เลเฟียร่าและเซรีน่า
ในขณะเดียวกันนั้นเอง
โถงหลักตระกูลเทียน
ภายในห้องโถงแห่งนี้ปรากฏร่างหลายสิบชีวิตกำลังจ้องมองตรงไปที่หญิงสาวใบหน้างดงามผมสีเทาคนหนึ่งที่กำลังนั่งคุกเข่าพร้อมกับถูกสวมใส่กุญแจมือทั้งสองไว้ สายตาของเธอจ้องมองไปยังร่างที่นั่งอยู่บนบัลลังก์สีทองสลักรูปมังกรแบบจีนที่กำลังมองเธอด้วยใบหน้าเย็นชา
“คุณเทียนเฉิน คุณจับฉันมาทำไม!? ฉันจำไม่ได้เลยว่าเคยไปสร้างปัญหาให้กับตระกูลเทียน” หญิงสาวถามด้วยความโกรธระคนสงสัย ก่อนหน้านั้นเธอกำลังอ่านข่าวน้องชายงี่เง่าของเธอที่สามารถชนะการแข่งขันเอาชีวิตรอดด้วยความรู้สึกประหลาดใจในห้องพักของเธออยู่ดีๆ แต่อยู่ๆเธอก็ถูกชายแปลกหน้าโผล่ขึ้นมาแตะตัวของเธอ จากนั้นเธอก็พบว่าเธอได้มาอยู่ที่นี่ก่อนจะถูกจับใส่กุญแจมือสะกดพลังโดยที่เธอยังไม่ทันได้สู้กลับ
‘แต่ถึงเราจะสู้กลับไปก็คงแพ้อยู่ดี เพราะจากที่เราสัมผัสพลังได้ คนที่อยู่ในห้องนี้มีพลังขั้นต่ำก็ระดับ S ไปแล้ว’ หญิงสาวคิดด้วยความรู้สึกกังวลใจ
“เลเฟียร่า ดาร์เซีย ต้องโทษตัวเจ้าที่ดันเกิดมาเป็นคนในครอบครัวของไอ้เด็กสารเลวนั่นเอง การที่เจ้าต้องตกอยู่ในสภาพนี้เป็นเพราะน้องชายของเจ้าได้ทำร้ายร่างกายและจิตใจของลูกชายคนโตของข้าทั้งยังจับเขาส่งให้สมาคม ทีนี้เจ้าเข้าใจหรือยังว่าเหตุใดถึงถูกจับตัวมา?” เทียนเฉินที่นั่งอยู่บนบัลลังก์นั่งท้าวคางมองเลเฟียร่า หรือเลิฟด้วยรอยยิ้มเย็น ก่อนจะกล่าวต่อว่า
“อ้อ แล้วไม่ต้องกลัวว่าเจ้าจะเหงาตอนที่รอคนของข้าพาตัวน้องชายเจ้ามาหรอกนะ เพราะว่า...”
“พี่เลิฟ!” ก่อนที่เทียนเฉินจะพูดจบก็มีเสียงเด็กสาวดังขึ้นมาจากประตูทางเข้า เมื่อเลิฟหันไปมองที่มาของเสียง เธอก็พบเข้ากับหญิงสาวอายุ 15 ปีใบหน้าน่ารักผมสีเดียวกับเธอกำลังถูกชายชุดดำลากแขนให้เดินตามมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา ข้างหลังของทั้งสองคนตามมาด้วยชายชุดดำอีกสามคนที่เธอจำได้ว่าเป็นขุนพลของตระกูลเทียนทั้งหมด
“ริน! แก! ปล่อยน้องสาวของฉันนะ!” เลิฟที่เห็นน้องสาวของเธอก็ตะคอกชายที่บีบแขนน้องสาวเธอที่ถูกสวมกุญแจแบบเดียวกับของเธออยู่พร้อมกับปล่อยจิตสังหารออกมาอย่างรุนแรง
“พวกข้าพาตัวน้องสาวคนเล็กของเซราฟ ดาร์เซียมาแล้วขอรับ!”
“หึ เป็นจิตสังหารที่แรงกว่าเด็กรุ่นเดียวกันหลายเท่าเลยนี่ แต่มันก็เท่านั้น...ดีๆๆ! ทีนี้เครื่องมือก็ครบแล้ว เหลือเพียงรอให้จอมพลเจี้ยนพาตัวเด็กบ้านั่นมาให้ข้า หึๆ” เทียนเฉินแสยะยิ้มออกมา
“ท่านพ่อ! เจ้าสวะนั่นมันอยู่ที่ไหน!” ในขณะที่เทียนเฉินกำลังดีใจที่แผนสำเร็จ เสียงของเทียนหงก็ดังขึ้นมาจากทางเข้าอีกรอบ ก่อนที่ร่างของชายหนุ่มที่มีผ้าพันแผลเต็มใบหน้าและร่างกายจะปรากฏออกมาพร้อมกับชายหน้าตามืดมนคนหนึ่งที่มีรอยสักงูกินหางตรงแก้มซ้าย
“หงน้อยลูกพ่อ! ดูเหมือนอุโรโบรอสจะทำงานได้ดีเหมือนเคยสินะ สมแล้วที่เป็นถึงจอมโจรอันดับหนึ่งแห่งแดนมนุษย์ ราชันย์เงา ทาลอน”
“...” ชายที่ถูกเรียกว่าทาลอนไม่ได้ตอบเทียนเฉิน แต่กลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
“เจ้าบ้านั่น มันกล้าไม่สนใจท่านผู้นำตระกูล!” หนึ่งในขุนพลชุดดำที่พาตัวของเลิฟมากัดฟันกรอด
“เอาน่า เขาเป็นหนึ่งในผู้ใช้พลังระดับ SSS เช่นเดียวกับข้า แถมยังเป็นถึงหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มที่อันตรายที่สุดในโลกอีก เจ้าอย่าไปสนใจเขาเลย” เทียนเฉินโบกมือไปมาอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะหันไปมองเทียนหงที่ยืนรอฟังคำตอบจากเขาอยู่
“เจ้าคงได้ยินแผนของพ่อจากทาลอนแล้วสินะหงน้อย ไม่ต้องกังวล พ่อให้คนจับครอบครัวที่เหลืออยู่ของมันมาไว้แล้ว ถ้ามันมาถึงที่นี่เมื่อไหร่ ตอนนั้นจะเป็นช่วงเวลาที่มันเจ็บปวดราวกับตายทั้งเป็น!” เทียนเฉินกล่าวจบก็เหยียดยิ้มออกมา
“...” เทียนหงที่ได้ฟังคำตอบของบิดาของเขาไม่พูดอะไร เขาเพียงแค่หันหน้าไปมองหญิงสาวทั้งสองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นก่อนจะแสยะยิ้มออกมา
“ถ้าอย่างนั้นในระหว่างที่รอข้าขอ ‘เล่นสนุก’ กับสองคนนี้ก่อนละกัน”
หลังจากสิ้นเสี้ยงของเทียนหง หญิงสาวผมเทาทั้งสองก็รู้สึกหวาดกลัวไปสุดขั้วหัวใจเพราะรึ้วามหมายของประโยคนี้ดี
“อย่าเข้ามานะ” เลิฟรีบสวมกอดน้องสาวของเธอที่กำลังกลัวจนตัวสั่นเทาราวกับลูกนกแรกเกิดไว้พร้อมกับชูมือไปด้านหน้าเพื่อเค้นพลังออกมา
“เหอะ คิดจะใช้พลังงั้นเรอะ ทั้งที่มือของเจ้าถูกสวมด้วยกุญแจสะกดพลังเนี่ยนะ เลิกหวังซะเถอะ แล้วมาสนุกกับข้าจนกว่าเจ้าสวะนั่นจะมาเห็นฉากเด็ดดีกว่า ฮี่ๆ” เทียนหงกล่าวจบก็ยิ้มชั่วร้ายออกมา
“แก ไอ้ชาติชั่ว! นี่แกคิดจะเอาไส้ดินสอกดนั่นมาทำร้ายพวกฉันงั้นเหรอ เก็บเอาไว้รดน้ำต้นไว้รอให้มันโตก่อนเถอะแล้วค่อยมาพูดประโยคนั้นไอ้คนไร้ดุ้นเอ๊ย” เลิฟที่ได้ยินคำพูดคุกคามของเทียนหงก็อดไม่ได้ที่จะตะคอกออกมาด้วยความโกรธพลางชี้ไปที่เป้าของเขาที่ในตอนนี้แบนราบราวกับแผ่นกระดาษ
“แก! ข้าไม่ใช่คนไร้ดุ้นโว๊ย ที่เห็นว่ามันหายไปนั่นเป็นเพราะน้องชายสวะของเจ้าทำให้ข้าเป็นแบบนี้ต่างหากล่ะ เมื่อก่อนข้านะ มีขนาดเท่ากับปากกาเมจิกเลยนะโว๊ย” เทียนหงที่ได้ยินคำพูดของเลิฟถึงกับคิ้วกระตุก ก่อนจะพูดแก้คำพูดของหญิงสาวด้วยความหงุดหงิด
“...” เลิฟที่ได้ยินคำโอ้อวดของเทียนหงถึงกับพูดอะไรไม่ออก เธอสังเกตุเห็นว่าคนในห้องที่ล้อมรอบเธออยู่มุมปากกระตุกกันทุกคนเว้นแต่เทียนเฉินที่ไม่ยิ้มด้วย
‘ดูเหมือนว่าเทียนหงจะสืบทอดความ ‘ใหญ่’ มาจากพ่อสินะ’ เลิฟคิดในใจ
“เลิกพูดกับนางได้แล้ว นางเพียงแค่ยื้อเวลาเท่านั้น หากเจ้าอยากทำอะไรก็รีบทำ อีกเดี๋ยวจอมพลเจี้ยนก็คงพาตัวเด็กนั่นมาแล้ว...ว่าแต่ ขุนพลโม่หายไปไหน เขาไม่ได้ไปตามจับนังเด็กเซรีน่า ดาร์เซียกับพวกเจ้างั้นเรอะ” เทียนเฉินหันมาถามชายชุดดำที่เป็นคนพาตัวน้องสาวคนเล็กของราฟมา
“ขุนพลโม่บอกว่าจะตามจอมพลเจี้ยนไปน่ะขอรับ” ชายหนุ่มตอบเสียงสุภาพ
“งั้นรึ เจ้าเด็กนั่นยังติดเขาราวกับลูกติดพ่อไม่เปลี่ยนสินะ” เทียนเฉินพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะหันไปมองทางลูกชายของเขาที่ตอนนี้กำลังย่างสามขุมเข้าไปหาเลิฟพร้อมยื่นมือออกไปเตรียมจะฉีกเสื้อหญิงสาวที่เหวี่ยงมือที่ถูกล่ามไว้ทั่งสองข้างปัดมือของชายหนุ่มออกไป