ปราณเอกภพ
ในขณะที่ทุกคนกำลังป้องกันตัวจากลูกหลงของการปะทะอยู่นั้นเอง เสียงกรีดร้องสายหนึ่งก็ดังขึ้นจนทุกคนต้องหันไปมอง
“อ๊ากกกก”
หลังจากที่พายุของราฟและหมอกเพชรของผู้อาวุโสจางปะทะกันได้ไม่นาน พายุของราฟก็กลืนกินผู้อาวุโสจางจนทำให้หมอกเพชรถูกหลอมรวมเข้ากับพายุแล้วลอยขึ้นไปบนฟ้า
“เจ้าเด็กบ้านี่มันอะไร ทำไมถึงไม่มีใครพูดถึงตัวตนที่ทรงพลังแบบนี้เลย แค่การเป่าของมันก็รุนแรงกว่าพลังของเจ้าปราชญ์วายุนั่นแล้ว นี่หรือคือคนที่นายหญิงเคียดแค้นจนต้องลงมาตามหาด้วยตนเอง ต้องรียหนีไปตั้งหลัก! รวมร่าง!” ผู้อาวุโลจางที่เห็นท่าไม่ดีก็รวมหมอกเพชรกลับเป็นร่างกายปกติของเขาเพื่อหลบหนีออกจากพายุนั้น
ฟุบบบ
แต่เมื่อผู้อาวุโลจางพุ่งออกมาจากพายุเขาก็ต้องขนลุกชัน เพราะด้านหลังของเขามีร่างของใครบางคนปรากฏขึ้นมา เมื่อเขาหันหน้ากลับไปก็พบกับราฟที่กำลังแสยะยิ้มอย่างน่ากลัวในสายตาเขา
“ชิบหาย!”
“จะหนีไปไหนเหรอ?”
ผัวะ!
มารเฒ่าถูกราฟที่กระโดดขึ้นมาจากพื้นดินต่อยอัพเปอร์คัดในแบบที่ออมแรงไม่ทำให้ร่างแหลกแต่กลับส่งให้ร่างของผู้อาวุโสจางลอยสูงขึ้นไปบนฟ้าทำให้เขามึนจากแรงหมัด จากนั้นราฟก็ใช้ปราณวายุหลอมรวมเข้ากับร่างกายทำให้เขาสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้อย่างอิสระ และบินขึ้นไปคว้าคอผู้อาวุโสจางออกนอกโลก
“อั่ก! เจ้าสัตว์ประหลาดเอ๊ย! ปล่อยข้าซะ ข้าคืออาจารย์ของจักรพรรดิมารทั้งหลาย หากเจ้าสังหารข้า เจ้าจะกลายเป็นศัตรูกับทั้งสำนักมารสยบฟ้าและแดนมาร เหล่าจักรพรรดิมารจะออกตามล่าเจ้าจนกว่าวิญญานของเจ้าจะดับสูญ!” ผู้อาวุโสจากพูดเสียงติดๆขัดๆเพราะถูกบีบคออยู่
“ถ้าอย่างนั้นก็ดาหน้าเจ้ามาเเลย แต่ถ้าถึงตอนนั้นอย่ามาเสียใจในนรกทีหลังว่าฉันโหดร้ายก็แล้วกัน” ราฟพูดด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
หลังจากทั้งสองออกมานอกโลก ผู้อาวุโสจางก็หายใจไม่ออก และเพียงเวลาไม่กี่วินาทีร่างของเขาก็แข็งค้างไป ตามตัวเริ่มมีเกล็ดน้ำแข็งเกาะเต็มไปหมดและตายในเวลาต่อมา
ส่วนราฟที่มีปราณจากซูพริลซึ่งเขาตั้งชื่อมันว่า ‘ปราณเอกภพ’ ทำให้ชายหนุ่มไม่ได้รับอันตรายจากอวกาศ
“ลงไปดีกว่า นอกโลกนี่เงียบจนน่าเบื่อสุดๆไปเลยวุ้ย” ราฟสร้างออร่าคลุมร่างด้วยปราณเหมันต์เพื่อกันไม่ให้ไฟลุกท่วมตัวเป็นอุกกาบาตจนมทำให้มีคนมาตามหาเขาเหมือนครั้งที่แล้ว ก่อนจะบินกลับไปหาพวกแอนนาพร้อมกับร่างของผู้อาวุโสจางที่จากโลกนี้ไปเป็นที่เรียบร้อย
“ตานั่นจะเป็นอะไรรึเปล่านะ” เรเชลที่อยู่ในโล่แสงของผู้อำนวยการวีนัสพูดขึ้นอย่างเป็นกังวล
“หมอนั่นมันบ้านี่นา เค้าว่ากันว่าคนบ้ามักตายยาก เขาคงจะไม่เป็นอะไรหรอก” ซายะพูดเสียงขรึมแต่คิ้วของเธอขมวดกันแน่น
“นายท่านเขาแข็งแกร่งที่สุดนะ แค่มารเฒ่าตนนึงชนะได้อยู่แล้ว” เฟยฮวาพูดอย่างมั่นใจ
“ฉันก็คิดเหมือนกับเฟยฮวานะ” พัคแทยังเอ่ยขณะมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
‘อีกนานเท่าไหร่เราถึงจะแข็งแกร่งแบบราฟแล้วได้ล้างแค้นให้ชาวเทวะนะ’ ชายหนุ่มตาทองคิด
“เหอะ ตายๆไปซะก็ดี เจ้าบ้านั่นเอาแต่รังแกข้าตลอด” วาเนสซ่าที่นอนหมดแรงอยู่บนพื้นหิมะพูดด้วยรอยยิ้มหยัน ก่อนที่จะเงียบไปเพราะสายตาของสาวๆและพัคแทยังจ้องเธออย่างกับจะฉีกเธอให้เป็นชิ้นๆ ซึ่งเธอที่ไร้เรี่ยวแรงในตอนนี้ไม่อาจสู้พวกเขาได้แม้แต่คนเดียว
“ทำไมเราถึงไม่ฆ่านีงมารนี่ซักทีล่ะ” เฟยฮวาขมวดคิ้ว ความเย็นชาของเธอก่อนที่จะเจอกับราฟเริ่มกลับมาอีกครั้ง
“ราฟบอกว่าอยากเก็บเธอไว้ก่อนน่ะ ไม่อย่างนั้นฉันคงใช้เพลิงสุริยันเผามารตนนี้ไปแล้ว” พัคแทยังตอบอย่างเย็นชา เขาเกลียดชังเผ่ามารเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ที่ยังไม่ทำอะไรเพราะเพื่อนของเขาขอไว้
“หมอนั่นจะเก็บยัยนี่ไว้ทำไม อย่าบอกนะว่าจะเก็บไว้ทำเรื่องอย่างว่าน่ะ!” ซายะเอ่ยเสียงเย็น
“ไม่นะ อย่าปล่อยข้าไว้กับเจ้าบ้านั่นนะ แค่ดูแววตาก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนดี! แถมไร้ยางอายสุดๆ!” วาเนสซ่าที่ได้ยินคำกล่าวของพัคแทยังรีบพูดอย่างร้อนรน เธอไม่อยากตกไปอยู่ในมือของสัตว์ประหลาดนั่น
“ถึงเขาจะไม่ใช่คนดี แต่ก็ไม่ใช่คนเลว คนที่ดูดเลือดคนไปทั่วอย่างเธอกล้าว่าเขาเหรอ” เรเชลขมวดคิ้ว
“ข้าว่าแล้วจะทำไม? หรือเจ้าไม่เคยโดนเอาเปรียบหรือเจอเรื่องน่าอายจากเจ้าบ้านั่นรึไง?” วาเนสซ่าประชด
“นั่นมัน...” เรเชลกำลังจะเถียงว่าไม่เคยมัเรื่องแบบนั้นแต่สมองเจ้าตัวดันนึกถึงความทรงจำบนภูเขาอสูรหลังโรงเรียนที่ทำให้เธอเห็นร่างเปลือยแกร่งของชายหนุ่มผมเทาที่ถูกความร้อนของสายฟ้าแผดเผาเสื้อผ้าจนสบายไปหมดหลังจากที่’ยืม’ดาบเรเปียร์ของเธอไปล่อสายฟ้าสวรรค์
“มะ ไม่เค๊ยยย” เรเชลปฏิเสธเสียงหลง หน้าของเธอแดงก่ำขัดกับการปฏิเสธทำให้ซายะและเฟยฮวาขมวดคิ้วอย่างสงสัยแต่พวกเธอก็เลือกที่จะเก็บความสงสัยนี้เอาไว้ก่อน เพราะมีเรื่องสำคัญกว่าให้คิด นั่นคือความปลอดภัยของราฟ
“อาจารย์นี่สุดยอดไปเลย มีสาวๆรายล้อมตั้งเยอะ! ข้าจะเป็นอย่างเขาได้มั้ยนะ” หลิวหยางที่ยืนอยู่ใกล้ๆพูดอย่างคาดหวัง
“...” เคียวยะ
“คุณราฟ...” วิเวียนเงยหน้ามองบนฟ้าแล้วอธิษฐานในใจขอให้ราฟปลอดภัย
“วัยรุ่นนี่ดีจังเลยน้า” แอนนาพูดขณะมองนักเรียนของเธอหยอกล้อกันไปมา
“...พวกเขากลับมาแล้ว” ผู้อำนวยการโรงเรียนเทพสงครามที่กำลังเงยหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้าพูดออกมา
“!?”
ทุกคนที่กำลังสนทนากันอยู่พากันมองขึ้นไปบนฟ้าทันที
สิ่งที่ทุกคนเห็นคือเงาดำที่กำลังพุ่งลงมาจากท้องฟ้าลงมาที่พื้นห่างจากพวกเขาไม่ไกล
ตูมมมม
“ฟู้ววว คราวนี้ไม่กลายเป็นคนไฟลุกเว้ย แต่ยังบินได้ไม่ถนัดแฮะ สงสัยต้องไปลงเรียนคอร์สการบินจากพี่ซุป ฮ่าๆๆ...อื๋อ...ไงทุกคน” ราฟหัวเราะคนเดียวก่อนจะหันไปโบกมือให้คนอื่นๆที่มองเขาขณะอ้าปากค้างมองร่างที่ชายหิ้วอยู่นิ่งไม่ไหวติง
“นั่นมันผู้อาวุโสจางนี่ เขาตายแล้วงั้นเหรอ ไม่จริง!” วาเนสซ่ากรีดร้องออกมาและมองราฟด้วยความหวาดกลัว ชายคนนี้กลับสามารถสังหารผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักมารสยบฟ้าที่เป็นมารวัชระซึ่งแข็งแกร่งและอันตรายเป็นอันดับต้นๆของแดนมารได้ ดูท่าเธอจะหาเรื่องผิดคนเข้าเสียแล้ว!