รวมพลังสยบมาร
เมฟิสโตร้องออกมา แต่ในขณะที่เขาจะหันไปนั้น พัคแทยังก็พูดขึ้นมาต่อว่า
“ตายซะ...หอกประกายแสง” สิ้นเสียงของชายหนุ่ม เขาก็ควงหอกเทพสงครามฟาดฟันใส่เมฟิสโตนับครั้งไม่ถ้วนด้วยความเร็วขั้นสูงสุด
ฉัวะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ........
ทุกครั้งที่เขาฟัน ร่างกายของเมฟิสโตจะถูกเผาไหม้ด้วยปราณสุริยัน เนื้อของเขาถูกเฉือน กระดูกของเขาถูกหั่น แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ทำให้มารตนนี้ตายได้เลย “แฮ่กๆๆ” พัคแทยังฟันเมฟิสโตจนเขาเริ่มหมดแรง การฟันด้วยความเร็วแสงเผาผลาญปราณและพลังของเขามากเกินไป
ในขณะเขาจะถอยออกไปตั้งหลักนั้น เมฟิสโตก็พันมาแล้วแสยะยิ้มพูดขึ้นว่า
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าทำยังไงถึงหยุดการฟื้นฟูของข้าได้ แต่ตอนนี้ถึงตาข้าบ้างล่ะ”
“โลหิตหวนคืน!”
เมฟิสโตระเบิดปราณใส่ชุดเกราะเทวะจนมันกระจาบออก จากร่างของเขา แล้วเลือดทั้งหมดก็ระเบิดออกมา โดยพลังทำลายของมันนั้นเทียบได้กับระเบิดที่สามารถทำลายวิลล่าได้ทั้งหลัง ละอองของมันกระจายออกกลายเป็นไอบนท้องฟ้าบนหัวของพวกเขาจนดูเหมือนกับว่ามันได้เปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน
“อ๊ากกก” พัคแทยังร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเลือดสีทองของเขาไหลออกมาราวกับสายน้ำไม่ต่างจากเมฟิสโตที่เลือดไหลท่วมไปทั้งตัว
“เป็นไง? วิชานี้มันจะสะท้อนความเสียหายที่ผู้ใช้ได้รับสะสมไว้แล้วระเบิดออกไป สุดยอดเลยใช่มั้ย องค์ชายยย? ฮี่ๆๆ” เมฟิสโตแสยะยิ้ม ก่อนจะหันไปยังทิศทางหนึ่ง
“ดูเหมือนคชสารโลหิตจะตายแล้วสินะ และดูเหมือนพวกน่ารำคาญจะมากันทางนี้อีก น่าหงุดหงิดจริงๆ”
“...”
.
.
.
ปัจจุบัน
“พัคน้อย!?” ไป๋เสวี่ยฉีมองร่างของพัคแทยังที่เต็มไปด้วยเลือดสีทอง
“เจ้าเลือดไหล! กรร...” หญิงสาวพูดขึ้นขณะมองไปที่เมฟิสโตแล้วส่งเสียงขู่ของเสือออกมา แต่เธอกลับพบว่าสภาพของชายเผ่ามารก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันนัก อาจแย่กว่าด้วยซ้ำเพราะนอกจากเลือดที่ไหลจากบาดแผลทั่วร่างแล้ว แขนซ้ายของเขายังถูกตัดออกไปอีก
“ทำไมมันไม่ฟื้นฟูตัวเอง?” หญิงสาวสงสัยแต่ก็นึกออกทันที เพราะก่อนหน้านี้เธอจำได้ว่าสัตว์ประหลาดตนนั้นได้ขอหอกของพัคน้อยมาแล้วใช้มือถูใบมีดของมันจนกลายเป็นสีม่วงดำ
‘ฉันทาพิษต้านการฟื้นฟูที่เคยใช้กับเจ้าเซ่อดอสั้นตอนศูนย์วิจัยนั่นให้แล้ว จะใช้ยังไงก็แล้วแต่นายเลย สู้เค้านะเพื่อนเลิฟ...ส่วนพวกเธอ ดูแลเพื่อนฉันด้วยล่ะ แล้วอย่าลืมเอาเนื้อของช้างนั่นมาให้ฉันลองชิมด้วยล่ะ เคยเห็นในเน็ตว่าเนื้อคชสารโลหิตอร่อยเหมือนเนื้อหมูป่ากลายพันธ์เลยนี่ ฉันอยากกินผัดเผ็ดหมูป่าพอดี ถ้าไม่ได้กินมันฉันคงต้องหาตัวอื่นข้างนอกกินแทน เพราะงั้นฝากด้วยน้า’ ชายหนุ่มผมเทาพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มเป็นมิตรก่อนจะหันไปสนใจร่างของหญิงสาวผมแดงที่ถูกเผ่ามารสิงร่างอยู่ต่อ
ถึงแม้เขาจะพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ในสายตาของพวกเธอมันเหมือนกับเขาจะกินพวกเธอแทนเสียมากกว่
“หึๆ พยัคฆ์ทิวา อาชาพฤกษา วิฬาร์มายา สามเผ่าอสูรในตำนานที่น่าจะดับสูญไปจนหมดแต่เหลือรอดกลับมาอยู่บนเกาะร้างแห่งนี้ ดูเหมือนที่นี่จะมีความลับอะไรซ่อนอยู่สินะ อสูรโลหิตที่มากับศิษย์น้องหญิงของข้าก็คงถูกเจ้าอาชาโลหิตสังหาร ข้านี่มัน...” เมฟิสโตเงยหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้าก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“เจ้านี่บ้าไปแล้วเหรอ” มิร่ามองเมฟิสโตอย่างสงสัย
“ดูจากท่าทีของมันที่ยังสบายใจอยู่อย่างนี้ มันจะต้องวางแผนอะไรไว้อีกแน่ แบคคัส รีบสังหารมันซะ” ไป๋เสวี่ยฉีพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ไม่ต้องบอกก็จะทำอยู่แล้ว” แบคคัสกระทืบพื้น ฝ่าเท้าของเขาก็มีรากไม้ทะลุไปในพื้นดินแล้วพุ่งออกมาโจมตีเมฟิสโตจากด้านล่างหมายรัดแล้วสูบชีวิตให้ตายเหมือนเช่นคชสารโลหิต
ตูมมม!
“แปลงโลหิต!”
วูบบบ
เมฟิสโตเปลี่ยนร่างทั้งตัวของเขากลายเป็นเลือดลอยขึ้นไปบนฟ้าหลบการโจมตีของรากไม้ได้อย่างง่ายดาย
“ระเบิดทิวา!” ไป๋เสวี่ยฉีฟาดฝ่ามือออกไปเกิดเป็นระเบิดแสงลูกมหึมา เธอส่งมันพุ่งเข้าใส่ร่างโลหิตบนฟ้าหมายเผามันให้สูญสลายไป
“อย่าหวังเลยนังเสือบ้า คิดว่าเจ้ามีวิชาต้านทานพลังของพวกข้าอยู่ฝ่ายเดียวเหรอ?” เมฟิสโตคำราม ก่อนจะรวมตัวกันเป็นร่างมนุษย์แล้วรวมเลือดที่ไหลอยู่บนร่างของเขากลายเป็นดาบสองมือขนาดยักษ์เล่มหนึ่งแล้วใช้ออกด้วยวิชาลับที่ได้เรียนรู้มา
“จันทรากลืนแสง”
คมดาบมีออร่าสีดำออกมาก่อนที่มันจะถูกฟาดฟันใส่ไป๋เสวี่ยฉีจนเกิดเป็นคลื่นดาบรูปจันทร์เสี้ยวสีดำ
“แย่แล้ว นั่นมันวิชาของเผ่าปีศาจที่สามารถต่อต้านแสงสว่างได้! ยัยบราค่อน รีบหลบเร็ว” แบคคัสตะโกนออกมา เขาปล่อยหมัดยืดออกกลายเป็นรากไม้ขึ้นไปโจมตีแต่ก็ไม่สามารถจับเมฟิสโตที่ลอยอยู่บนฟ้าได้ นี่คือจุดอ่อนของเผ่าอาชาพฤกษาที่ไร้พ่ายบนผืนดิน แต่เสียเปรียบเมื่อต้องสู้กับศัตรูที่ลอยฟ้าได้
“เหอะ เจ้าพวกโง่ข้าคือผู้ใช้พลังพิเศษสองธาตุเฟ้ย ถึงจะมีธาตุประจำเผ่ามารโลหิตอยู่ แต่ก็มีธาตุลมอีกธาตุ อย่าหวังว่าจะจับข้าได้ยามข้าอยู่บนนี้ ฮี่ๆๆ ที่นี้รู้รึยังว่าข้าเล่นสนุกกับเจ้าน่ะ เจ้าเด็กน้อย เจ้าที่ยังเรียกปีกเทวทูตไม่ได้ไม่ใช่คู่มือของข้าหรอก ฮ่าๆๆ” เมฟิสโตหันไปยั่วโมโหชายหนุ่มผมทองที่กำลังถลึงตาใส่เขาอยู่
“อย่าได่ใจให้มันมากนักเจ้ามารสารเลว” มิร่าพูดขึ้น ก่อนจะโผล่ไปที่ด้านหลังของเมฟิสโต
“ตายซะ บัวบานผลาญโลกา” สิ้นเสียงของหญิงสาวผมม่วง ปรากฏพายุไฟขนาดใหญ่ออกมาจากฝ่ามือของเธอที่กลายเป็นกรงเล็บของมังกร ตอนนี้ร่างกายของเธอมีเกล็ดสีแดงเพลิงขึ้นไปทั่วร่างพร้อมกับมีเขาสองข้างงอกออกมาบนหน้าผาก เธอกลายร่างเป็นมนุษย์ครึ่งมังกรเพลิง!
“อ๊ากกก” เมฟิสโตที่ถูกการโจมตีนี้เข้าที่หลังเต็มๆร้องออกมาก่อนจะหันไปมองผู้โจมตี
“แปลงกายเป็นมังกรเพลิงเพื่อระเบิดอากาศไม่ให้ข้าบินได้? แต่ได้แค่ครึ่งเดียว? แถมทำได้แค่เผาหลังข้าอีก ฮ่าๆๆ เจ้าใช้พลังได้ไม่ถนัดใช่มั้ย สงสัยเป็นพวกพึ่งเกิดล่ะสิ” เมฟิสโตยิ้มเยาะ
“ข้าอายุ 15 ปีแล้วย่ะ” มิร่าตวาด
“เทียบกับอายุมนุษย์เจ้าก็แค่เด็กสาวอายุ 7 ปีกว่า อย่าอวดดีให้มากนักยัยแมวน้อย”
“...”