บัลลังก์โลหิต
“คงจะเป็นคนเดียวกันล่ะมั้งครับ เพราะตอนที่เจอกันล่าสุดเห็นพี่เค้าบอกว่าพลังใกล้จะถึงระดับ SS แล้ว” ราฟตอบตามความทรงจำของราฟคนก่อน ในตอนนี้เขาได้รวมเข้ากับความทรงจำของราฟคนก่อนอย่างสมบูรณ์แล้ว ทำให้เขามองครอบครัวในโลกนี้เป็นคนในครอบครัวจริงๆ จึงตอบออกไปอย่างเป็นธรรมชาติ
“อย่างนั้นก็ดีเลย เพราะนั่นหมายความว่าพวกเราคงได้เจอกันอีกเร็วๆนี้ ถ้างั้นฉันไปละ โชคดีนะทุกคน” ทีเรียโบกมือลาก่อนจะหายไปในประตูมิติ
“อืม ศพของตาแก่นี่กลายเป็นประติมากรรมเพชรที่สวยดีแฮะ ถึงท่าทางจะเป็นคนหมดอากาศหายใจตายก็เถอะ แต่เดาได้เลยว่าต้องถูกใจพวกมหาเศรษฐีแน่ๆ แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว จะได้เงินเข้ากระเป๋าเท่าไหร่น้า หุๆ” ราฟเก็บร่างเพชรของผู้อาวุโสจางเข้าไปในมิติส่วนตัวที่เขาดูดซับพลังมิติมาจากแท่งคริสตัลธาตุมิติของโลแกน แล้วเริ่มฝันหวาน
“เจ้าสารเลว เจ้าคิดจะเอาร่างของผู้อาวุโสไปทำกำไรจริงๆเหรอ หน้าไม่อาย คนตายไปแล้วเจ้ายังทำร้ายเขาอีก” วาเนสซ่าที่เริ่มมีแรงกลับมาโวยวายใส่ราฟ
“เหอะ อีกแล้วนะยัยมารนี่ จากข้อมูลที่ได้ยินมาพวกมารอย่างเธอก็เอาศพของมนุษย์มาทำเป็นเครื่องประดับเหมือนกันนี่” เรเชลแค่นเสียง
“นั่นมัน…” วาเนสซ่าเถียงไม่ออก เพราะเธอเคยเห็นห้องอาจารย์ของเธอวางร่างของวีรชนของมนุษย์อย่างผู้พิทักษ์ระดับ SSS ที่เขาเคยสังหารได้มาสต๊าฟไส้เพื่อแสดงความเก่งกาจของเขาเหมือนกัน
“เห็นมั้ยล่ะ มันก็ไม่ต่างกันหรอก” เรเชลยิ้มหยันขณะมองหน้าอกของวาเนสซ่า
‘ยะ ใหญ่เกินไปแล้ว’ เธอคิดในใจพลางก้มลงมองหน้าอกของตัวเอง กันจะพยักหน้าให้กำลังใจตัวเอง
‘ของเราก็ไม่ใช่เล่นๆนี่นา’
“คิดอะไรของเธออยู่อ่ะ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว” ราฟก้มหน้าถามหญิงสาวอย่างสงสัย
“มะ ไม่มีอะไร” เรเชลหันหน้าหนี
“เอาล่ะ ถ้างั้นพวกเราก็กลับกันเถอะ แล้วเธอจะจับมารสาวตนนี้กลับไปด้วยใช่มั้ย เธอคงรู้สินะว่าพวกจักรพรรดิมารไม่อยู่เฉยแน่ เพราะเธอเป็นถึงศิษย์อนาคตไกลของสำนักมารสยบฟ้า” แอนนาถามย้ำ
“ครับ ถ้าพวกเขามาผมจะจัดการเอง ไม่ต้องเป็นห่วง” ราฟพยักหน้า
“ถ้างั้นก็ดี เรากลับกันเถอะ ยานของฉันมีห้องฟื้นฟูความเหนื่อยล้ารุ่นใหม่ล่าสุดอยู่ พวกเธอลองเข้าไปใช้ดู มันดีกว่าใช้ประตูมิติไปที่ห้องพยาบาลของโรงเรียนแน่นอน นี่เป็นเหตุผลที่ฉันไม่พาพวกเธอกลับโรงเรียนทันที” แอนนาพูดก่อนจะเดินนำไปขึ้นยานรบที่เป็นของเธอ มันเป็นยานประจำตำแหน่งของผู้พิทักษ์ระดับ SSS
“โห มีห้องแบบนี้ด้วยเหรอ อยากได้บ้างจัง” ราฟพูดออกมาอย่างตื่นเต้น คนอื่นๆก็มีสีหน้าแบบเดียวกัน
“หือ?” ในขณะที่พวกราฟขึ้นยานกันหมดและประตูยานกำลังจะปิดนั้น ราฟก็ได้ยินเสียงของหญิงสาวดังขึ้นมาก่อน
“ระ รอด้วยยยยย แฮ่กๆๆ” เสียงนั้นดังออกมาจากนกนางแอ่นตัวหนึ่งที่บินมาหาพวกเขาและกำลังใช้กรงเล็บจิกถุงผ้าที่เหมือนมีตัวอะไรดิ้นอยู่ในนั้นมาด้วย
“นั่นมันผู้หญิงคนนั้นนี่” ราฟที่ใช้ดวงตาเทวะที่ได้จากพัคแทยังมองเห็นตัวตนที่แท้จริงของนกนางแอ่นตัวนั้นพูดออกมาพร้อมกับนึกขึ้นได้ว่าเขาเคยชิงคะแนนจากเธอมาก่อนจะส่งเธอไปไว้บนต้นไม้
“เห้ย” เมื่อนกนางแอ่นบินมาถึงยาน มันก็ร้องออกมาเสียงดังเมื่อเห็นราฟ
“นาย!”
“แหมๆ ดูจากที่เธอยังปลอดภัยดี การที่ฉันส่งเธฮไปไว้บนต้นไม้คงจะทำให้เธอรอดจากการโจมตีของอสูรมาได้สินะ ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก อิๆ” ราฟโบกมือไปมาอย่างใจกว้าง
“ขอบคุณบ้าอะไร ฉันต้องทรมานจากการโดนอายเอซิสสิงร่างเพราะนายเอาฉันไปไว้บนต้นไม้ที่อายมีอายเอซิสสิงอยู่ พอมันเจอฉันมันก็เหมือนกับเห็นร่างใหม่แล้วสิงฉันมาตลอดหลายวัน! จนถึงตอนนี้มันก็ยังเกาะติดฉันไม่ไปไหนเลยเนี่ย! ฮือๆ โครตน่าเกลียดเลยดูสิ รับผิดชอบฉันด้วย” นกนางแอ่นตะโกนใส่ราฟก่อนจะกลับคืนสู่ร่างหญิงสาวผมสีน้ำเงินที่มีดวงตาสีเขียวอ่อน แล้วเธอก็ยื่นมือออกมาให้ราฟดู ที่หลังมือของเธอมีดวงตาฝังอยู่และกำลังกลอกตาไปมาอย่างร้อนรนเพราะสัมผัสพลังที่มีระดับสูงกว่ามันได้สองคน (ราฟกับแอนนา)
“หือ น่าสนใจดีนะเจ้านี่ คุณแอนนา พอจะช่วยอะไรได้มั้ย” ราฟมองดวงตาหรืออายเอซิสอย่างสนใจแล้วหันไปถามแอนนา
“ฉันไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านอสูรปรสิต ถ้ามันคืออายเอซิสจริงๆดูท่านักเรียนจากอาเธน่าคนนี้จะไม่รอดแล้วล่ะ” แอนนามองตราโรงเรียนของหญิงสาวก่อนถอนหายใจออกมา
ถึงแม้อายเอซิสจะเพิ่มพลังให้กับโฮสต์อย่างมากมายมหาศาล แต่ในระยะยาว มันจะดูดกลืนพลังชีวิตของโฮสต์จนหมด และหาโฮสต์เพื่อสิงใหม่
“แง ไม่นะ ฉันยังสาว ยังสวย แถมโสดอีก ฉันจะตายตอนนี้ไม่ได้ นายต้องช่วยฉันนะ เพราะฉันรู้สึกได้ว่าเจ้านี่มันพยายามหลบหนีให้พ้นจากตัวนายอยู่ ถึงจะไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรก็เถอะ แต่นายต้องทำอะไรได้บ้างแน่ๆ”
“ถ้าเธอไม่อยากโสดก่อนตายฉันจะเป็นแฟนให้เธอก่อนและอยู่กับเธอจนหมดลมหายใจสุดท้ายก็ได้นะ”
“…” หญิงสาวมองราฟราวกับมองคนบ้าคนหนึ่ง
“แค่กๆ ไม่ขำหน่อยเหรอ ฉันแค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง เอามือมา ฉันจะลองอะไรหน่อย” ราฟกระแอม
“อือ” หญิงสาวยื่นมือข้างที่อายเอซิสอยู่มาให้เขาจับ
“ดูดกลืน” สิ้นเสียงของราฟ ดวงตาบนหลังมือของหญิงสาวก็เบิกกว้าง ก่อนที่มันจะขยับส่วนที่คล้ายกับปากที่มีฟันแหลมคมออกมา
กี๊สสสส
หลังจากโดนราฟดูดกลืนพลังของมัน อายเอซิสก็คลายตัวออกจากการสิงร่างของหญิงสาวแล้วเตรียมมุดลงดินหนี แต่ราฟก็จับมันไว้และบีบร่างของมันจนเละทันที ก่อนจะยื่นมันให้พัคแทยังใช้ปราณสุริยันเผา เพราะเขาต้องการเก็บความลับที่สามารถใช้พลังแสงได้อยู่
“ขะ ขอบใจ” หญิงสาวพูดเสียงเบาก่อนจะล้มตัวลงในอ้อมแขนของราฟที่เข้าไปรับไว้
“เฮ้” ราฟเขย่าร่างของหญิงสาว
“ดูเหมือนเธอสลบไปเพราะความเหนื่อย พาเธอไปพักบนยานเถอะ ฉันไปจะติดต่อยัยผมเงินว่าเจอนักเรียนของเธออีกคน ส่วนพวกเธอ…บนยานมีห้องตั้งหลายห้อง พวกเธอเลือกกันตามสบาย แล้วค่อยไปใช้ห้องฟื้นฟู ว่าแต่คงจะไม่มีเรื่องอะไรอีกแล้วใช่มั้ย วันนี้ช่างหนักหนาสำหรับพวกเธอจริงๆ ฮะๆ” แอนนาพูดก่อนจะกดปิดประตูยาน แล้วสั่งให้เอไอบนยานเดินเครื่องแล้วเดินทางกลับสู่โรงเรียนไอรีนทันที
ครืนนน
ฟุบบบ
หลังจากที่ยานรบจากไปได้สักพัก เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“ไปกันได้ซะที…” เสียงนั้นดังออกมาจากบัลลังก์โลหิต ก่อนจะมีไอเลือดลอยออกมาจากบัลลังค์ที่ว่างเปล่านั้น