถฝ่ามันไปได้!”
เมอร์ลินมองไปที่ศิลาแห่งการรู้แจ้งก้อนเล็ก ๆ ในมือของเขาในขณะที่เขาฟื้นศรัทธา เขานำศิลาแห่งการรู้แจ้งกลับเข้าแหวนและดำดิ่งสู่ภาพลวงตาอีกครั้ง
หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง…
ศิลาแห่งการรู้แจ้งค่อย ๆ ลดขนาดลงแต่ทุกครั้งที่ทดสอบ ดูเหมือนเขาจะมุ่งมั่นมากขึ้นเรื่อย ๆ
“สุดท้ายมันก็เป็นแค่ภาพลวงตา ฉันต้องจบเรื่องนี้ให้ได้!”
เมอร์ลินยิ้มเล็กน้อยในขณะที่เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ และหลับตาลงในขณะที่เขาจดจ่ออยู่กับความศรัทธาและความแข็งแกร่งทางจิตใจอันทรงพลังของเขา
เขาลืมตาขึ้นและภาพลวงตาก็หายไป ในที่สุดเขาก็ผ่านวันที่เจ็ดในช่องว่างทมิฬสำเร็จ!
“ภาพลวงตาในวันที่เจ็ดนั้นช่างน่ากลัวจริง ๆ แต่ฉันสามารถฝ่าฟันไปได้และในที่สุดข้าก็สามารถฝึกฝนรูปแบบที่สามของดวงใจแห่งความมืดได้!”
เมอร์ลินสามารถทนต่อช่องว่างแห่งได้เจ็ดวัน แม้ว่าภาพลวงตาจากการฝึกฝนของดวงใจแห่งความมืด จะแข็งแกร่งแต่เขาก็สามารถรับมือได้
ดังนั้นเขาจึงเริ่มฝึกฝนรูปแบบที่สามของดวงใจแห่งความมืด
ผ่านไปหนึ่งวัน สองวัน…
เมอร์ลินสามารถทำลายทุกภาพลวงตาจากรูปแบบที่สามของดวงใจแห่งความมืด เขารู้สึกได้ว่าเขารวบรวมพลังธาตุจากช่องว่าทมิฬและเขารู้สึกใกล้ชิดกับพลังความืดเพิ่มมากขึ้น
ภายใต้อิทธิพลของดวงใจแห่งความมืด พลังของหมอกรัตติกาลกับเขตแดนแสงดำของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก
"ฉันต้องไปจากที่นี่นแล้ว"
เมอร์ลินยืนขึ้นและเตรียมที่จะออกจากช่องว่างทมิฬแต่ในขณะที่เขากำลังจะจากไป เขาถามเดอะเมทริกซ์ว่า "เดอะเมทริกซ์ ฉันอยู่ในความมืดมิดมากี่วันแล้ว"
เมอร์ลินรู้สึกว่าเขาอยู่ในช่องว่างทมิฬมาเก้าวันแล้วและเขากังวลว่าพ่อมดลีโอยังคงรออยู่ข้างนอกจะเป็นห่วงเขา
คุณอยู่ในช่องว่างทมิฬมาเป็นเวลาเจ็ดวันแล้ว!
“เจ็ดวัน? เป็นไปไม่ได้ ฉันใช้เวลาสองวันในการบ่มเพาะหัวใจแห่งความมืด มันจะเป็นเจ็ดวันได้อย่างไร?”
เมอร์ลินได้ยินคำตอบของเดอะเมทริกซ์ถึงกับผงะเล็กน้อย เขาจำได้อย่างชัดเจนว่าเขาฝ่าฟันภาพลวงตาและใช้เวลาสองวันในการฝึกฝนหัวใจแห่งความมืดจนสำเร็จ
"บันทึกของเดอะเมทริกซ์ไม่น่าจะผิดแต่ฉันจำทุกอย่างที่ผ่านมาทั้งสองวันได้ดีเช่นกัน เป็นไปได้ไหมว่า..."
เมอร์ลินขมวดคิ้ว และทันใดนั้น ความเป็นไปได้ที่ทำให้เขาไม่สบายใจก็ผุดขึ้นมาในหัว
“นี่ฉันยังอยู่ในภาพลวงตาอยู่สินะ?”
เมอร์ลินเงยหน้าขึ้นมองรอบๆ เขายังคงอยู่ในถ้ำที่หนาวเย็นและแห้งแล้งและทุกอย่างก็ดูเป็นปกติแต่หน้าผากของเขามีเหงื่อเย็นไหลออกมา