141 - อักขระโบราณ
141 - อักขระโบราณ
ไม่นานหลังจากนั้นเย่ฟ่านก็ออกจากพื้นที่ต้องห้ามในที่สุด ตลอดการวิ่งครั้งนี้เขาไม่เคยหยุดพักเมื่อเหน็ดเหนื่อยเขาจะหยิบน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาดื่มเพื่อชดเชยพลังศักดิ์สิทธิ์ที่หายไป
เขากลัวว่าเขาจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงที่น่ากลัวจากการออกจากดินแดนรกร้างโบราณต้องห้ามตามที่เจียงฮั่นจงกล่าวไว้
เห็นได้ชัดว่าเขาระมัดระวังมากเกินไป เขาเป็นผู้ฝึกตนของอาณาจักรน้ำพุแห่งชีวิตและกินยาศักดิ์สิทธิ์บนยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ มันเป็นเรื่องยากที่ใครจะติดตามตัวเขาทัน
“ข้าสงสัยว่า หลิวอี้อี้ จางจื้อจุนและคนอื่นๆมีอาการอย่างไรบ้าง…….”
เย่ฟ่านรีบเข้าไปในส่วนลึกของภูเขาและทิ้งพื้นที่ต้องห้ามไว้เบื้องหลังอย่างรวดเร็ว เขารู้ว่าในวันต่อมาจะเกิดคลื่นแห่งความโกลาหล
ยอดฝีมือของตระกูลเจียง ตระกูลจี้และดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงล้วนถูกทำลายล้าง และเมื่อข่าวนี้แพร่ออกไปคงจะเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่อย่างแน่นอน
“ข้าสามารถซ่อนได้ชั่วคราวหลังจากผ่านไปหนึ่งปีหรือประมาณนั้น เมื่อทุกอย่างคลี่คลายลงค่าถึงจะสามารถปรากฏตัวได้อีกครั้ง”
เขาไม่ต้องการที่จะเสี่ยงและตัดสินใจที่จะสร้างถ้ำที่อาศัยอยู่ในดินแดนดึกดำบรรพ์นี้เพื่อซ่อนตัวและเพิ่มระดับการฝึกฝนให้สูงที่สุดเท่าที่จะส่งได้
………..
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วและในพริบตาหนึ่งเดือนก็ผ่านไปแล้ว เย่ฟ่านพยายามที่จะใช้หม้อขนาดใหญ่ระงับร่างกายของเขาเพื่อให้ได้มาซึ่งรากฐานเซียนตามที่เขียนไว้ในคัมภีร์เต๋า
อย่างไรก็ตามเขายังคงศึกษาตำราเล่มนั้นในส่วนที่เล็กเกินไป และเกือบจะฆ่าตัวตายระหว่างการปราบปราม
“มารดามันเถอะ ไอ้สาระเลวคนไหนเป็นคนเขียนตำราเล่มนี้!
เขาใช้เวลาทั้งเดือนดิ้นรนก่อนที่จะหลบหนีจากการปราบปรามและเก็บหม้อไว้ สีหน้าของเขาซีดเผือดอย่างมากในขณะที่เขารีบหยิบขวดหยกบริสุทธิ์ออกมาและเริ่มกลืนน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์เพื่อฟื้นฟู
เย่ฟ่านยังคงทดลองต่อไปเป็นเวลาสองเดือนก่อนที่จะหาทางได้ในที่สุด หม้อนั้นเรียบง่ายและไม่มีเครื่องตกแต่งแต่มีความเป็นธรรมชาติมากขึ้นสูงถึงห้าวาแล้ว
หลังจากนั้นเย่ฟ่านก็วางตัวเองลงในหม้อในขณะที่เขาทำการกดระดับบ่มเพาะของตัวเองให้อยู่ในอาณาจักรน้ำพุแห่งชีวิตต่อไป
เย่ฟ่านฝึกฝนศิลปะลึกลับที่บันทึกไว้ในคัมภีร์เต๋า มีอักขระโบราณเก้าตัวที่สลักอยู่ภายในหม้อน้ำ และเมื่อพวกมันถูกจัดเรียงอย่างสมบูรณ์ก็ทำให้มันมีพลังน่ากลัวสามารถเปลี่ยนแปลงสวรรค์ได้
“อักขระโบราณทั้งเก้านี้……”
ในขณะนี้ลำแสงดูเหมือนจะแวบเข้ามาในจิตใจของเย่ฟ่าน เขารู้สึกว่าอักขระโบราณทั้งเก้านี้มีความพิเศษอย่างยิ่ง มันเป็นความเปลี่ยนแปลงที่ไม่รู้จบซึ่งจะกลายเป็นรากฐานของเซียนในอนาคต
ตัวอักษรพวกนี้ปรากฏขึ้นในคัมภีร์เต๋า แต่ไม่มีการระบุความหมายที่แน่นอนและเขาไม่สามารถเข้าใจได้ตามธรรมชาติ
อย่างไรก็ตามมีบางประโยคที่กล่าวถึงวิชาโบราณบางชนิด อักขระโบราณทั้งเก้านี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เมื่อระดับบ่มเพาะของเย่ฟ่านสูงขึ้น กลิ่นอายที่มันแผ่ออกมาสามารถสร้างความกดดันให้แม้แต่ตัวเขาเอง
"ข้าเข้าใจแล้ว!"
เย่ฟ่านตื่นเต้นอย่างมาก ตัวอักขระโบราณทั้งเก้านี้ทำให้เขานึกถึงคัมภีร์โบราณที่เขาได้รับภายในโลงศพทองแดง
ตัวอักขระโบราณทั้งเก้านี้มีความคล้ายคลึงกันอย่างมากกับอักขระโบราณหลายร้อยตัวเหล่านั้น ดูเหมือนว่าพวกมันจะเป็นส่วนหนึ่งของตำราโบราณที่อยู่บนผนังโลงศพทองแดง!
“อักขระโบราณทั้งเก้านี้มีพลังมหาศาลเช่นนั้น หากข้าสามารถคัดลอกตำราโบราณที่อยู่บนโลงศพทองแดงออกมาทั้งหมดและฝังมันไว้ในหม้อของข้าได้ สุดท้ายมันอาจจะกลายเป็นอาวุธที่สามารถทำลายวิชานับหมื่นได้จริงๆ!”
ในเวลานี้อักขระโบราณทั้งเก้าตัวถูกจารึกไว้ภายในหม้อที่ยุ่งเหยิงและเต็มไปด้วยหมอก เวลาดูเหมือนจะหยุดลงเมื่อเสียงเพลงแห่งเต๋าก้องกังวานราวกับมีชีวิตนิรันดร์
ภายในหม้อน้ำมีอักขระโบราณเก้าตัวสลักอยู่บนผนังหม้อพร้อมกับเกิดแสงศักดิ์สิทธิ์สว่างวาบอยู่ตลอดเวลา
เย่ฟ่านรู้สึกราวกับว่าเขาได้กลับสู่ยุคของการเกิดของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด โลกมีรูปแบบที่แน่นอน หยินและหยางอยู่ร่วมกัน การรวมกันของปราณก่อกำเนิดสิ่งมีชีวิตทั้งหมด
สวรรค์และปฐพีเกิดความเปลี่ยนแปลง ชีวิตและความตาย รุ่งเรืองและสูญพันธ์ เกิดเป็นกงล้อแห่งวัฏจักรอย่างต่อเนื่อง นี่เป็นความหมายอันลึกซึ้งของเต๋าผู้ยิ่งใหญ่
ความรู้สึกแปลกประหลาดผุดขึ้นในหัวใจของเย่ฟ่าน การผสมผสานของอักขระโบราณทั้งเก้าตัวกับหม้อขนาดใหญ่ก็เหมือนกับการสร้างโลก
และในขณะนั้นหม้อก็กลายเป็นสิ่งที่ลึกซึ้งมากขึ้นและไม่อาจหยั่งรู้ได้ ประหนึ่งว่าเกิดจากความโกลาหลในปฐมกาลเรียบง่าย ไร้เครื่องตกแต่งทว่ากลับสง่างาม..
แม้ว่าเย่ฟ่านจะอยู่ภายในหม้อแต่ก็รู้สึกราวกับว่าเขาได้มาถึงสุดปลายโลก เขายืนอยู่ที่จุดเริ่มต้นของการไหลของเวลาทุกสิ่งที่อยู่ด้านหน้ารั้วแล้วแต่รกร้างว่างเปล่า
ตามวิชาโบราณที่ถูกบันทึกไว้ในคัมภีร์เต๋า การใช้สิ่งประดิษฐ์เพื่อปราบปรามร่างกายเพื่อให้สามารถบรรลุความเป็นอมตะ เย่ฟ่านได้ทำก้าวแรกเสร็จแล้วและพร้อมที่จะใช้ยาศักดิ์สิทธิ์เพื่อเพิ่มการบ่มเพาะของเขา
ภายในหม้อเต็มไปด้วยรัศมีอันล้ำลึกที่เป็นหมอก และกลายเป็นโรคโดดเดี่ยวที่ถูกแยกออกจากโลกด้านนอก
เย่ฟ่านเปิดกล่องหยกออกมาในขณะที่แสงแวววาวส่องประกายจากผลไม้สีทอง กลิ่นหอมที่หนาแน่นได้จู่โจมประสาทสัมผัสในทันที
ในเวลานี้เขาได้ทำขั้นแรกของรากฐานสู่ความเป็นอมตะสำเร็จแล้ว และเย่ฟ่านก็ไม่ลังเลอีกต่อไปในขณะที่เขาวางผลไม้สีทองเข้าไปในปากของเขาโดยตรง
จากนั้นเย่ฟ่านเริ่มหมุนเวียนศิลปะลึกลับที่บันทึกไว้ในคัมภีร์เต๋าเพื่อย่อยยาศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับส่งพลังของมันลงไปทุกส่วนในร่างกายของตัวเอง
เย่ฟ่านใช้สิ่งประดิษฐ์ของเขาเพื่อระงับการบ่มเพาะไม่ให้ทะลวงเข้าสู่อาณาจักรสะพานวิญญาณเพราะต้องการทำให้รากฐานของเขาแข็งแกร่งที่สุดเท่าที่จะทำได้
หลังจากย่อยยาศักดิ์สิทธิ์ มันหล่อเลี้ยงร่างกายของเขาแต่ไม่ได้ทำให้เขากลายเป็นทารกอีกต่อไป พลังสีทองอันเป็นเอกลักษณ์ยังคงชำระร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เนื้อ อวัยวะและกระดูกแข็งแกร่งอย่างคาดไม่ถึง
ถึงกระนั้นแม้ว่าเย่ฟ่านกำลังหมุนเวียนศิลปะลึกลับที่บันทึกไว้ในคัมภีร์เต๋า เขาก็ตกใจที่พบว่าพลังสีทองไม่สามารถไหลลงสู่ทะเลแห่งความทุกข์ของเขาได้
"เกิดอะไรขึ้น?"
เย่ฟ่านรู้สึกงงงวยเมื่อเขาไม่สามารถนำทางพลังสีทองได้ เขาไม่สามารถใช้มันเพื่อสร้างทะเลแห่งความทุกข์ของเขาและไม่มีทางที่จะปรับปรุงการฝึกฝนของเขาให้ดีขึ้น
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆพลังชนิดนี้ไหลออกมาอย่างช้าๆ ทำความสะอาดทุกตารางนิ้วของเนื้อหนังและหล่อเลี้ยงร่างกายของเขา ทำให้ร่างกายของเขาดีขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยที่ระดับการฝึกฝนไม่เปลี่ยนแปลง
“ทำไมมันไม่ไหลลงทะเลแห่งความทุกข์……..” เย่ฟ่านงุนงงอย่างมาก
ทันใดนั้นพลังสีทองอันเป็นเอกลักษณ์เริ่มไหลไปที่กึ่งกลางคิ้วของเขาจากนั้นแสงสว่างมากมายก็ถูกดูดเข้ามาตรงจุดนั้นพร้อมกับก่อตัวเป็นแม่น้ำสีทอง
“นี่คือ……”
ในชั่วพริบตานี้เย่ฟ่านสามารถสัมผัสได้ว่าความรู้สึกทางจิตวิญญาณของเขาดีขึ้นอย่างมาก และประสาทสัมผัสทั้งห้าของเขาก็เฉียบแหลมมากขึ้นด้วย โลกภายในหม้อดูเหมือนจะสดใสขึ้นจริงๆ
ในที่สุดพลังสีทองส่วนใหญ่ก็เกาะตัวอยู่ระหว่างคิ้วของเขา ก่อตัวเป็นทะเลสาบสีทองอันกว้างใหญ่ พลังเพียงส่วนเล็กๆที่ไหลเข้าสู่ร่างกายของเขาไม่ได้ทำให้พลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาเปลี่ยนแปลงแต่ประสาทสัมผัสของเขากลับดีขึ้นมาก
“ข้าเข้าใจแล้ว ตำนานเป็นความจริง!” ดูเหมือนว่าเย่ฟ่านจะคิดอะไรบางอย่างในขณะที่เขาพูดพึมพำ
“ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งเก้าแห่งในดินแดนรกร้างโบราณต้องห้ามมียาศักดิ์สิทธิ์เก้าชนิดซึ่งมีผลต่างกันโดยสิ้นเชิง”
เป็นเรื่องง่ายที่จะสังเกตเห็นว่าพลังลึกลับภายในผลไม้สีทองไม่ได้เข้าสู่ทะเลแห่งความทุกข์แห่งน้ำพุแห่งชีวิต แต่ยังคงหล่อเลี้ยงความรู้สึกศักดิ์สิทธิ์ของเขาทำให้มันแข็งแกร่งขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เมื่อสามปีที่แล้ว เย่ฟ่านเคยได้รับแจ้งมาก่อนว่าร่างกายศักดิ์สิทธิ์ในสมัยโบราณไม่สามารถฝึกฝนการบ่มเพาะได้
อย่างไรก็ตามในปีต่อๆมาเขาได้พัฒนาขึ้นในอัตราที่น่าประหลาดใจไม่ได้ด้อยไปกว่าต้นกล้าเซียนใดๆเลย
เขาเคยสงสัยมาตลอดว่ามันเป็นพลังภายในผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่เขาบริโภคเข้าไปซึ่งไหลลงสู่ทะเลแห่งความทุกข์ของเขา ทำให้เขาสามารถทำลายคำสาปได้
“อาจเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผลไม้ศักดิ์สิทธิ์เมื่อสามปีที่แล้วมีคุณสมบัติที่ช่วยในการสร้างทะเลแห่งความทุกข์ ในขณะที่ยาศักดิ์สิทธิ์ในปัจจุบันสามารถหล่อเลี้ยงความรู้สึกศักดิ์สิทธิ์ได้”
มีข่าวลือว่าผลศักดิ์สิทธิ์ที่แตกต่างกันเก้าผลมีผลที่แตกต่างกันเก้าประการ ความคล้ายคลึงกันเพียงอย่างเดียวคือพวกมันสามารถฟื้นคืนชีวิตให้กับคนตายได้พร้อมกับปรับแต่งร่างกายจนถึงกระดูก
“ยาศักดิ์สิทธิ์ประเภทแรกอนุญาตให้ข้าก้าวไปสู่เส้นทางแห่งการฝึกฝนได้สำเร็จ มันช่วยเปลี่ยนร่างกายที่เป็นศพบรรพกาลของข้าให้สามารถสร้างทะเลแห่งความทุกข์ได้
ยาศักดิ์สิทธิ์ประเภทที่สองเสริมความแข็งแกร่งให้กับความรู้สึกศักดิ์สิทธิ์ของข้า โอกาสประเภทใดที่มันจะมอบให้ข้า?”