WS บทที่ 224 โครงกระดูก
พลังภายนอกไม่สามารถทำลายภาพลวงตาทั้งหมดได้และความช่วยเหลือของศิลาแห่งการรู้แจ้ง เมอร์ลินก็ไม่อาจใช้มันได้ตลอดไปด้วย
ในขณะที่เมอร์ลินกำลังพักผ่อน เขาก็ตระหนักว่าเขาอยู่ในช่องว่างทมิฬมาเป็นเวลานานและศิลาแห่งการรู้แจ้งที่ครั้งหนึ่งเคยมีขนาดเท่าไข่ก็ค่อยๆ เล็กลงเรื่อย ๆ
นี่หมายความว่าพลังของศิลาแห่งการรู้แจ้งค่อย ๆ ลดลงไปเรื่อย ๆ บางทีวันหนึ่งพลังของศิลาแห่งการรู้แจ้งอาจถูกใช้จนหมดและเมื่อถึงเวลานั้นมาถึง หากเมอร์ลินที่ยังไม่สามารถพึ่งพาความแข็งแกร่งของตัวเองได้ เขาอาจหลงทางในช่องว่างทมิฬไปตลอดกาล
“ศรัทธา ฉันต้องมีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าเพื่อต่อสู้กับอุปสรรคและฝ่าฟันภาพมายานี้!”
คราวนี้ เมอร์ลินตั้งใจแน่วแน่มากขึ้น ภาพลวงตาไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นเพราะมันส่งผลกระทบต่อเขาในระดับจิตวิญญาณเท่านั้น นั่นคือเหตุผลที่ไม่มีแรงภายนอกที่จะส่งผลกระทบต่อภาพลวงตา
อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่เขามีความเชื่อที่มั่นคง ภาพลวงตาก็ไม่อาจเข้าถึงเขาได้
แต่ถึงอย่างนั้น ความรู้สึกศรัทธาอย่างแรงกล้าไม่ใช่สิ่งที่สามารถสร้างขึ้นได้ในทันที
ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่เมอร์ลินอยู่ในอาณาจักรแห่งแสง เขาได้รับตำราคาถาของชายชราอีธานและอาศัยเดอะเมทริกซ์เพื่อกลายเป็นนักเวทย์หกธาตุที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้
เมอร์ลินไม่เชื่อว่าเขาจะเป็นนักเวทย์หกธาตุได้หากไม่มีเดอะเมทริกซ์
“ถ้าฉันไม่มีเดอะเมทริกซ์ ฉันอาจจะไม่ได้เป็นนักเวทย์หกธาตุ มันคงเป็นเรื่องยากมากแต่ฉันจะเรียนรู้จากประสบการณ์และสร้างโครงสร้างเวทมนต์เพื่อเป็นคาถา!”
เมอร์ลินลังเลเมื่อคำถามดังก้องอยู่ในใจ เขาจะยังคงเป็นนักเวทย์ที่ทรงพลังโดยไม่มีเดอะเมทริกซ์ได้หรือไม่?
เมอร์ลินพึ่งพาเดอะเมทริกซ์มากเกินไปเพื่อสร้างโครงสร้างเวทมนต์และปรุงยา ด้วยเครื่องมือพิเศษที่ช่วยบรรเทาความยากลำบากและประหยัดเวลาในการสร้างโครงสร้างเวทมนต์ เขารู้อยู่ในใจว่าเครื่องมือเหล่านี้ไม่ได้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากนัก
พวกมันไม่สามารถให้ศรัทธาแก่เขาได้!
“ศรัทธา ศรัทธา…” เมอร์ลินกระซิบขณะที่ดวงตาของเขาเริ่มเป็นประกาย
เมอร์ลินเก็บศิลาแห่งการรู้แจ้งกลับเข้าไปในวงแหวนอีกครั้งและสภาพแวดล้อมของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที สายลมอันรุนแรงโห่ร้องเมื่อสภาพแวดล้อมของเขากลายเป็นสิ่งที่ดูเหมือนนรกของมนุษย์
เมอร์ลินค่อย ๆ กางแขนออกและสัมผัสได้ถึงพลังเวทย์มนตร์ในตัวเขา โครงสร้างเวทมนต์ทั้งสิบสองแบบวิ่งอย่างเป็นระเบียบ
ที่มาของความศรัทธาอันแรงกล้านี้ต้องมาจากกำลังของเขาเอง!
เห็นได้ชัดว่าเมอร์ลินไม่มีศรัทธาที่แข็งแกร่งแต่มีพลังที่แข็งแกร่ง ศรัทธามาพร้อมกับพลังและเมื่อเขาตระหนักถึงสิ่งนี้ เขาก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย
เมอร์ลินมองไปรอบๆ และเห็นสถานที่ที่ดูเหมือนนรกที่อยู่เบื้องหน้าของเขา จากนั้นเขายิ้มและหลับตาลงเบา ๆ
ผ่านไปครู่หนึ่ง เมอร์ลินลืมตาขึ้นและสภาพแวดล้อมโดยรอบก็กลับคืนสู่ถ้ำที่แห้งแล้งและเย็นยะเยือก ร่างกายของเขายังคงยืนอยู่ที่เดิม
“เยี่ยม! ตอนนี้ภาพลวงตาไม่มีผลกับฉันแล้ว!”
เมอร์ลินยิ้มเล็กน้อย ในที่สุดเขาก็ทำลายภาพลวงตาของช่องว่างทมิฬด้วยศรัทธาอันแรงกล้าของเขา
ในความเป็นจริง มีหลายวิธีที่จะฝ่าฟันมายาได้แต่มันก็ขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นของนักเวทย์ บางคนที่สามารถทำลายภาพลวงตาด้วยความคิดอันแรงกล้าของพวกเขา
บางคนปรารถนาอย่างสุดใจและด้วยเจตนาบริสุทธิ์ของพวกเขา สามารถทำลายภาพลวงตาได้
ยังมีบางคนที่จิตใจแข็งแกร่งอยู่แล้วและไม่กลัวภาพลวงตาใด ๆ พวกเขาก็สามารถทะลุผ่านภาพลวงตาได้เช่นกัน
เป็นเพราะความเชื่อมั่นของเมอร์ลินว่าเขาจึงสามารถทำลายภาพลวงตาของเขาได้
“นี่เพิ่งจะวันที่สามเท่านั้น!”
หลังจากที่เมอร์ลินเอาชนะภาพลวงตาได้ เขาได้ถามเดอะเมทริกซ์และพบว่ามันเป็นวันนี้เป็นวันที่สามที่เขาเข้ามาในช่องว่างทมิฬ แม้ตอนนี้เขาจะเอาชนะภาพลวงตาได้แล้วแต่เขายังไม่รีบเร่งที่จะฝึกฝนดวงใจแห่งความมืดในตอนนี้
อย่างไรก็ตาม ดวงใจแห่งความมืดมีอยู่สามรูปแบบ เขาสามารถฝึกฝนรูปแบบที่หนึ่งได้แล้วแต่เขาต้องการที่ลองฝึกฝนรูปแบบที่สองและสามดูก่อน
ดังนั้นเขายังคงต้องใช้เวลามากขึ้นในช่องว่างทมิฬและสัมผัสกับภาพลวงตาให้มากขึ้น ทางที่ดีควรเตรียมตัวให้พร้อม ไม่มีใครรู้อย่างแท้จริงว่าภาพลวงตาของดวงใจแห่งความมืดรูปแบบที่สองและสามจะน่ากลัวเพียงใด สิ่งที่เมอร์ลินสามารถทำได้ในตอนนี้คืออยู่ในช่องว่างทมิฬเพื่อสัมผัสกับภาพลวงตาอื่น ๆ
…
ด้านนอกของช่องว่างทมิฬ พ่อมดลีโอนั่งเงียบ ๆ บนพื้น ไม่ไกลจากเขาคือพ่อมดฮอบส์ พ่อมดกริซโลและพ่อมดบาห์เรนที่ติดตามเขาก่อนหน้านี้
เมอร์ลินอยู่ในช่องว่างทมิฬมาสามวันแล้วแต่ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ เลย แม้แต่นิดเดียว ตาที่สามของพ่อมดลีโอขยับตลอดเวลา ดูเหมือนสะท้อนความรู้สึกวิตกกังวลของพ่อมดลีโอ
พ่อมดฮอบส์มองขึ้นไปที่ช่องว่างทมิฬอันเงียบสงบและพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า “พ่อมดลีโอ ข้าต้องขอเตือนคุณแล้วว่าการเข้าสู่ช่องว่างทมิฬไม่ใช่เรื่องง่าย แม้จะมีศิลาแห่งการรู้แจ้งก็ตามแต่พลังของมันก็มีขีดจำกัด บางทีคุณอาจไม่เข้าใจข้อมูลเฉพาะของช่องว่างทมิฬที่ข้าอธิบายไว้ การเตือนคุณตอนนี้ก็ไม่เสียหายอะไรดังนั้นคุณต้องเตรียมใจให้ดี”
หลังจากหยุดชั่วคราว พ่อมดฮอบส์ก็พูดต่อ "ช่องว่างทมิฬถูกสร้างขึ้นโดยท่านจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ดามานี ท่านสร้างขึ้นเพื่อช่วยเหล่านักเวทย์ของหอคอยอเวจีฝึกฝนดวงใจแห่งความมืดซึ่งมันมีอยู่สามรูปแบบแต่ละรูปแบบมีข้อกำหนดที่แตกต่างกัน ดังนั้นภาพลวงตาของช่องว่างทมิฬจึงแบ่งออกเป็นสามส่วน ภายในเจ็ดวัน ในวันแรกถึงสามจะเป็นภาพลวงตาที่อ่อนแอที่สุด หากใครก็ตามสามารถผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ คน ๆ นั้นจะสามารถฝึกฝนดวงใจแห่งความมืดรูปแบบที่หนึ่งได้อย่างง่ายดาย
ตั้งแต่วันที่สี่ถึงวันที่หก ความแข็งแกร่งของภาพลวงตาจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก หากผ่านมันไปได้ ก็สามารถฝึกฝนรูปแบบที่สองของดวงใจแห่งความมืดได้โดยไม่มีปัญหา
ส่วนวันที่เจ็ดจะเป็นวันที่ภาพลวงตาที่แข็งแกร่งที่สุด แม้แต่พวกเรา นักเวทย์ระดับเจ็ดก็สามารถตกอยู่ในภาพลวงตานั้นได้ ฮิฮิ คุณต้องพึ่งพาความแข็งแกร่งของตัวเองเพื่อให้รอดจากสิ่งนั้น
หากสามารถผ่านภาพลวงตานั้นไปได้ คุณก็สามารถฝึกฝนรูปแบบที่สามของดวงใจแห่งความมืดได้ อย่างไรก็ตามแม้ในช่วงยุคทองของหอคอยอเวจีก็มีนักเวทย์เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถผ่านทั้งเจ็ดวันและฝึกฝนรูปแบบที่สามของดวงใจแห่งความมืดได้! ถ้าเมอร์ลินไม่ออกมาหลังจากเจ็ดวัน ฮิฮิ ข้าเกรงว่ามันจะสายเกินไป เมื่อถึงเวลานั้น พ่อมดลีโอ คุณต้องไม่ลืมสัญญาของคุณ!”
ถึงจะได้ยินสิ่งที่พ่อมดฮอบส์พูดแต่ท่าทางของพ่อมดลีโอยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ในขณะที่เขาตอบอย่างใจเย็นว่า "ข้าจะรอเจ็ดวัน แล้วจากนั้นค่อยมาคุยกัน"
น้ำเสียงของพ่อมดลีโอสงบนิ่งแต่ดวงตาที่เปื้อนเลือดบนหน้าผากของเขาอดไม่ได้ที่จะจ้องมองเข้าไปในช่องว่างทมิฬ ท้ายที่สุดก็ใกล้จะสิ้นสุดวันที่สามของเมอร์ลินแล้ว…
…
“หือ? พลังของภาพลวงตาเพิ่มขึ้นเหรอ?”
เมอร์ลินนั่งอย่างสงบ ตอนนี้เป็นวันที่สี่ของเขาในช่องว่างทมิฬ อยู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่าความแข็งแกร่งของภาพลวงตาเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ภาพลวงตาในคราวนี้ เต็มไปด้วยผู้คนที่เขารู้จัก มีภรรยาสองคนของเขา แอวริลกับเชอรีสและมีเลห์แมน พ่อของเขา แล้วยังมีใบหน้าที่คุ้นเคยจากอาณาจักรแห่งแสง เช่น ชายชราอีธาน เจ้าอ้วนน้อยกัตต์ แอนสันและคนอื่นๆ
ใบหน้าที่คุ้นเคยดังกล่าวปรากฏในภาพลวงตาของเมอร์ลิน พวกเขาสดใสและนำความทรงจำมากมายกลับมาที่เมอร์ลิน
“เมอร์ลิน นายมาช้าอีกแล้ว เดี๋ยวก็โดนนักดาบเปโรทำโทษหรอก…” แอนสัน เด็กชายผมแดงบ่นกับเมอร์ลิน
“เมอร์ลิน วันนี้ฉันเจอพี่สาวคนสวยสองคนนั้นอีกแล้ว” กัตต์กระซิบกับเมอร์ลินด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
“เมอร์ลิน ถ้าพี่ทำอะไรมิดีมิร้ายกับพวกเธอล่ะ หนูจะเล่นงานพี่แน่!!” เมซี่ส์พูดด้วยสีหน้าบูดบึ้งขณะที่เธอ ‘เตือน’ เมอร์ลิน
ยังมีเลห์แมน ชายชราอีธานและคนอื่น ๆ ด้วย ผู้คนที่คุ้นเคยปรากฏตัวต่อหน้าเมอร์ลิน แม้ว่าเขาจะรู้ว่ามันเป็นแค่ภาพลวงตา แต่เมอร์ลินก็อดไม่ได้ที่จะล่องลอยไปในความทรงจำของเขา
“นี่อาจเป็นแค่ภาพลวงตาแต่มันจะทำให้ผู้คนอยากอยู่และจมดิ่งลงไปในนั้นตลอดไป…” เมอร์ลินกระซิบ เขารู้สึกหวนคิดถึงผู้คน ใบหน้าและน้ำเสียงเหล่านั้น
ภาพลวงตาของช่องว่างทมิฬสามารถทำให้เกิดความทรงจำที่ยาวนานจากจิตใจของเมอร์ลิน สิ่งนี้ทำให้เมอร์ลินรู้สึกไม่สบายใจในขณะที่เขาปล่อยให้ตัวเองจมอยู่ในนั้น
ภาพลวงตาอันทรงพลังดังกล่าวในช่องว่างทมิฬจะทำให้นักเวทย์หลงใหลจนสติของพวกเขาหลุดลอยหายไปอย่างแน่นอน
“มันเป็นของปลอมทั้งหมด ฉันรู้ว่านี่ไม่ใช่ของจริง แล้วฉันจะปล่อยให้ตัวเองจมอยู่ในนั้นได้อย่างไร กัตต์ แอนสัน ท่านพ่อ วางใจเถอะ ฉันจะกลับไปที่อาณาจักรแห่งแสง ฉันจะไม่จมอยู่ในนั้น ภาพลวงตาที่ไม่จริงเหล่านี้ ฉันต้องทำลายมันทิ้งซะ!”
เมอร์ลินพูดด้วยความมุ่งมั่น แม้ว่าภาพลวงตาจะทำให้เขาชวนให้นึกถึงอดีตของเขาแต่เขาก็ยังตัดสินใจที่จะทำลายภาพลวงตา เขาอาจจะคิดถึงแต่เขาจะไม่หลงทางดังนั้นเขาจึงหลับตาแน่นและเมื่อเขาลืมตาขึ้น ภาพลวงตาก็หายไป และเขาก็กลับมาอยู่ในถ้ำที่แห้งและเย็น
"เดอะเมทริกซ์ ตอนนี้ฉันอยู่ในช่องว่างทมิฬมากี่วันแล้ว" เมอร์ลินถาม
เขาเคยประสบกับภาพลวงตามากมายในช่องว่างทมิฬแต่เขาไม่แน่ใจว่ามันนานแค่ไหนแล้ว ภาพลวงตาไม่มีผลกับเดอะเมทริกซ์และมันได้บันทึกเวลาของเมอร์ลินในช่องว่างทมิฬเอาไว้
คุณอยู่ในช่องว่างทมิฬเป็นเวลาห้าวันแปดชั่วโมง...!
จากนั้นเดอะเมทริกซ์ก็บอกข้อมูลต่าง ๆ อย่างละเอียดแต่เมอร์ลินไม่สนใจฟัง เขาจมดิ่งลงไปในภาพลวงตาโดยไม่รู้ตัวตลอดทั้งวัน ตั้งแต่วันที่สี่ ภาพมายาก็แข็งแกร่งขึ้นกว่าวันก่อนมาก
“ห้าวันแล้ว…เอาล่ะ ได้เวลาฝึกฝนดวงใจแห่งความมืดแล้ว”
เมอร์ลินรู้สึกว่าเวลาของเขาในช่องว่างทมิฬใกล้จะหมดลงแล้ว ขณะที่เขาเตรียมที่จะฝึกฝนช่องว่างทมิฬ เขาเห็นบางสิ่งจากหางตาของเขา เขาเงยหน้าขึ้นและเห็นโครงกระดูกวางอยู่บนพื้นดินที่หนาวเย็นต่อหน้าเขา
“นี่อาจเป็นนักเวทย์จากหอคอยอเวจีที่เข้ามาในช่องว่างทมิฬสินะ?”
หัวใจของเมอร์ลินเต้นผิดจังหวะ พวกเขาเหล่านี้อาจเป็นนักเวทย์ที่ได้รับการฝึกฝนโดยหอคอยอเวจีแต่พวกเขาทั้งหมดเสียชีวิตที่นี่เนื่องจากพวกเขาล้มเหลวในการฝึกฝนดวงใจแห่งความมืด
เมอร์ลินยืนขึ้นและเดินไปที่กองโครงกระดูกอย่างนุ่มนวล