ตอนที่แล้วตระกูลเทียน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปสดับดารา

เฮเมร่า


เทียนเฉินถึงกับคิ้วกระตุกเมื่อได้ฟังที่เด็กน้อยของเขาพูด ก่อนจะกระแอมออกมาเบาๆ

“แค่กๆ ถ้าลูกอยากไปพ่อก็ไม่ว่า ระวังตัวด้วยล่ะ” เทียนเฉินยิ้มอย่างอ่อนโยนให้ลูกสาวของเขา

“เย้! หนูรักพ่อที่สุดเลย!”

‘ยังไงลูกก็ไม่มีทางได้เจอกับมันหรอก เพราะเจ้าเด็กนั่นไม่มีทางหนีรอดจากจอมพลเจี้ยนไปได้อยู่แล้ว!’ เทียนเฉินแสยะยิ้มในใจขณะลูบหัวบุตรสาวของตนอย่างเอ็นดู

.

.

.

เมืองลอยฟ้าอวาลอน

“หาววว...อื๋อ...” ราฟที่กำลังเดินเคียงข้างหลินอิงอิงหาวออกมา ก่อนที่หนังตาขวาของเขาจะกระตุกจนทำให้ชายหนุ่มเลิกคิ้วออกมา

“ทำไมรู้สึกเหมือนว่าจะมีเรื่องวุ่นวายเข้ามาอีกวะ?” ราฟบ่นพึมพำคนเดียวขณะเดินกางร่มก้นแดดที่เตรียมมาให้หลินอิงอิงที่ในตอนนี้กำลังเดินตัวปลิวอย่างสบายใจ

หลังจากที่ทั้งคู่เทเลพอร์ตมาถึงเมืองอวาลอน ที่เป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนเกาะลอยฟ้าซึ่งเกิดจากพลังของเทพปกรณัมแห่งท้องนภาเมื่อหลายหมื่นปีก่อนสร้างไว้ ในตอนนี้มันเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยผู้คนที่ใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุขโดยมีตัวแทนที่ได้รับความไว้วางใจจากสมาคมผู้พิทักษ์และได้รับการยอมรับจากประชาชนเมืองอวาลอนเป็นผู้ดูแล

ผู้คนที่นี่ส่วนใหญ่เป็นผู้ใช้พลังที่ต้องการหารายได้จากการล่าสัตว์อสูรซึ่งเป็นสายพันธ์อสูรธาตุความมืดที่มีราคาในท้องตลาดที่สูงเป็นอันดับต้นๆ ทำให้ผู้ใช้พลังที่ต้องการแสวงโชคจากที่นี่ต้องมีระดับพลังที่ระดับ S เป็นอย่างน้อย

และในช่วงเวลาที่ผู้คนในอวาลอนแห่งนี้กำลังใช้ชีวิตกันตามปกตินั้น อยู่ๆก็มีข่าวลือว่ามีคนค้นพบดันเจี้ยนลับแห่งใหม่ที่ตั้งอยู่ใจกลางป่าทมิฬ ที่ซึ่งทุกอย่างภายในนั้นมีสีดำทั้งหมดอันเป็นผลมาจากซากซพของหนึ่งในเทพปกรณัมที่เสียชีวิตจากจากสงครามเมื่อครั้งอดีตกาล และได้ร่วงหล่นลงมาที่ป่าของเมืองอวาลอน ก่อนที่ร่างนั้นจะสลายไปกลายเป็นไอแห่งความมืดที่เกิดจากความโกรธแค้นในตัวของเทพอสูรโบราณที่สังหารตน

ต่อมาไอความมืดนั้นก็ได้กลืนกินและหลอมรวมเข้ากับป่าอวาลอนจนกลายเป็นป่าที่มีแต่ความมืดและได้เปลี่ยนสรรพชีวิตภายในนั้นให้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ธาตุมืดที่แสนจะทรงพลัง จนทำให้ป่าแห่งนี้ได้รับการขนานนามใหม่ว่า ‘ป่าทมิฬ’

ในตอนแรกที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ก็ได้มีชาวเมืองบาดเจ็บล้มตายกันเป็นจำนวนมาก จนกระทั่งมีผู้พิทักษ์ระดับ SSS ธาตุแสงที่เป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งที่สุดในยุคนั้นเข้ามาใช้พลังแห่งแสงที่เป็นขั้วตรงข้ามของธาตุความมืดสร้างเขตแดนให้เมืองอวาลอนเพื่อไม่ให้ความมืดจากป่าทมิฬขยายตัวเข้ามาในเมืองได้อีกจนเวลาได้ล่วงเลยมาถึงปัจจุบัน

และผู้พิทักษ์ที่ได้ปกป้องเมืองอวาลอนแห่งนี้ในครั้งนั้นมีชื่อเรียกที่เป็นที่กล่าวขานมาจนถึงตอนนี้ว่า เทวีสุริยา...พัคยุนอา!

เธอคือสตรีผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลก และเป็นผู้สืบเชื้อสายของเทพปกรณัมแห่งแสงที่เป็นหนึ่งในเทพปกรณัมที่สละชีวิตของตนเพื่อจัดการกับเทพอสูรโบราณ!

และในเวลาต่อมาหญิงสาวผู้นี้ก็ได้กลายมาเป็นจักรพรรดินีคนแรกแห่งเผ่าเทวะ!

“หูววว บรรพบุรุษของเจ้าแทยังนี่สุดยอดไปเลยแฮะ มีฉายาเท่ๆอย่างเทวีสุริยาด้วย สงสัยเราต้องหาฉายาเท่ๆมาใช้มั่งแล้ว เอาเป็น...เทพราฟซ่า007 ละกัน รึจะใช้ราฟน้อยผู้น่ารักและบริสุทธิ์ดี เอิ๊กๆ” ราฟที่ใช้มือข้างที่ไม่ได้ถือร่มให้หลินอิงอิงอ่านโบชัวร์ของเมืองที่มีคนแจกมาให้พร้อบกับคิดออกมานอกใจเสียงดัง

“ฉายาบ้าอะไรของนายน่ะ เลิกคิดเรื่องนั้นเลย เพราะฉายาจะได้มาจากการกระทำของนายที่ผู้คนมอบให้นายตามตัวตนที่พวกเขาเห็นเท่านั้น อย่างนายน่ะไม่ได้เป็นเทพซ่าบ้าบอ หรือราฟน้อยอะไรนั่นหรอก คนกวนประสาทอย่างนายเป็นได้แค่เทพจอมกะล่อนเท่านั้นแหละ” หลินอิงอิงพูดขัดฝันหวานของชายหนุ่มอย่างเหนื่อยใจ เด็กนี่จะคิดชื่อดีๆเหมือนคนอื่นเขาไม่เป็นรึไงนะ

ความจริงแล้วผู้ใช้พลังหรือผู้พิทักษ์จะตั้งฉายาด้วยตัวเองก็ได้ แต่มีหรือที่เธอจะยอมให้คนเพี้ยนอย่างเด็กนี่ตั้งชื่อเอง หญิงสาวผมชมพูเลยพูดกันไว้ก่อนเพื่อความสบายใจของเธอและน้องสาวทั้งสองอย่างซายะและเรเชล

“ชิชะ หมดสนุกเลย” ราฟเดาะลิ้นเซ็งๆ ก่อนจะเลิกคิ้วแล้วเพ่งตามองไปด้านหน้า

ห่างออกไปหลายกิโลเมตรปรากฏกลุ่มชายหญิงนับร้อยกำลังจัดทัพอย่างเป็นระเบียบ พร้อมกับพูดคุยกันอย่างออกรส

พวกเขาทั้งหมดสวมเสื้อคลุมสีขาวที่ปักลวดลายดวงดาวสีทองไว้ตรงหน้าอกและมีตัวอักษรสีเดียวกันด้านล่างว่า ‘แสงดารา’

“ดูเหมือนว่าเราใกล้ถึงแล้วนะครับ เห้อ การเดทแบบลับๆของเราสองคนคงจะต้องพักไว้ชั่วครามสินะ เซ็งอ่ะ” ราฟมุ่ยปาก

“เอ๋ ฉันยังไม่เห็นใครเลยนะ อีกตั้งหลายกิโลกว่าจะถึงทางเข้าป่าทมิฬนะ?” หลินอิงอิงขมวดคิ้วถามชายหนุ่มอย่างสงสัย

ราฟที่ได้ยินก็เงียบไปสักพักก็ยิ้มออกมาแล้วกล่าวว่า

“ถึงผมจะอยากเดินเล่นกับครูสองคนต่อไปแต่ก็คงไม่ได้แล้วล่ะครับ เพราะนี่ก็ใกล้ถึงเวลานัดแล้วด้วย แถมเมืองนี้ก็ห้ามเทเลพอร์ตถ้าไม่จำเป็นเว้นแต่จะมีอันตรายถึงชีวิตอีก ถึงจะไม่อยากทำเท่าไหร่แต่ก็นะ...”

“นายจะทำอะไ...กรี๊ดดด”

ราฟอุ้มตัวของครูสาวขึ้นมาในท่าเจ้าหญิงแล้ววิ่งไปด้วยความเร็วที่เขาตั้งใจลดให้เหลือแค่ความเร็วเสียง

เอี๊ยดดด

เมื่อมาถึงหน้าทางเข้าป่าทมิฬที่มีผู้คนจากกิลด์แสงดาราคอยพวกเขาสองคนอยู่ ราฟก็เบรกเท้าจนฝุ่นควันคลุ้งไปทั่วจนสมาชิกกิลด์แสงดาราพากันร้องโวยวายออกมา

“ใครมันกล้ามาซ่าแถวนี้วะ?”

“แม่ง อยากไฝว้กับตูเรอะ?”

“ถ้าออกมาแม่จะตบให้คว่ำเลยคอยดู”

“หะ โหดกันจังเลย ขอโต้ดค้าบบบ พอดีรีบไปหน่อย แหะๆ” ราฟวางหลินอิงอิงลงพร้อมกับเกาหัวยิ้มแห้งๆให้พวกเขา

“อิงอิง!?” หญิงสาวผมดำแสนสวยคนหนึ่งพูดขึ้น ก่อนจะเดินมาหาหลินอิงอิงที่กำลังเวียนหัวอยู่

“แฮ่กๆ ไม่เป็นไรค่ะพี่เฮเมร่า เดี๋ยวหนูขอไปอัดเจ้าเด็กนี่ก่อนนะคะ”

พลั่ก

“โอ๊ยยย” ราฟร้องออกมายิ้มๆกับท่าทางที่น่ารักของหญิงสาว

“คราวหน้าถ้าทำแบบนี้อีกนายตายแน่!” หญิงสาวมองค้อนคาดโทษ

“ค้าบบบ ผมนึกว่าครูที่มีพลังสายฟ้าจะทนกับความเร็วนี้ได้นี่นา” ราฟยิ้มแห้ง ขณะที่ในใจมีความสุขสุดๆเพราะได้แกล้งครูสาว

“มีพลังสายฟ้าก็ไม่ได้หมายความว่าจะเร็วเหมือนสายฟ้านี่ ฉันแค่ควบคุมสายฟ้าได้เฉยๆนะ ฮึ!” หลินอิงอิงหันหน้าหนี ก่อนจะหน้าขึ้นสีเพราะเห็นรอยยิ้มของหญิงสาวผมดำรวมถึงสายตาของสมาชิกคนอื่นๆในกิลด์

“คะ คือ มันไม่ใช่แบบนั้นนะ”

“จ้าๆ เข้าใจๆ คนที่คบกันใหม่ๆก็แบบนี้ล่ะ ที่ไม่ค่อยติดต่อพี่มาบ้างเลยเพราะเขาคนนี้ใช่มั้ย แหม กินเด็กเลยเหรอเรา ร้ายกาจ” เฮเมร่าเอ่ยปากแซวยิ้มๆ

“พี่คะ!” หลินอิงอิงโวยวายออกมาพร้อมกับหน้าที่แดงก่ำ

“คิกๆ สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเฮเมร่า เป็นหัวหน้ากิลด์แสงดารา” หญิงสาวผมดำหันมายิ้มให้ราฟก่อนจะยื่นมือออกมาทักทาย

“!?” ราฟเลิกคิ้ว ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างแล้วยื่นมือไปจับมือเรียวบางของหญิงสาว

“สวัสดีครับ ผมราฟ เป็นแฟ...เอ๊ย เป็นผู้ติดตามของครูหลินน่ะครับ” ราฟตอบยิ้มๆ ขณะแอบปาดเหงื่อเมื่อเห็นสายตาพิฆาตของหลินอิงอิงที่มองเขา

“เห น่าสนใจดีนะเธอเนี่ย” คราวนี้เฮเมร่าเป็นฝ่ายที่เลิกคิ้ว เพราะเธอพึ่งเคยเจอคนที่รู้ว่าเธอเป็นหัวหน้ากิลด์อันดับหนึ่งของแดนมนุษย์และยังเป็นหนึ่งในผู้ใช้พลังที่แข็งแกร่งระดับ SSS แล้วยังยิ้มอย่างไม่กังวลได้

‘แถมเรายังสัมผัสถึงตัวตนของเขาไม่ได้อีก ชายคนนี้...อันตราย!’ เฮเมร่าวิเคราะห์ราฟในใจก่อนจะบอกเขายิ้มๆว่า

“เธอคงจะสงสัยสินะว่าทำไมฉันที่เป็นถึงหัวหน้ากิลด์ถึงมาที่นี่แทนที่จะส่งแค่ผู้บริหารมาน่ะ”

“เอ่อ ก็ไม่นะครับ” ราฟเอียงหัวตอบตามตรง เพราะที่เขามาก็เพราะอยากมาเที่ยวกับครูสาวของเขาเท่านั้นเอง เรื่องอื่นถือเป็นของแถม

“...” เมื่อเฮเมร่าได้ฟังคำตอบของชายหนุ่มเธอก็ถึงกับคิ้วกระตุกพร้อมกับคิดในใจว่าเด็กคนนี้กำลังกวนเธออยู่

แต่เมื่อเธอหันไปเห็นหลินอิงอิงที่เอามือกุมหัวพลางถอนหายใจก็พอจะเข้าใจได้ว่านี่คงจะเป็นนิสัยส่วนตัวของเขา

‘ถ้าดูจากความอันตรายที่สัญชาตญานของเราสัมผัสได้ ก็คงเป็นเรื่องปกติล่ะนะที่เขาจะไม่สนใจอะไรนอกจากสิ่งที่ตัวเองสนใจจริงๆ...’ เฮเมร่ามองราฟนิ่งๆครู่หนึ่งก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา

‘อย่างนี้ค่อยคาดหวังให้ช่วยพวกเราในการสำรวจดันเจี้ยนที่มีร่องรอยของเทพปรณัมแห่งนี้ได้หน่อย’

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด