หญิงสาวผู้ถูกข่มเหง?
ฟุบ
“ช่างใช้ชีวิตกันอย่าวสุขสบายเสียจริงนะ” ลิลิธปรากฏกายออกมาในร่างของหญิงสาวอายุ 17 ที่ติดตราของโรงเรียนวีนัสเอาไว้ การมาถึงของเธอนั้นเป็นการเดินทางมาด้วยแหวนเคลื่อนย้ายมิติทางไกลที่ถึงแม้จะไม่ค่อยมีนักเรียนใช้กัน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรสำหรับโรงเรียนนี้ เพราะขอแค่มีเงินก็สามารถซื้ออุปกรณ์อะไรก็ได้มาใช้ ยกเว้นตอนสอบวัดระดับที่ต้องใช้ความสามารถของตนโดยไม่พึ่งอุปกรณ์ใดๆมาช่วย
“โชคดีของข้าที่โรงเรียนวีนัสไม่ได้เปลี่ยนตราไปใช้แบบอื่น”
นี่คือร่างที่เธอได้มาจากการทำสัญญากับนักเรียนหญิงของโรงเรียนวีนัสเมื่อ 20 ปีก่อนที่ต้องการพลังเพื่อล้างแค้นให้กับครอบครัวที่ถูกคนของหนึ่งในตระกูลหลักที่ทรงพลังสังหารไปจนเหลือแต่เธอที่หนีรอดมาได้ โดยเธอยอมใช้ทั้งชีวิตของเธอเองเป็นข้อแลกเปลี่ยนกับพลัง 2 ใน 10 ส่วนของลิลิธจนสุดท้ายนั้นแม้จะล้างแค้นศํตรูที่มีผู้หนุนหลังอันแข็งแกร่งได้สำเร็จ แต่แทนที่เธอจะกลายเป็นมารรับใช้ตามที่ลิลิธต้องการ หญิงสาวกลับตกตายทันทีเพราะไม่เหลือพลังชีวิตเพื่อเปลี่ยนวิญญาณกลายเป็นมาร ทำให้ร่างนี้ตกเป็นของลิลิธในที่สุด
“พึ่งจะเห็นข้อดีของร่างกายเจ้าก็ตอนนี้ล่ะนะยัยเด็กโง่” ลิลิธยิ้มบางๆ เธอชื่นชมในบุคคลที่ยอมสละทุกสิ่งแม้แต่ชีวิตของตนเพื่อครอบครัวเสมอ ทำให้เธอหลอมโลหิตจากร่างของหญิงสาวไว้เป็นหนึ่งในร่างแปลงของเธอ
แต่เมื่อลิลิธปรากฏกายออกมา หญิงสาวก็ตกเป็นเป้าสายตาทันที ซึ่งสาเหตุนั้นมาจากหน้าตาของร่างนี้
‘นี่ขนาดไม่ได้ใช้ร่างจริงของข้าก็ยังเกิดปัญหาอีกเหรอเนี่ย ว่าจะมาอย่างเงียบๆแล้วเชียวนะ’ ลิลิธขมวดคิ้วคิดอย่างอารมณ์เสีย เธอมองพวกนักเรียนที่กำลังมองเธออย่างสนใจอยู่
‘จะบอกว่ามาตามสังหารคนๆหนึ่งก็ไม่ได้...งั้นเอาวิธีนี้ก็แล้วกัน เพราะตอนนี้สายใยโลหิตที่ข้าเชื่อมไว้กับนางอ่อนมากจนตามหานางไม่ได้ มีแต่ต้องตามหาเจ้าสารเลวผมเทานั่นก่อนเท่านั้น’ หญิงสาวคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมา
“ขอโทษนะคะ ฉันมาตามมาหาคนที่...แล้วทิ้งตอนแข่งขันเอาชีวิตรอดน่ะค่ะ เลยอยากขอถามทางหน่อยจะได้มั้ยคะ?” เมื่อกล่าวจบลิลิธก็ยิ้มหวานให้พวกนักเรียน โดยเธอได้เปลี่ยนรูปแบบการพูดให้เข้ากับคนในแดนมนุษย์มากที่สุด
“อ๊ากกก โครตน่ารักเลย”
“นั่นเธอติดตราของโรงเรียนวีนัสนี่ ได้ยินว่าพวกนักเรียนวีนัสไม่มีใครอยู่ถึงตอนจบการแข่งขันเลยไม่ใช่เหรอ?”
“เจ้าโง่ ลืมนึกถึงคนที่ขอยอมแพ้จนแหวนส่งให้ออกจากการแข่งขันไปก่อนแล้วรึไง?
“เออเนอะ ถ้างั้นเธอน่าจะอับอายรับไม่ไหวจนขอออกจากการแข่งขันมาก่อนสินะ”
“แล้วสารเลวคนไหนในปีสองที่มันกล้าฟันแล้วทิ้งสาวสวยแบบนี้ได้ลงคอฟะ”
“นั่นสิ คุณครับ ไม่ทราบว่ารู้ชื่อของคนที่ทำร้ายคุณรึเปล่าครับ พวกผมจะช่วยตามหาเอง ถึงการแข่งขันเอาชีวิตรอดจะไม่ห้ามในการฆ่ากัน แค่การข่มเหงทางร่างกายนี่มันให้อภัยไม่ได้จริงๆ”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ รู้แต่ว่าชายคนนั้นมีผมสีเทา ตาสีดำ และผิวแทน ตอนที่ยังมีสติอยู่ฉันเห็นตราของเขาเลยคิดว่าเขาน่าจะเป็นนักเรียนของโรงเรียนนี้น่ะค่ะ”
“อืม...หรือจะเป็นราฟจอมเพี้ยน เพราะโรงเรียนเราส่งคนไปลงแข่งไม่กี่คน ฉันก็ลงแข่งด้วยแต่ยอมแพ้ไปก่อนเพราะการแข่งนี้มันโหดเกินไป และฉันมั่นใจว่ามีแค่เขาคนเดียวที่มีลักษณะตามที่เธอบอก” นักเรียนหญิงคนหนึ่งออกความเห็น
ทุกคนที่อยู่รอบข้างได้ยินดังนั้นก็ตกใจ ไม่คิดว่าเจ้าบ้านั่นจะกล้าทำอย่างนี้ได้
“แล้วเขาทำแบบนั้นได้ยังไงกัน ข้อมูลล่าสุดคือเขาเป็นผู้ใช้พลังระดับ C ที่ล้มมาคัสได้เองนี่ จากตราของเธอที่แสดงว่าอยู่ในระดับ A ไม่น่าโดนเจ้านั่นทำอะไรได้เลยนะ” หนึ่งในนั้นตั้งข้อสงสัยออกมา
‘ซวยแล้ว ลืมคิดไปเลย’ ลิลิธคิดในใจอย่างตระหนก แต่ก่อนที่เธอจะล้มเลิกการปลอมตัวแล้วทำการสังหารคนรอบข้างทั้งหมดนั้นก็มีอีกคนพูดขึ้นมาว่า
“นายอย่าดูถูกเขาเกินไป เพราะถึงจะมีพลังแค่ระดับ C แต่ดูเหมือนเจ้านั่นจะมีทักษะปรุงยาเป็นเลิศ ซึ่งมันอยู่ในระดับที่สามารถปรุงโอสถแปลงอสูรที่สูญหายไปนานขึ้นมาใหม่ได้ ฉันว่าเรื่องวางยาปลุกอารมณ์คนที่แข่งแกร่งกว่าสองระดับอย่างเธอคนนี้คงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาหรอก”
“เหลือเชื่อ เจ้าหมอนั่นเนี่ยนะ”
“งั้นมันก็เป็นไปได้สูงที่เขาจะเป็นคนทำ เพราะยังไงหมอนั่นก็ขึ้นชื่อเรื่องโรคจิตอยู่แล้วด้วยนี่นะ”
‘โชคดีไปนะพวกเจ้า’ ลิลิธถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะเธอก็ไม่อยากสังหารใครเหมือนพวกเขาเป็นผักปลาเช่นกัน
การที่มีชีวิตอยู่มานานทำให้เธอเข้าใจว่าชีวิตนั้นสำคัญเพียงใด ถ้าไม่จำเป็นเธอก็ไม่อยากพรากมันไปจากผู้อื่น...เว้นแต่พวกเขาต้องการเองน่ะนะ
หลังจากทุกคนได้ยินเรื่องดังกล่าวก็เริ่มพากันเชื่อจริงๆแล้วว่าราฟเป็นคนร้ายอย่างที่มีคนคาดเดาไว้ จากนั้นทุกคนก็พากันก่นด่าสาปแช่งราฟอย่างโกรธแค้นแทนหญิงสาว
ลิลิธที่เห็นอย่างนั้นก็แสยะยิ้มในใจ
‘เป็นอย่างนี้ก็ดี ให้สารเลวน้อยนั่นตายไปทั้งๆที่ถูกเข้าใจผิด...ไม่สิ จับมันไปแล้วบังคับให้ยอมทำสัญญาเป็นมารรับใช้ให้ข้าดีกว่า ขืนสังหารมันไปทั้งอย่างนั้นคงเสียของแย่...”
“โทษทัณฑ์ที่บังอาจระเบิดร่างกายศิษย์คนโตของข้าจนแหลก ซ้ำยังลักพาตัวศิษย์เอกของข้าไปอีก...คอยดูเถอะว่าข้าจะจัดการเจ้ายังไง เจ้าเด็กน้อย!’ ลิลิธคิดในใจอย่างเกรี้ยวกราดก่อนจะบีบน้ำตาแล้วถามพวกนักเรียนว่า
“ที่อยู่ของคนที่ชื่อราฟอยู่ที่ไหนเหรอคะ ฉันอยากจะไปเรียกร้องเป็นธรรมจากเขา ถึงฉันจะโกรธเกลียดเขาเรื่องวางยายังไง แต่เรื่องที่ฉันได้กลายเป็นของเขาก็เป็นเรื่องที่ฉันให้ความสำคัญมากกว่าอะไรทั้งหมด” ลิลิธบีบน้ำตาอย่างน่าสงสาร
“ที่ฉันมาที่นี่ไม่ได้มาเพื่อล้างแค้น ฉันแค่อยากให้เขารับผิดชอบตัวฉันก็เท่านั้นเองค่ะ”
‘เป็นไงล่ะ วิชามารยาร้อยเล่มเกวียนที่ข้าเรียนมาจากหนังสือของดินแดนที่ล่มสลาย (ประเทศไทยของโลกนี้ที่ราฟเคยพูดถึงตอนทำอาหารให้พัคแทยังกับเรเชลทานกัน)’ ลิลิธแสยะยิ้มในใจ