599-600
9/10
Ep.599
ช่วงเวลาต่อมา [รถศึกอัจฉริยะ] ได้ขับตรงไปยังเทือกเขาเฉินซิง
และใช้เวลาถึงสองวันในการมุ่งหน้าสู่เทือกเขา เมื่อเข้ามา ก็ใช้เวลาสำรวจไปตามทางเป็นเวลาอีกกว่าครึ่งเดือน จึงพบร่องรอยของสัตว์กลายพันธุ์เลเวล 8 ที่ตามหา และสามารถสังหารมันได้ในที่สุด
ทีนี้ก็ขาดหินพลังงานเลเวล 8 อีกแค่ก้อนเดียว ภายใต้คำสั่งของซูเฉิน [รถศึกอัจฉริยะ] ออกเดินทางไปยังเมืองหลางหยาต่อทันที
จากเทือกเขาเฉินซิงที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ ต้องใช้เวลาอย่างน้อยเจ็ดวันถึงจะเดินทางไปถึงเมืองหลางหยา
ซูเฉินว่างๆไม่มีอะไรทำ ระหว่างนี้เลยหยิบเรื่องการยกระดับสัตว์เลี้ยงวิญญาณขึ้นมาคิด
จนถึงขณะนี้ ในบรรดาสัตว์เลี้ยงวิญญาณหลายตัวของเขา หากไม่นับหมาป่ากลายพันธุ์ทั้งสาม ตัวที่มีเลเวลสูงสุดคือ ด้วงเขมือบทองคำและ [จอมเขมือบแห่งบรรพกาล ยุงวัชระ] ที่ได้ไปถึงเลเวล 8 ทั้งคู่แล้ว
ต่ำสุดคือเต่าทรราชปราณฟ้าและหงส์เพลิง ที่มีเลเวลเพียง 6 เท่านั้น
เลเวล 6 เอาจริงๆไม่ได้ต่ำต้อย ทว่าด้วยความแข็งแกร่งของซูเฉินที่ยังคงพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน คู่ต่อสู้นับวันยิ่งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เวลาต่อสู้ ทั้งสองตัวนี้ค่อนข้างรับศึกหนัก
หงส์เพลิงอาจดีกว่าหน่อย ถึงอย่างไรมันคือเผ่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังมีอำนาจกฏเกณฑ์แห่งไฟ มีกำลังรบเหนือระดับเดียวกัน มากพอที่จะจัดการกับผู้ฝึกตนเลเวล 7 ธรรมดาได้
แต่เต่าทรราชปราณฟ้าไม่ไหวแล้ว ตัวมันเป็นเพียงสัตว์ทะเล ที่ครอบครองพลังป้องกันแข็งแกร่งกว่าในเลเวลเดียวกันเท่านั้น หากไม่รีบยกระดับฝึกตนของมัน สุดท้ายก็จะกลายเป็นเหมือนหมาป่าทั้งสามตัว ที่เหลือแค่ชื่อแต่ไม่อาจใช้งานได้
ในถุงเก็บของของซูเฉินไม่มี [โพชั่นกายภาพเลเวล 7] หากต้องการ มีแต่ต้องซื้อจาก [ร้านค้าวันสิ้นโลก] เท่านั้น
คิดสักพัก ซูเฉินเปิด [ร้านค้าวันสิ้นโลก] เมื่อตรวจสอบแต้มพลังงานของ [โพชั่นกายภาพเลเวล 7] ก็พบว่าใช้ 2,000 แต้มในการแลกเปลี่ยน
ปัจจุบัน ซูเฉินมีแต้มพลังงานมากกว่า 10,000 แต้มแล้ว หากแลกเปลี่ยน [โพชั่นกายภาพเลเวล 7] สองขวดก็จะเหลือ 6,000 แต้ม ซึ่งเพียงพอที่จะรับประกันได้ว่าสามารถซื้อ [คุณสมบัติเลเวล 8 อย่างเต็มรูปแบบ] ได้
ซูเฉินไม่ลังเล แลกเปลี่ยน สองขวดนี้ทันที แล้วส่งเข้าไปใน [พื้นที่เลี้ยงสัตว์] ให้เต่าทรราชกับหงส์เพลิงดื่ม
หลังจากดื่ม [โพชั่นกายภาพเลเวล 7] แล้ว สัตว์เลี้ยงวิญญาณทั้งสองก็ได้รับการเลื่อนขั้นเป็น เลเวล 7 อย่างราบรื่น ท่าทีของทั้งสองดูตื่นเต้นมาก
“ขอบคุณเจ้านาย!”
หงส์เพลิงกล่าวสำนึกในบุญคุณของซูเฉินจากใจจริง
ในเวลานั้น ตอนซูเฉินให้คำมั่นกับมันว่าจะรับไว้เป็นสัตว์เลี้ยงวิญญาณ เขาสัญญาว่าจะช่วยมันเพิ่มระดับการฝึกตนในระยะเวลาอันสั้น
เดิมทีมันคิดว่าหากสามารถยกระดับฝึกตนได้ภายในหนึ่งปีก็ถือว่าดีมากแล้ว แต่คาดไม่ถึงเลยว่าใช้เวลาไม่ถึงเดือน ซูเฉินก็ทำได้สำเร็จ! ช่างน่าเหลือเชื่อนัก!
หลังจากเต่าทรราชปราณฟ้าและหงส์เพลิงยกระดับแล้ว เท่ากับว่าสัตว์เลี้ยงวิญญาณหลักๆที่ใช้ต่อสู้ของซูเฉิน ล้วนมีเลเวล 7 ขึ้นไปทั้งสิ้น นี่รวมไปถึงต้นหลิววัชระเช่นกัน
แต่หากเรียงตามประสิทธิภาพในการต่อสู้ ซูเฉินรู้สึกว่าด้วงเขมือบทองคำยังคงเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาคือต้นหลิววัชระ ถัดมาเป็นหงส์เพลิง อันดับสี่ [จอมเขมือบแห่งบรรพกาล ยุงวัชระ] ตัวสุดท้ายเต่าทรราชปราณฟ้า
แน่นอน นี่คือการจัดอันดับภายใต้สมมติฐานในกรณีที่เลเวลไม่เท่ากัน
หากเลเวลเท่ากัน ด้วงเขมือบทองคำกับต้นหลิววัชระจะอยู่ในระดับเดียวกัน และหงส์เพลิงด้อยกว่าเล็กน้อย ส่วนเต่าทรราชจะสามารถแซง [จอมเขมือบแห่งบรรพกาล ยุงวัชระ] ขึ้นมาได้
‘กำลังรบระดับนี้ ต่อให้เป็นผู้ฝึกตนเลเวล 9 ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้’ ซูเฉินคิดกับตัวเอง
สัตว์เลี้ยงวิญญาณทั้งสี่รวมกับต้นหลิววัชระ หากพวกมันโจมตีผู้ฝึกตนเลเวล 9 พร้อมกัน ย่อมสามารถสังหารอีกฝ่ายได้อย่างไม่ต้องสงสัย
แต่แน่นอน เงื่อนไขคือคู่ต่อสู้ต้องเป็นผู้ฝึกตนเลเวล 9 ธรรมดา
หากเป็นผู้แข็งแกร่งอย่างเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่ที่ครอบครองพลังพิเศษ ไม่มีทางเป็นไปได้
เรื่องนี้ซูเฉินมีประสบการณ์ด้วยตัวเองมาแล้ว ถ้าเขาไม่มีไพ่ในมือเยอะมากพอ เกรงว่าหากเป็นคนอื่น คงถูกเทพศักดิ์สิทธิ์สังหารไปแล้ว
ซูเฉินถึงขั้นจินตนาการว่า ต่อให้ด้วงเขมือบทองคำเลื่อนขั้นเป็นเลเวล 9 ก็คงไม่สามารถสังหารเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่ อย่างมากแค่เสมอกัน
10/10
Ep.600
ซูเฉินฉุกคิดขึ้นมาได้ทันที ว่าในเมื่อเทพศักดิ์สิทธิ์เป่ยยี่แข็งแกร่งถึงขขนาดนี้ ถ้างั้นเทพศักดิ์สิทธ์แห่งหนันหมาน ที่คอยคานอำนาจกับเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่ตลอดมา ก็น่าจะไม่ใช่ตัวตนธรรมดาถูกไหม?
คิดถึงเรื่องนี้ เขาก็รีบปิด [พื้นที่เลี้ยงสัตว์] แล้วหันมาคุยกับชาวราชวงศ์อสูรเลเวล 8 เอ่ยถามเสียงต่ำว่า “ระดับฝึกตนของเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมาน อยู่ขั้นไหน?”
เนื่องจากการเดินทางไปยังเมืองหลางหยาจำเป็นต้องได้รับการนำทางจากชาวราชวงศ์อสูร ดังนั้นซูเฉินจึงยังไม่ฆ่ามัน ให้ร่วมเดินทางมาด้วยกันตลอดหลายวัน
“ผู้อาวุโส เทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมานคือปรมาจารย์พลังจิตขั้น 9” ชาวราชวงศ์อสูรตอบตามความจริง
“ปรมาจารย์พลังจิตขั้น 9!” สีหน้าของซูเฉินดูตะลึงไปเล็กน้อย
เพราะในบรรดาสามอาชีพหลัก การโจมตีของปรมาจารย์พลังจิตนั้นแปลกประหลาดที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งปรมาจารย์พลังจิตที่เชี่ยวชาญวิชาลับ ยิ่งยากจะรับมือเข้าไปใหญ่
การเผชิญหน้ากันครั้งก่อนระหว่างซูเฉินกับเป่ยไห่จากเผ่าเทพ เป็นตัวอย่างที่ดี
แล้วอีกอย่าง เพราะการฝึกฝนของปรมาจารย์พลังจิตนั้นยากเย็นแสนเข็ญ ดังนั้นปรมาจารย์พลังจิตระดับยิ่งสูง ยิ่งมีน้อยมาก การที่สามารถก้าวไปถึงเลเวล 9 ได้ นอกจากเผ่าเทพแล้ว ซูเฉินไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย
หากเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมานได้เข้าสู่มิติท้ารบ และได้ปลุกพลังพิเศษขึ้นมา คงเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก ซูเฉินอดไม่ได้ที่จะตื่นตัว
เฉินเฟิงที่อยู่ข้างๆเขาได้ยินข้อมูลจากปากชาวราชวงศ์อสูร ก็เริ่มกังวลใจขึ้นมา
ถามหยั่งเชิงว่า “เฮียซู เฮียคงไม่คิดไปสู้กับเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมานหรอกนะใช่ไหม?”
เดิมที เขาคิดว่าการที่ตัวเองเข้าสู่ทวีปเผ่าราชวงศ์อสูร ก็ถือว่ากล้ามากพอแล้ว แต่หลังจากที่ได้พบกับซูเฉิน เขาถึงค่อยได้รู้ ว่าสิ่งที่เรียกว่าความกล้าจริงๆคืออะไร
ในสายตาของซูเฉิน ดูเหมือนจะไม่มีอะไรที่ทำให้เจ้าตัวรู้สึกหวาดกลัวได้เลย
ตราบใดที่เขาอยากจะทำ ก็ไม่มีใครสามารถหยุดได้
ในช่วงหลายวันมานี้ เฉินเฟิงใช้ชีวิตผ่านไปด้วยความกลัวในทุกๆวัน
และคราวนี้ เขาคิดว่าซูเฉินกำลังอยากจะไปสู้กับเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมาน
ซูเฉินยิ้ม “วางใจเถอะ ตอนนี้ฉันไม่มีเวลาไปยุ่งกับเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมานหรอก”
เพราะท้ายที่สุดแล้ว เทพศักดิ์สิทธิ์แห่งหนันหมานไม่ใช่ตัวตนธรรมดา เขาไม่จำเป็นต้องไปกวนประสาทมันตอนนี้
แล้วอีกอย่าง ซูเฉินอยากรีบกลับไปยังทวีปมนุษย์
ได้ยินคำนี้ เฉินเฟิงค่อยถอนหายใจโล่งอก
…
การเดินทางช่วงหลังยังคงราบรื่น แม้ระหว่างทางจะเจอชาวราชวงศ์อสูรไม่น้อย แต่เพื่อหลีกเลี่ยงแหวกหญ้าให้งูตื่น ซูเฉินจึงไม่ลงมือแม้แต่ครั้งเดียว
และเนื่องจากการเดินทางช่วงนี้ค่อนข้างสบาย ทุกคนจึงมารวมตัวกันเล่นเกมไพ่โต้วตี้จู่ เริ่มสนิทกันมากขึ้น
จนถึงวันที่เจ็ด ในที่สุดสัญญาณของเมืองหลางหยาก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอควบคุมส่วนกลาง
พบเมืองหลางหยาแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องคอยแอบซ่อนเผ่าราชวงศ์อสูรอีกต่อไป ซูเฉินเจอตัวไหน จะสังหารมันทันที
“เฮียซู เมืองหลางหยาดูไม่เล็กเลย ข้างในคงมียอดฝีมืออยู่ไม่น้อย แล้วแบบนี้พวกเราจะฆ่าสัตว์กลายพันธุ์เลเวล 8 ได้ยังไง?” เฉินเฟิงถาม
ด้วยกำลังรบของซูเฉิน การฆ่าสัตว์กลายพันธุ์เลเวล 8 ก็แค่ปอกกล้วยเข้าปาก เขาไม่ได้กังวลเรื่องนี้เลย
แต่สิ่งที่เขากังวลก็คือ หากดึงดูดความสนใจของอีกฝ่าย แล้วระหว่างนั้นมันเกิดกลัวขึ้นมาจนหลบหนีไป การล่าจะยุ่งยากกว่าเดิมมาก
ซูเฉินเคยคิดเรื่องนี้มานานแล้ว มีมาตรการตอบโต้เรียบร้อย เขากล่าวว่า “ถึงเมืองหลางหยาเมื่อไหร่ ฉันจะลอบเข้าไปคนเดียว”
ลอบเข้าไป?
เฉินเฟิงรู้สึกสับสนเล็กน้อย
เผ่าราชวงศ์อสูรนั้นแตกต่างจากมนุษย์ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องหน้าตา แค่ความสูงก็ต่างกันมาก
หากซูเฉินปรากฏตัวขึ้นในเมือง จะต้องถูกค้นพบอย่างไม่ต้องสงสัย แล้วแบบนี้เขาจะแอบเข้าไปในเมืองหลางหยาได้อย่างไร?
และแน่นอน ซูเฉินย่อมไม่โง่เดินโทงๆเข้าไปทางประตูเมือง เนื่องจากเขาสามารถเดินบนท้องฟ้าได้
แต่ยังไงก็ตาม เงื่อนไขคือต้องรู้ตำแหน่งที่แน่นอนของสัตว์กลายพันธุ์เลเวล 8 ซะก่อน
ซูเฉินสั่ง [รถศึกอัจฉริยะ] “เสี่ยวจือ ค้นหาตำแหน่งของสัตว์กลายพันธุ์เลเวล 8 ในเมืองหลางหยา”