เสี่ยวหรงและอวิ๋นเอ๋อร์
หญิงสาวพูดพลางชี้นิ้วไปยังซุนหรงที่นั่งข้างๆราฟโดยไม่ได้มองเจ้าตัวเช่นเคย ซึ่งทางด้านซุนหรงก็ยินดีอย่างยิ่งที่มันเป็นแบบนี้ นั่นเพราะจิตสังหารของตัวตนอย่างจักรพรรดิโลหิตอายุหลายพันปีที่มีความรุนแรงมากกว่าเทียนเฉินที่มีอายุไม่ถึงร้อยปีหลายเท่า
การที่ได้รู้ว่าราฟมีความสัมพันธ์ที่ดูเหมือนจะไปทางคนรักของราฟกับเธอทำให้ตัวซุนหรงนับถือราฟยิ่งกว่าเดิม
ใครจะคิดล่ะว่าข่าวลือจากแดนมารที่เขาได้ยินว่าจักรพรรดิโลหิตมีคนรักแล้วจะเป็นความจริง แถมคนๆนั้นยังเป็นราฟอีก
“ผมอยากให้ลิลิธช่วยบอกเขาหน่อยนะครับ ว่าผู้หญิงที่ลิลิธปลอมตัวมาตอนที่เราเจอกันครั้งแรกตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง” ราฟพูดด้วยรอยยิ้มบางๆราวกับสายลมที่เย็นสบายชนิดที่ถ้าหลินอิงอิงมาเห็นรอยยิ้มแบบนี้ของเขาต้องร้องตะโกนเสียงดังว่า
‘นี่คุณป็นใคร เอาเจ้าบ้าที่ชอบกวนประสาทคนอื่นไปซ่อนไว้ที่ไหน!?’
“อ้อ เจ้าคงจะเป็นคนรักที่เด็กคนนั้นเพ้อก่อนตายสินะ” คราวนี้ลิลิธไม่ได้เมินซุนหรงอีกต่อไป เธอหันมาถามเขาก่อนจะถอนหายใจออกมา แล้วชี้นิ้วไปที่หน้าผากของซุนหรง จากนั้นความทรงจำส่วนหนึ่งเมื่อ 20 ปีก่อนก็ถ่ายทอดเข้ามาในหัวของชายหนุ่มสวมแว่น
ภาพที่เขาเห็นเป็นภาพจากมุมมองของลิลิธที่กำลังมองหญิงสาวสวมแว่นคนหนึ่งที่ร่างเต็มไปด้วยเลือดของศัตรูและของเธอในห้องโถงของตำหนักที่เขาเดาว่าคงเป็นตำหนักเทพโลหิต
เธอกำลังจะตาย...
‘คุณลิลิธคะ ขอโทษที่ฉันไม่ได้ทำตามสัญญาว่าจะยกวิญญาณให้นะคะ ดูเหมือนว่าฉันจะฝืนตัวเองมากเกินไปจนแม้แต่วิญญาณก็แตกสลายไปด้วย’ หญิงสาวพูดเสียงอ่อนแรง
‘ช่างมันเถอะ ถึงยังไงข้าก็มีผู้ติดตามเพียงพอแล้ว’ เสียงของลิลิธดังขึ้น
‘คิกๆ คุณนี่เป็นมารที่อ่อนโยนจังเลยนะคะ ทั้งที่จะห้ามไม่ให้ฉันใช้พลังเกินตัวก็ได้แท้ๆ แต่กลับยอมให้ฉันแก้แค้นพวกมันจนสำเร็จได้’ หญิงสาวหัวเราะเบาๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
‘อึก พ่อคะ แม่คะ ทุกคน...หนูกำลังจะไปหาแล้วนะ...เสี่ยวหรง ฉันขอโทษนะที่ไม่ได้บอกลานายและไม่ได้อยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า...ฮึก ฉันรักนายน...’ ไม่ทันที่หญิงสาวจะได้พูดจบ ร่างของเธอก็สลายไปพร้อมกับวิญญาณที่แตกสลาย
“...” ซุนหรงที่รับรู้เรื่องราวของแฟนสาวของเขาไม่ได้พูดอะไร แต่น้ำตาของเขากลับไหลออกมาไม่ขาดสาย
“อวิ๋นเอ๋อร์”
ในตอนแรกเขาคิดว่าเธอคงกลายเป็นมารรับใช้มารระดับสูงที่มอบพลังให้เธอแก้แค้นคนในตระกูลเทียน เขาจึงออกตามหาเธอมาตลอด 20 ปี แต่ตอนนี้กลับต้องมารู้ว่าหญิงสาวตายแล้วเสียอย่างนั้น
“ขะ ขอบคุณนะครับท่านจักรพรรดิโลหิต แล้วก็ขอบคุณคุณราฟมากๆเลยนะครับที่ช่วยติดต่อให้ผมได้รู้ความจริง...” ซุนหรงเอ่ยเสียงสั่นเครือ ชายหนุ่มกัดปากของตัวเองไว้ไม่ให้สะอื้นออกมา ตัวของเขาสั่นเทาอย่างหนัก ก่อนที่ดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาจะฉายแววเด็ดเดี่ยว จากนั้นชายหนุ่มก็สะบัดมือขวาเรียกมีดสั้นออกมาแล้วกุมมันแทงเข้าที่หัวใจของตนทันที!
“!?” ราฟที่เห็นแบบนั้นก็ใช้ความเร็วของตนคว้ามีดออกจากมือของซุนหรงแล้วพูดออกมาด้วยใบหน้าที่ไม่พอใจว่า
“ผมไม่ได้จะห้ามการตัดสินใจของพี่แว่นหรอกนะครับ แต่ผมอยากให้ลองคิดตามดูก่อนว่าถ้าพี่ตายไปแล้ว ความรักที่มีให้เค้าตลอดหลายสิบปีก็จะหายไปด้วย เพราะไม่มีอะไรรับประกันว่าถ้าตายไปแล้วพวกพี่จะได้เจอกัน แล้วทีนี้พวกพี่ก็จะแยกจากกันตลอดกาล สู้ใช้ชีวิตต่อไปเพื่อให้เค้ามีชีวิตอยู่ในใจของพี่ต่อไปไม่ดีกว่าเหรอครับ แต่ถ้าพี่อยากปลดปล่อยตัวเองจากความเจ็บปวดจริงๆก็ลุยเลยครับ จะอยู่หรือตายพี่เลือกเอาแล้วกันนะครับ ผมเชื่อว่าคนที่ฉลาดขนาดเป็นกุนซือให้ตระกูลหลักอันดับหนึ่งได้หลายสิบปีอย่างพี่ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองแน่ๆครับ” ราฟพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“...” ซุนหรงที่ได้ยินแบบนั้นก็หลับตาลงครู่หนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองราฟแล้วเอ่ยว่า
“ขอบคุณที่เตือนสติผมนะครับ ผมจะไปมอบตัวกับสมาคมเรื่องที่เป็นคนจัดการเรื่องสกปรกให้กับตระกูลเทียนมาตลอด 20 ปีแล้วใช้ชีวิตที่เหลือชดใช้ความผิดในคุก”
“จะเอาอย่างนั้นเหรอครับ”
“ครับ เพราะถึงยังไงเรื่องที่ผมทำมันก็เห็นแก่ตัวเกินจะให้อภัยที่ทำทุกอย่างเพื่อตัวเองโดยไม่สนใจความเจ็บปวดของผู้คนที่ถูกตระกูลเทียนทำร้าย อย่างน้อยการทำแบบนี้ก็คงช่วยไถ่ความผิดที่ผมทำได้บ้างซักนิดก็ยังดี” ซุนหรงยิ้มอย่างเหนื่อยอ่อน เขาดูแก่ขึ้นหลายสิบปีเมื่อรู้ว่าคนรักของเขาไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว
“ถ้าอย่างนั้นผมขอไปมอบตัวกับสมาคมก่อนนะครับ จะว่าไปก็อยากเห็นสภาพของตาแก่เฉินที่ถูกจับอยู่เหมือนกัน” เมื่อพูดจบ ชายสวมแว่นก็หัวเราะออกมาเบาๆ เพราะหลังจากที่เขาปล่อยข้อมูลการทำธุรกรรมและอาชญากรรมที่ตระกูลเทียนทำไปทั้งหมดเท่าที่เขารวบรวมมาได้ลงไปในโซเชียลทุกช่องทางโดยเฉพาะช่องสื่อสารหลักของสมาคม ก็ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นข่าวใหญ่ที่ทำให้ผู้คนในแดนมนุษย์ต่างพาก่นด่าผู้คนในตระกูลนี้เสียยกใหญ่ พร้อมกับสรรเสริญคนที่จัดการเหล่าผู้นำตระกูลเทียนที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน เพราะบรรดาตระกูลหลักต่างพากันกลัวว่าถ้าหากมีตระกูลใดตระกูลหนึ่งก่อสงครามขึ้นกับตระกูลเทียนจนต่างฝ่ายสูญเสียกำลังพลไปแล้วจะมีคนจากตระกูลอื่นเข้ามาหาผลประโยชน์
ส่วนสาเหตุที่สมาคมผู้พิทักษ์ไม่เป็นฝ่ายลงมือจัดการกับตระกูลเทียนก็เป็นเพราะตระกูลเทียนให้การสนับสนุนด้านงบประมาณในการจัดการกับอสูรต่างมิติเป็นจำนวนมากทำให้ทางสมาคมไม่สามารถใช้กำลังจัดการกับตระกูลเทียนโดยตรงได้ ทำได้แค่เพียงหาหลักฐานมาเอาผิด แต่หายังไงก็ไม่เจอเพราะถูกซุนหรงจัดการปกปิดข้อมูลไว้ ทำให้ตระกูลเทียนยังคงอยู่ในจุดสูงสุดของตระกูลหลักทั้งสิบได้ จนกระทั่งราฟเขามาทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไป
“ผมขอตัวนะครับ ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง” ซุนหรงพูดจบก็ใช้แหวนเทเลพอร์ตเคลื่อนย้ายร่างตนไปที่สมาคมผู้พิทักษ์สาขาเมืองไอรีน
ราฟมองจุดที่ซุนหรงหายไปจากนั้นก็ถอนหายใจออกมาอย่างเห็นใจ