ตระกูลเทียน
[เมืองเทียนหลง]
เมืองเทียนหลง(มังกรฟ้า)นั้นเรียกได้ว่าเป็นเมืองที่มีพื้นที่และประชากรมากที่สุดในบรรดาเมืองทั้งหมดที่อยู่ในอาณาเขตของมนุษย์ ผังเมืองของที่นี่ถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบคล้ายรูปกระจกแปดทิศแบบจีน
สาเหตุที่มันถูกวางผังเมืองแบบนี้นั้นเป็นเพราะผู้ก่อตั้งเมืองนี้คือผู้นำตระกูลเทียนคนแรกที่มีความเชื่อว่ากระจกแปดทิศนั้นจะสามารถขับไล่ความขั่วร้ายไปได้
ต่อมาเมื่อวิทยาการของแดนมนุษย์ก้าวหน้าขึ้น เมืองเทียนหลงแห่งนี้ก็ได้ติดตั้งค่ายกลที่ทรงพลังไว้ป้องกันเมืองอย่าง ‘ค่ายกลแปดทิศ’ ที่จะทำให้ศัตรูที่คิดจะบุกเมืองถูกคลื่นพลังของค่ายกลที่สามารถรบกวนการใช้พลังหรือการโคจรปราณทำให้พวกเขาไม่สามารถต่อสู้ได้ และถูกคนของตระกูลเทียนสังหารในที่สุด
แม้ว่าตระกูลเทียนจะไม่ได้เป็นผู้ปกครองเมืองเทียนหลงแห่งนี้แล้วหลังจากที่ประชาชนของแดนมนุษย์ลงความเห็นว่าต้องการมอบอำนาจการบริหารให้แก่สมาคมผู้พิทักษ์ แต่ตระกูลเทียนก็ยังคงมีอิทธิพลและความเคารพจากประชาชนภายในเมืองแห่งนี้อยู่เพราะเรื่องราวความกล้าหาญของผู้นำตระกูลรุ่นแรกที่ได้ทำการปกป้องดินแดนมนุษย์ไว้จากเหล่าอสูรร้ายเมื่อหลายพันปีก่อน
[ตำหนักนภาคราม]
สถานที่แห่งนี้คือที่อยู่อาศัยของผู้คนในตระกูลเทียน ที่มีทั้งคนที่สืบเชื้อสายโดยตรงของผู้นำตระกูลรุ่นแรกที่มีจำนวนหลายร้อยชีวิต รวมถึงเหล่าพนักงานบริการที่คอยอำนวยความสะดวกให้แก่คนในตระกูลนี้อีกนับพัน
[ห้องของผู้นำตระกูลเทียน เทียนเฉิน]
เพล้งงง!!!
“ว่ายังไงนะ!? หงน้อยของข้าถูกสมาคมผู้พิทักษ์จับตัวไปงั้นเรอะ!?” ชายกลางคนผู้มีใบหน้าดุดันหรือเทียนเฉินคำรามออกมาอย่างโกรธเกรี้ยวหลังจากที่ปาถ้วยชาทองคำใส่หัวของเลขาคนสนิทที่เป็นชายหนุ่มที่ยังคงสีหน้าที่สงบนิ่งแม้จะถูกปาถ้วยชาใส่จนน้ำชาไหลชโลมหัวลงมาพร้อมกับเลือดของเขาก็ตาม
“ใช่ครับ คุณชายหงถูกนักเรียนโรงเรียนไอรีนที่ชื่อเซราฟ ดาร์เซียที่เป็นผู้ชนะรายการเอาชีวิตรอดปีนี้จัดการตอนไปสั่งสอนหญิงสาวที่ไม่ยอมเป็นของเล่นของเขาครับ” ชายหนุ่มรายงานด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“แล้วเจ้าแก่หยามันมัวทำอะไรอยู่ ทำไมมันไม่ข่วยลูกของข้ากัน!?”
“คุณหยาเขาก็ถูกนักเรียนคนนั้นจัดการเหมือนกันครับ”
“หืม เป็นแค่นักเรียนผู้พิทักษ์แต่กลับสามารถจัดการผู้พิทักษ์ระดับ SS สองคนได้งั้นรึ?” เทียนเฉินเอามือกุมคางพลางครุ่นคิดก่อนจะถามเลขาของเขาต่อว่า
“แล้วพวกเขาถูกเจ้าเด็กนั่นจัดการยังไง?”
ชายหนุ่มผู้เป็นเลขาของเทียนเฉินหยิบมือถือขึ้นมาแล้วฉายภาพโฮโลแกรมให้เขาดู
“!?” เทียนเฉินมองภาพในจอด้วยดวงตาที่เบิกกว้างพร้อมกับร่างกายที่สั่นเทา ก่อนที่ดวงตาของเขาจะแดงก่ำ และใบหน้าเต็มไปด้วยเส้นเลือดจากความโกรธ
“อ๊ากกก!!!! ไอ้เดรัจฉานชาติชั่ว มันกล้าทำให้ลูกขายข้าตกอยู่ในสภาพนี้! มันต้องตาย! ตระกูลของมันก็ต้องถูกลบออกไปให้หมด ออกคำสั่งออกไป ให้ขุนพลสวรรค์ทั้ง 8 ไปจับตัวคนในตระกูลของมันอย่างเงียบๆ แล้วให้จอมพลเจี้ยนลากคอมันมาดูครอบครัวของมันถูกข้าตัดหัว จากนั้นก็ฆ่ามันซะ!” เทียนเฉินออกคำสั่งอย่างเด็ดขาดด้วยน้ำเสียงจริงจังขณะปลดปล่อยแรงกดดันของผู้ใช้พลังระดับ SSS ออกมาจนมันกลายเป็นมังกรทองยักษ์แล้วพุ่งทะลุเพดานตำหนักขึ้นไปบนท้องนภา แรงกดดันของมันทรงพลังมาเสียจนทำให้ตำหนักนภาครามแห่งนี้ถึงกับสั่นสะเทียน และยังทำให้ผู้คนในเมืองเทียนหลงสัมผัสได้ถึงแรงกดดันนี้จนเกือบสลบลงไป แต่มันก็คงอยู่ได้ไม่นานเพราะเทียนเฉินสงบสติอารมณ์ได้ไวสมกับเป็นผู้นำของตระกูลอันดับหนึ่ง ก่อนที่เขาจะสั่งการชายหนุ่มอีกครั้งว่า
“ติดต่ออุโรโบรอสแล้วจ้างให้พวกเขาบุกชิงตัวหงน้อยออกมาอย่างเงียบๆแล้วส่งไปเก็บตัวอยู่ที่แดนปีศาจก่อนด้วยล่ะ ขืนปล่อยไว้อย่างนั้นเขาได้ถูกประหารแน่”
“ครับ!” ชายหนุ่มโค้งคัวรับคำสั่งก่อนจะเดินออกจากห้องของเทียนเฉินไป
เมื่อชายหนุ่มจากไปเทียนเฉินก็แสยะยิ้มเหี้ยมแล้วกล่าวว่า
“เป็นแค่คนที่ชนะการแข่งขันเอาชีวิตรอดของเด็กน้อยแต่กล้าล่วงเกินตระกูลเทียนของข้างั้นเรอะ ต่อให้เจ้ามีอีกกี่ชีวิตก็ไม่มีทางรอดจากมือข้าได้หรอกเจ้าเดรัจฉานน้อย!”
“พ่อคะ! หนูได้ยินมาว่าพี่หงถูกจับไป ใครมันกล้าทำแบบนั้นกัน ทั้งที่พี่เขาเป็นคนที่จิตใจดีแท้ๆ แล้วเรื่องนี้ใช่มั้ยที่ทำให้พ่อโกรธจนปล่อยเจตจิตเทวะมังกรออกมาน่ะ?” เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นมา เมื่อเทียนเฉินหันไปมองก็เผยรอยยิ้มอ่อนโยนออกมา แล้วเอ่ยว่า
“เจินน้อย! พ่อแค่หงุดหงิดนิดหน่อยน่ะ ไม่ต้องห่วงเรื่องของพี่เขาหรอก พ่อส่งคนไปจัดการแล้ว ยังไงก็เถอะ ลูกเบื่อการล่าอสูรแล้วรึ ถึงกลับมาหาพ่อได้น่ะหืม?” ชายกลางเดินเข้าไปสวมกอดร่างบางที่เจ็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างหนักแล้วลูบหัวของบุตรสาวของเขาอย่างรักใคร่
“ฮึ ก็พ่อไม่ให้หนูลงรายการเอาชีวิตรอดนี่นา ทั้งที่รู้ว่าหนูอยากสู้กับคนเก่งๆแท้ๆ ไม่งั้นจะฝึกวิชาเซียนของตระกูลไปทำไมกัน” เทียนซูเจินผละตัวออกจากพ่อของเธอพร้อมกับทำหน้ามุ่ยอย่างไม่พอใจแต่มันกลับน่ารักในสายตาคนเป็นพ่ออย่างเทียนเฉินเสียจริง
“แค่กๆ นั่นมันเป็นเพราะการแข่งนี้มันสามารถฆ่ากันได้เลยนะ พ่อกังวลว่าลูกจะบาดเจ็บนี่นา แล้วพอได้ฟังผลการแข่งก็มีคนรอดแค่ไม่กี่คนเอง แถมโรงเรียนวีนัสของลูกก็ไม่มีใครที่รอดสักคน ดีแล้วล่ะที่ลูกไม่ไปแข่งด้วยน่ะ” เทียนเฉินปลอบหญิงสาว
“ฮึ ช่างเถอะ หนูไม่สนเรื่องนั้นแล้วล่ะค่ะ ที่หนูมานี่ก็เพราะว่าจะขอออกไปที่เมืองไอรีนหน่อย”
“หืม จะไปเที่ยวที่นั่นเหรอ ถ้างั้นก็ระวังตัวด้วยล่ะ ว่าแต่ลูกจะไปเที่ยวที่ไหนของเมืองเหรอ?” เทียนเฉินถามพลางหยิบถ้วยชาจากแหวนมิติมารินชาใหม่แล้วยกขึ้นดื่ม
“หนูอยากไปหาคนชื่อเซราฟ ดาร์เซีย!”
พรวดดด!
เทียนเฉินที่ได้ฟังคำตอบของลูกสาวถึงกับสำลักแล้วพ่นชาออกมาจนมันหกเลอะพื้น
‘ไม่ใช่ว่ามันคือคนที่เราพึ่งสั่งเก็บไปเมื่อกี้งั้นเรอะ’ เทียนเฉินคิดในใจก่อนจะถามเทียนซูเจินว่า
“ลูกจะไปตามหาเขาทำไม?”
“หนูจะไปท้าประลองกับเขาให้รู้กันไปเลยว่าใครเก่งกว่ากัน! ถ้าขนะเขาได้ก็แสดงว่าหนูชนะการแข่งขันเอาชีวิตรอดแม้ว่าจะไม่ได้ลงแข่งด้วยไงล่ะคะ ฮิๆ” เทียนซูเจินเชิดหน้ายิ้มกว้างพร้อมกับตบอกด้วยท่าทางมั่นใจ
“...” เทียนเฉิน