สัมผัสที่แสนนุ่มนวล
หลังจากที่ราฟหายไป พวกของพัคแทยังก็รีบฟื้นฟูร่างกายของตนทันที
พัคแทยังหลับตาเงยหน้าขึ้นฟ้าเพื่อรับพลังงานจากแสงอาทิตย์ เมื่อร่างกายได้สัมผัสกับแสงแดดไม่นาน บาดแผลทั้งหมดที่เกิดจากการต่อสู้กับเมฟิสโตก็กลับเป็นเหมือนเดิม การสู้รบกับมารตนนี้ทำให้เขายุ่งจนไม่มีเวลารักษาตัว โชคดีที่ราฟมาทันเวลา ไม่งั้นพวกเขาคงแย่แน่ๆ
เมื่อคิดถึงจุดนี้ เทพหนุ่มก็ถอนหายใจออกมา
“ดูท่าเรายังฝึกฝนไม่เพียงพอสินะ หลังจากนี้ต้องออกไปล่าอสูรเพื่อทลายขีดจำกัดพลังซะแล้ว จะได้ใช้วิชาที่แข็งแกร่งมากกว่านี้” ชายหนุ่มนึกถึงพลังที่ราฟแสดงออกมาก็อดที่จะมีความรู้สึกหนึ่งก่อตัวขึ้นในใจไม่ได้
ความต้องการแข็งแกร่ง!
“พลัง...ฉันต้องการพลังมากกว่านี้” จากนั้นพัคแทยังก็นึกถึงบทสนทนาที่เขากับราฟเคยพูดคุยกันก่อนจะมาเจอกับเมฟิสโต
.
.
.
ก่อนหน้านี้ไม่นาน
ภายในฐานวิจัยใต้ดินที่พวกราฟอยู่
‘นั่นมันเจ้าจอมเชือดนี่’ พัคแทยังพูดขึ้นหลังจากที่เห็นภาพของเมฟิสโตกำลังใช้กรงเล็บโลหิตตัดหัวของผู้เข้าแข่งขันที่หลบการโจมตีไม่ได้จนตายหลายสิบคนฉายขึ้นมาในจอภาพของโลแกน เขากำหมัดแน่น ในที่สุดก็จะได้เริ่มชำระแค้นพวกมันซะที
‘เง่ะ รู้สึกผิดเลยแฮะที่ทำให้พวกเขาสลบไป แต่เท่าที่ดูจากกล้องของลุงมา ก่อนหน้านี้พวกเขาก็สังหารผู้เข้าแข่งขันคนอื่นมาเยอะเหมือนกันนี่เนอะ...หือ นั่นเผ่ามารอีกคนที่เป็นศิษย์พี่ที่เธอบอกว่าจะให้มาจัดการพวกฉันใช่ป่ะยัยหัวดำ เอ๊ย วาเนโลปี้?’ ราฟหันไปถามสาวสวยผมดำที่กำลังเกาะคุกโลหิตจ้องมองราฟตาเขม็ง
“วาเนสซ่าย่ะ เจ้าคนป่าเถื่อน กล้าดียังไงมาทำลายการควบคุมร่างของข้าจากร่างของยัยผมแดงนี่! รู้มั้ยว่าข้าถูกใจร่างของนางมากแค่ไหนน่ะหา!?” วาเนสซ่าตะโกนแล้วหันไปมองร่างของหญิงสาวผมแดงเพลิงที่กำลังหลับไหลอยู่ในอ้อมกอดของไป๋เสวี่ยฉีที่กำลังรักษาเธอจากความเสียหายที่ถูกเผ่ามารสิง
“จิ๊ๆ ก็วาเนโลปี้มันดูน่ารักกว่านี่นา แล้วเรื่องของเธอมันเกี่ยวอะไรกับฉัน ฉันแค่ทำให้ไม่มีคนกลายเป็นมารเพิ่มขึ้นอีกก็เท่านั้น ดีนะที่ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้มีจิตด้านลบแต่ถูกเธอบังคับควบคุมเลยทำให้ฉันทำลายการเชื่อมต่อได้อยู่น่ะ ไม่อย่างนั้นฉันจัดการเธอไปแล้ว” ราฟยิ้มหวานขณะใช้นิ้วชี้ดันหน้าผากของวาเนสซ่าจนเธอล้มหงายหลัง
“กรี๊ดดด ไอ้หัวเทาบ้า! อวดดีไปก่อนเถอะ” วาเนสซ่าแยกเขี้ยวขู่ เธอหวังให้ศิษย์พี่ใหญ่ของเธอมาช่วยเร็วๆแล้วเปลี่ยนเขาเป็นมารจากนั้นเธอจะเอาเขามาเป็นทาสใช้งานไปตลอดกาลเลยคอยดู! หลังจากคาดโทษชายหนุ่มในใจเสร็จเธอก็เดินไปนั่งหลบในมุมคุกที่ห่างออกไปอย่างเงียบๆ
“ชิๆ ไม่หนุกเลย...นี่พัคแทยัง เจ้ามารนั่นให้ฉันจัดการให้มั้ย นายจะได้ใช้เวลากับพี่เสวี่ยฉีของนาย” ราฟถามสหายของเขา
“ไม่เป็นไร ฉันจะออกไปจัดการมันด้วยมือของฉันเอง” พัคแทยังส่ายหน้าตอบ
“โอเค งั้นถ้านายไม่ไหวจริงๆเดี๋ยวฉันไปช่วยนะ” ราฟกล่าว ก่อนจะหันไปบอกกับอสูรทั้งสามตนยิ้มๆว่า
“อย่าลืมเรื่องที่ฝากไปด้วยน่อ”
“ขอรับ!”
“เจ้าค่ะ!”
อสูรระดับ SS ทั้งสามตนพยักหน้ารัวๆพร้อมกับตั้งให้ภารกิจนี้สำคัญสูงสุดทันที
“ไปกันเถอะครับ” พัคแทยังหันมาพูดกับทั้งสาม ก่อนที่ไป๋เสวี่ยฉีจะใช้งานแหวนมิติเพื่อเคลื่อนย้ายไปยังจุดที่เมฟิสโตอยู่
.
.
.
ปัจจุบัน
พัคแทยังยิ้มบางๆออกมา ดูเหมือนว่าสุดท้ายก็ต้องพึ่งพลังของสหายของเขาอยู่ดี หลังจากคิดจบเขาก็หันไปมองพวกไป๋เสวี่ยฉี
ในตอนนี้ไป๋เสวี่ยฉี แบคคัส และมิร่ากำลังกินแท่งคริสตัลคนละสีตามแต่ธาตุของตนเพื่อใช้ฟื้นฟูความเสียหายอยู่
“เป็นอสูรนี่สะดวกจังเลยนะครับ” พัคแทยังพูดกับทั้งสามคน
“ต้องขอบใจเจ้าคนสติเฟื่องนั่นล่ะนะ แหมๆ อะไรกัน หน้าตาของพัคน้อยยังดูซีดอยู่เลย มามะ มาให้พี่สาวคนนี้จูบเพิ่มพลังเร็ว...” ไป๋เสวี่ยฉียิ้มหวานก่อนจะกระโดดเข้าหาชายหนุ่ม
ผัวะ!
ในขณะที่พัคแทยังกำลังจะใช้ความเร็วแสงหลบการจู่โจมนี้อย่างเขินอายนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนถูกบางสิ่งกระแทกที่หลังของเขาจนกลิ้งกระเด็นไปไกลหลายสิบเมตร
“หลบไปซะเจ้าตาทอง...แฮ่กๆ พี่หญิง หน้าข้าก็ซีดนะ มาจูบข้าแทนเถอะ จู....” มิร่าพูดโดยที่มือทั้งสองยังค้างไว้บนอากาศพร้อมกับหันหน้ามาทำปากจู๋และหลับตาใส่ไป๋เสวี่ยฉี
ม๊วบบบ
“...” พัคแทยัง
“กรี๊ดดด สัมผัสที่นุ่มนวลนี้มันอะไรกัน ในที่สุดข้าก็ได้จูบกับพี่หญิงสักที...” เมื่อสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่ทำให้รู้สึกวาบหวามไปทั้งตัวนี้ หญิงสาวผมม่วงก็ลืมตาขึ้นมาอย่างมีความสุข แต่มันก็เปลี่ยนเป็นความทุกข์ทันที
เพราะที่เธอจูบอยู่นั้นคือ ชายหนุ่มผมเขียวที่กำลังเบิกตากว้างเหมือนกับโดนผีหลอก ตัวของเขาเหมือนถูกมือเรียวสวยของพี่สาวคนสวยของเธอที่กำลังส่งยิ้มเย็นให้จับไว้อยู่
“ไอ้เจ้าม้าโอตาคุ!? กรี๊ดดด...อุแหวะ!” มิร่ากรีดร้องเสียงหลงก่อนจะถีบชายหนุ่มตรงหน้าออกไปแล้วมองหาน้ำมาล้างปาก แต่ก็หาไม่เจอ จนในที่สุดหญิงสาวก็มองพื้นที่เต็มไปด้วยหิมะแล้วเลือกใช้มือทั้งสองช้อนมันเข้าปากเพื่อหวังให้มันล้างสิ่งสกปรกสำหรับเธอออกไป
“อ๊ากกกก ยัยเสือจอมโหด ข้ารักษาตัวของข้าอยู่ดีๆทำไมต้องจับข้ามาจูบยัยแมวเพี้ยนนี่ด้วยฟะ หมดกัน เฟิร์สคิสที่จะเอาไว้มอบให้กับมากิจัง เจ้ามันยัยปีศาจ! อำมหิตยิ่งนัก!” แบคคัสใช้พัดชองเขาเป่าปากหวังให้สัมผัสเมื่อครู่หายไป
“หึ” ไป๋เสวี่ยฉีมองดูคนทั้งสองโวยวายด้วยใบหน้าเย็นชาแล้วหันไปกอดแขนพัคแทยังต่อด้วยสีหน้าอ่อนหวานต่างจากเวลามองสหายทั้งสองราวฟ้ากับเหว
“พัคน้อย ไม่ต้องไปสนใจสองคนนี้หรอก เรามาต่อกันเถอ...”
“โฮ่ยยย เจ้าหน้าหล่อ” เสียงหนึ่งดังขึ้นทำให้พัคแทยังและที่เหลือหันไปมอง พวกเขาพบว่าเจ้าของเสียงคือชายหนุ่มผมฟ้าที่กำลังวิ่งมาด้วยสีหน้าตื่นเต้นพร้อมกับชายหน้ายิ้ม
“ใครมันกล้าขัดจังหวะของพวกข้าหา…อยากตายมากสินะ!” ไป๋เสวี่ยฉีเรียกแสงแห่งทิวาออกมาเป็นรูปร่างของเสือยักษ์แลดูน่าเกรงขาม