สงครามของเหล่าชายฉกรรจ์
“อึก!”
เทียนหงตื่นขึ้นมาพร้อมกับความเจ็บปวดตรงหว่างขา เมื่อเขาคลำมันดูก็พบว่าหงน้อยแหลกจนไม่เหลือชิ้นดี
“อ๊ากกก ไอ้เจ้าคนผมเทานั่นมันกล้าทำมังกรน้อยของข้าจนเหลวเป็นน้ำเลย บัดซบเอ๊ย!” เทียนหงกู่ร้องออกมาด้วยความโกรธแค้น เขาหันไปหาลุงหยาที่กำลังสลบอยู่และเตรียมจะปลุกเขา แต่ในขณะนั้นเองก็มีคนโผล่มาด้านหน้าของเขา
“แก!” เทียนหงคำรามเตรียมจะใช้ฝ่ามือโจมตีชายหนุ่มผมเทาที่อยู่ตรงหน้า แต่เขาก็ถูกราฟใช้มือซ้ายบีบปากให้อ้าออกด้วยแรงที่เขาไม่สามารถขัดขืนได้ จากนั้นชายหนุ่มผมเทาก็ดีดยาเม็ดสีขาวเข้าไปในปากของเทียนหง
“อื้อ...อึก แกเอาอะไรให้ข้ากิน!” เทียนหงพยายามจะคายออกมาแต่ด้วยความที่ถูกชายหนุ่มตรงหน้าบีบปากไว้อยู่ทำให้ยาถูกกลืนเข้าท้องของเขาไปโดยที่ไม่สามารถทำอะไรกับมันได้
“ก็แค่ยาแก้พิษน่ะ” ราฟพูดยิ้มๆ ก่อนจะสกัดจุดแขนและขาทั้งสี่ของเทียนหงแล้วปล่อยร่างที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ลงไปกับพื้น
“ยาแก้พิษ? วิชาสกัดชีพจร!? เจ้าคิดจะทำอะไรข้า ปล่อยนะโว๊ย” เทียนหงที่ถูกสกัดจุดแขนขาทั้งสี่ข้างไปตะโกนออกมาด้วยความหวาดกลัว เจ้าปีศาจนี่คงจะไม่ได้จะทรมานเขาด้วยการตัดแขนขาหรอกนะ
“เอาล่ะ นายรอนิ่งๆแปปนะ เดี๋ยวจัดหาความสนุกให้” ราฟบอกเทียนหงก่อนจะหายตัวไปทิ้งให้คุณชายแห่งตระกูลเทียนนอนอยู่อย่างนั้น
“มันคิดจะทำอะไร?” เทียนหงขมวดคิ้วสงสัย ทันใดนั้นเองเขาก็พบว่ามีหมอกพิษสองกลุ่ม หนึ่งชมพู หนึ่งม่วงกำลังเคลื่อนตัวออกมาจากปากถ้ำ ก่อนที่หมอกทั้งสองสีนี้จะกลืนกินพื้นที่ภายในถ้ำจนหมดรวมทั้งร่างของเทียนหงและลุงหยา รวมถึงพวกทหารรับจ้างทั้งหมด
“ฮืด...ฮาดดด” เมื่อลุงหยาและกลุ่มทหารรับจ้างถูกหมอกสองสีกลืนกิน พวกเขาก็ส่งเสียงแปลกๆออกมาพร้อมกับบางสิ่งที่นูนออกมา จากนั้นเหล่าชายฉกรรจ์ทั้ง 20 ชีวิตก็หันมามองเทียนหงที่นอนแผ่อยู่ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดจนราวกับดวงตาของอสูรร้ายที่กำลังบ้าคลั่ง
“นั่นสาวสวยนี่”
“อยาก...ข้าอยากเหลือเกิน”
“ดูเหมือนเธอกำลังนอนเชื้อชวนพวกเราให้ไป ‘กิน’ นางเลย”
เหล่าทหารรับจ้างพูดขึ้นเมื่อมองไปยังร่างของเทียนหง
“แม่นาง เจ้าช่างงามยิ่งนัก ข้าใคร่จะลิ้มรสเจ้าเสียจริง!” ลุงหยาพูดด้วยน้ำเสียงกระเส่าก่อนจะย่างสามขุมเข้ามาหาเทียนหง
“ท่านพูดอะไรน่ะลุงหยา ข้าเป็นเจ้านายของท่านนะ เห้ย พวกหมาบ้า พวกเจ้าคิดจะทำอะไรข้าน่ะ ปล่อยข้านะ...เสื้อผ้าข้า! ขวานคลั่ง! เจ้าเอาของน่าขยะแขยงมาจ่อหน้าข้าทำไ...อ๊อก” เทียนหงยังพูดไปทันจบเขาก็ถูกหัวหน้าทหารรับจ้างเอาบางสิ่งมายัดปากเขา ก่อนที่ลุงหยาจะฉีกกางเกงของชายหนุ่มออกแล้วจากนั้นก็ยัดความเป็นชายของเขามอบให้เทียนหงที่กรีดร้องออกมาราวสุกรถูกเชือด
“อ๊ากกกก ถ้ารอดไปได้ข้าจะฆ่าพวกเจ้าทุกคนให้หมด! อุก เอื้อออ...”
ทางด้านทหารรับจ้างที่เหลืออยู่นั้น เมื่อพวกเขาเห็นว่าไม่มีที่ว่างให้เข้าไปสอด ทันใดนั้นทั้ง 18 คนก็หันมามองหน้ากันเองจากนั้นก็...
“อื้อออ...”
“อ๊ากกก...”
“อ้า...”
“อะเหื้ออออ...”
.
.
.
“อูย คงเจ็บน่าดูนะนั่น” ราฟที่มองภาพสงครามยุทธหัตถีของคนทั้ง 21 จากในจอภาพเสมือนจริงอยู่ด้านนอกถ้ำพูดออกมาเบาๆ ข้างๆของเขามีเจน หัวหน้าหมู่บ้าน รวมทั้งชาวบ้านจากหมู่บ้านโคลฟเวอร์ทุกคนมุงดูอยู่ด้วยสีหน้าสะใจ ส่วนแจ็คและเด็กคนอื่นๆนั้นยังเด็กเกินไปเลยถูกแบนห้ามไม่ให้ดูหนังสดที่กำลังฉายอยู่
“เอายาแก้พิษให้เจ้าสวะนั่นกิน จากนั้นก็ปล่อยหมอกพิษที่มีฤทธิ์ปลุกอารมณ์ทางเพศกับทำให้เห็นภาพหลอนตามที่นายต้องการให้พวกเขาเห็นใส่พวกนั้น เจ้าเทียนหงที่ไม่รับผลจากพิษคงรู้สึกทรมานเหมือนตายทั้งเป็น...ฉันล่ะไม่อยากเป็นศัตรูกับนายเลยจริงๆ” หมอสาวมองราฟด้วยสายตาแปลกๆ
“แล้วคุณไม่คิดจะห้ามผมเหรอ เป็นหมอภาษาอะไรอ่ะ” ราฟหันมาถามหญิงสาวหน้าตาย
“เจ้าเด็กนี่...ฉันจะไปห้ามทำไม พวกนั้นสมควรโดนแล้ว แค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำกับสิ่งที่พวกมันทำกับชาวบ้านที่ไร้ทางสู้”
“โอ้ว งั้นเอาไว้ถ้าผมมีอำนาจในโลกนี้เมื่อไหร่จะออกกฎหมายที่ถ้ามีใครข่มขืนคนอื่นต้องถูกข่มขืนกลับด้วยเพศที่ตัวเองไม่ชอบ จากนั้นค่อยประหารก็แล้วกัน...ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” ราฟพูดทีเล่นทีขณะลุกออกมาให้พวกชาวบ้านได้ชมการแก้แค้นอย่างชัดๆ
“คงยาก เพราะถ้าเป็นงั้นจริงตระกูลที่ชอบใช้อำนาจทำเรื่องแบบนี้ไม่ยอมอยู่เฉยแน่...แต่ถ้าเป็นนายก็อาจจะทำได้ก็ได้นะ” หมอสาวพูดยิ้มๆ
“ก็ไม่แน่หรอก ตอนนี้เรื่องก็จบแล้ว ให้ผมพาคุณกลับห้องพยาบาลนะ” ราฟยิ้มบางๆให้เธอ ก่อนจะยื่นมือให้เธอจับ
“ไม่ล่ะ ฉันจะไปส่งพวกเขากลับหมู่บ้านกับนาย ก่อนหน้านี้นายก็โทรไปยืนยันกับทางสมาคมแล้วไม่ใช่เหรอ ป่านนี้พวกเขาคงส่งหน่วยช่วยเหลือมาแล้วล่ะ ส่วนเจ้าเทียนหงกับพวกคงโดนจับไปประหารสถานเดียว ถึงตระกูลของมันจะใช้อำนาจในการปกปิดการกระทำเลวๆได้สารพัด ดีนะที่นายช่วยชีวิตพวกเขาไว้ได้ทัน ไม่งั้นเรื่องนี้คงจบลงโดยที่มันยังลอยนวลต่อไปแน่ มีทั้งพยานและหลักฐานมัดตัวมันแน่นขนาดนี้ ต่อให้ตระกูลใหญ่และมีอำนาจแค่ไหนก็ไม่รอดหรอก” หมอสาวพูดพลางยิ้มบางๆ
“ถ้าไม่มีเรื่องอสูรต่างมิติกับสงครามแล้วล่ะก็ ที่นี่ถือว่าเป็นโลกที่น่าอยู่จริงๆ” ราฟพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
ถึงแม้โลกนี้จะเต็มไปด้วยสงครามและสัตว์อสูร แต่หากอยู่ภายในแดนมนุษย์ที่มีสมาคมผู้พิทักษ์คอยดูแลอยู่ล่ะก็ มนุษย์ทุกคนจะได้มีชีวิตอยู่อย่างสงบสุขภายใต้การดูแลของสมาคมผู้พิทักษ์ ที่ได้รับมอบอำนาจมาจากประชาชนที่เสียภาษีให้ เหมือนกับเหล่าตระกูลหลักทั้งสิบ ทำให้ทางสมาคมไม่ได้ขึ้นตรงต่อใคร และตระกูลหลักทั้งสิบก็ไม่มีอำนาจในการแทรกแซงการทำงานของสมาคมที่ทำงานด้วยความยุติธรรมมาเป็นเวลาหลายพันปี หากมีผู้กระทำผิดเกิดขึ้น พวกเขาก็จะถูกตัดสินด้วยความยุติธรรม ตัวอย่างเช่น เทียนหงและพวก ที่ได้ก่อคดีฆ่าข่มขืนและอาชญากรรมต่างๆมากมาย ก็จะได้รับโทษประหารชีวิตโดยไม่มีโอกาสได้รับการลดโทษใดๆ เพราะถือว่าตั้งใจในการพรากชีวิตอีกฝ่ายก่อน จึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะต้องชดใช้หนี้ชีวิตด้วยชีวิต
‘ลองเป็นโลกเก่าของเราสิ จากประหารชีวิตแต่ถ้ายอมรับผิดก็โดนลดโทษ พออดทนทำดีหน่อยก็ได้ลดโทษเพิ่มเหมือนโปรลดราคาอีกจนได้ออกมาใช้ชีวิตตามปกติ เหอๆ’ ราฟเหยียดยิ้มในใจ
“แล้วหูฟังนั่นมันอะไรกันน่ะ สามารถฉายภาพเสมือนจริงๆจากกล้องที่นายติดไว้ในถ้ำได้ด้วย หาซื้อได้จากไหนเหรอ ฉันอยากได้บ้างอ่ะ” หมอสาวถามอย่างสนใจ