ตอนที่แล้วมายาแยกเงา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปใครปิดไฟวะ?

ตรวจสอบ


หนึ่งคนหนึ่งตำหนักทะยานขึ้นฟ้าด้วยความเร็วสูงราวกับจรวดที่พุ่งสู่อวกาศ ในเวลาไม่กี่วินาที ทั้งราฟและตำหนักก็ใกล้จะออกนอกโลก ทันใดนั้นเองเจ้าตัวก็โพล่งขึ้นมาว่า

“ชิบหาย! ลืมบอกให้ลุงโลแกนเปิดม่านบาเรียให้! ถ้าตำหนักนี่ชนกับบาเรียมีหวังระเบิดก่อนแน่! อ๊ากกก ต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง” ราฟที่พึ่งนึกเรื่องนี้ขึ้นได้แหกปากร้องโวยวายดังลั่นจนเกิดลมพายุออกจากปากที่ทำให้การเคลื่อนที่ของเขาเร็วขึ้นไปอีก

“...”

“มะแหม ไหนๆก็ลอยขึ้นมาไกลจากพื้นโลกเยอะแล้ว คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง หรือถ้าจะเป็นก็คงเกิดความเสียหายน้อยแหละ เน้อ...ซะที่ไหนล่ะว้อยยย!” หลังจากสบถออกมาราฟก็ปล่อยมือออกจากตำหนัก แล้วลอยขึ้นไปด้านบนเพื่อเตรียมยันไม่ให้ตำหนักลอยขึ้นไปชนกับบาเรีย แต่ด้วยความที่ตำหนักถูกลมพายุดันเสริมทำให้มันลอยขึ้นไปเร็วเกินกว่าที่ราฟคิดไว้แล้วชนกับบาเรียทันที

“ไม่นะ!” ราฟที่เห็นว่าไม่สามารถป้องกันได้ก็เร่งใช้ออกด้วยปราณอวกาศสร้างแท่นอากาศบางขนาดกระจกสีดำทะมึนที่มีความสามารถแบบบาเรียซูพริลให้มีขนาดใหญ่ที่สุดเพื่อกันไม่ให้แรงระเบิดและเศษชิ้นส่วนของตำหนักตกใส่ชาวเมือง

“เอาไว้ค่อยโทรให้พวกสมาคมมาช่วยทีหลังละกัน” กล่าวจบราฟก็มองตำหนักที่ชนเข้ากับบาเรีย

ซูมมม

วูบบบ

ซูมมม

“...” ราฟที่เห็นภาพตรงหน้าถึงกับพูดอะไรไม่ออก

“อาเร๊ะ” ราฟรีบบินตามไปรับตำหนักที่ลอยค้างอยู่บนอวกาศก่อนจะพูดกับตัวเองว่า

“ทำไมมันถึงผ่านบาเรียไปเฉยเลยล่ะ อ้อ เพราะปราณของเราก็มาจากบาเรียด้วยนี่เนอะ คลื่นแบบเดียวกันก็เลยผ่านไปได้อย่างไม่ติดขัด ลัคกี้!” ราฟยิ้มกว้างก่อนจะถอนหายใจออกมา

“เห้อ โชคดีไป” ชายหนุ่มสลายพลังที่สร้างขึ้นก่อนจะดันตำหนักให้ลอยห่างจากโลกไปอีกหลายร้อยกิโลเมตร

“เวลาเหลืออีก 1 นาทีงั้นเหรอ” ราฟมองเวลาในมือถือจากนั้นเขาก็ใช้เนตรสีทองมองเข้าไปภายในตำหนักอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ว่า

“ฮี่ ได้เวลาสนุกแล้วสิ” กล่าวจบชายหนุ่มก็เทเลพอร์ตตัวเองเข้าไปในตำหนัก จากนั้นทุกสิ่งรอบตัวของเขาก็เริ่มช้าลงจากการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วแสง

.

.

.

.

.

.

เหตุการณ์ตำหนักลอยฟ้าในเมืองนภาครามได้ทำให้ผู้คนที่อาศัยอยู่นอกเมืองให้ความสนใจจนสมาคมผู้พิทักษ์ต้องส่งเจ้าหน้าที่สองคนที่ติดตรารูปนกพิราบบินสีขาวไว้ตรงอกซ้ายเข้ามาตรวจสอบ หลังจากที่ทั้งคู่ตรวจสภาพร่างกายของชาวเมืองที่ผ่านไปเห็นเสร็จ หนึ่งในนั้นก็พูดด้วยความงุนงงออกมาว่า

“นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกัน ทำไมผู้คนในเมืองนี้ถึงหลับกันหมดเลยล่ะ” หนึ่งในเจ้าหน้าที่ที่มาตรวจสอบพูดขึ้นหลังจากเดินออกมาจากประตูมิติและเห็นผู้คนในเมืองหลับกันจนหมด

“มิราจ ใช้พลังของนายตรวจสอบทีสิ” หนึ่งในเจ้าหน้าที่ที่เป็นหญิงสาวสวมแว่นกันแดดหันมาพูดกับเจ้าหน้าที่หนุ่มที่มาด้วยกัน

“อืม” ชายที่ถูกเรียกว่ามิราจรับคำหญิงสาวก่อนจะกางมือทั้งสองข้างแตะลงบนพื้นจากนั้นก็เอ่ยออกมาว่า

“เขตแดนมายา...ภาพเสมือนทวนกระแส”

หลังจากที่มิราจพูดจบก็ปรากฏคลื่นพลังงานวงกลมแผ่ออกมาจากจุดที่ชายหนุ่มอยู่ คลื่นนี้ได้ขยายออกไปไกลกว่า 200 เมตร ก่อนจะมีภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ปรากฏขึ้นมาให้ทั้งคู่เห็น

สิ่งที่เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนเห็นคือภาพของชาวเมืองเทียนหลงที่กำลังใช้ชีวิตประจำวันกันอย่างสงบสุขแต่อยู่ๆพวกเขาก็พากันล้มลงไปอย่างไม่รู้สาเหตุ

“พวกเขาถูกบางสิ่งทำให้สลบงั้นเหรอ แต่ทำไมฉันมองไม่เห็นอะไรเลยล่ะ” หญิงสาวสวมแว่นกันแดดขมวดคิ้ว

“แถมไม่มีปัญหาเรื่องผู้บาดเจ็บเลยด้วย เหมือนกับว่าอยู่ๆพวกเขาก็รู้สึกง่วงนอนแล้วนอนตรงนั้นเลย รถที่ขับอยู่ก็พากันจอดหลับกันหมด” หญิงสาววิเคราะห์ต่อ

“ตัดเรื่องผู้ใช้พลังออกไปได้เลย เมืองนี้มีค่ายกลที่ไม่สามารถใช้พลังได้เว้นแต่พวกตระกูลเทียนและพวกเราที่ได้รับแหวนวารีพิสุทธิ์ไว้ใช้ตรวจสอบเมืองนี้เวลาเกิดปัญหา ฉันว่าสิ่งที่ทำให้ชาวเมืองเป็นแบบนี้อาจเป็นอาวุธชีวภาพรูปแบบกระจายตัวในอากาศ เพราะดูเหมือนชาวเมืองจะสัมผัสอะไรไม่ได้ก่อนที่จะสลบไป” มิราจพูดจบก็ถอนมือออกจากพื้นแล้วลุกขึ้นยืน ก่อนที่เจ้าหน้าที่หนุ่มจะมองไปยังจุดศูนย์กลางของเมืองเทียนหลงที่ตอนนี้พื้นที่แห่งนั้นกลายเป็นหลุมยักษ์

“ถึงจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ทิศทางการล้มลงของชาวเมืองมันไปทางตำหนักนภาคราม ที่นั่นมีข้อมูลที่เราตามหาก็ได้”

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปกันเถอะ จะได้รีบตรวจสอบแล้วส่งข้อมูลกลับไปให้สมาคมจัดการต่อ” เมื่อได้ฟังในสิ่งที่คู่หูของเธอบอก หญิงสาวก็ทะยานร่างออกไปราวกับสายลม

“แต่คนที่ทำเรื่องแบบนี้ได้ต้องอันตร...ยัยนี่! จะมุทะลุเกินไปแล้ว!” มิราจที่เห็นคู่หูพุ่งตัวออกไปบ่นออกมาก่อนจะใช้ท่าร่างทะยานตามไป

“นี่ยัยโรส ทะเล่อทะล่าเข้ามาเขตของตระกูลเทียนแบบนี้เดี๋ยวก็โดนแปดขุนพลจัดการหรอก!” มิราจที่เพิ่งเดินทางมาถึงเขตตำหนักนภาครามเห็นหญิงสาวที่นำหน้ามาก่อนยืนนิ่งอยู่ก็บ่นใส่เธอยกใหญ่

“ฉันว่าพวกเขาคงไม่มาจัดการฉันหรอก” หญิงสาวสวมแว่นกันเอ่ยเสียงเครียดพลางชี้นิ้วไปยังจุดที่ชายสวมแว่นคนหนึ่งกำลังกดมือถืออยู่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“หือ เธอพูดเรื่องอะ...นั่นมันอินทรีไร้ใจซุนหรงที่เป็นมือขวาของเทียนเฉินนี่...เห้ย! นี่ฉันตาไม่ฝาดไปใช่มั้ย? คนที่นอนอยู่ข้างๆเขาคือเทียนเฉินกับแปดขุนพลงั้นเหรอ! อย่าบอกนะว่าเขาเป็นคนทำทั้งหมดนี่น่ะ!”

“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงงั้นเขาก็คือคนที่ทำให้เมืองเทียนหลงเป็นแบบนี้ด้วย! นายรีบติดต่อขอกำลังเสริมจากนอกเมืองซะ บอกเขาว่าเราเจอตัวคนทำแล้ว” โรสกล่าวเสียงจริงจังขณะเรียกกริชคู่ที่ด้ามจับสลักลายผีเสื้อสีทองออกมาจากแหวนมิติแล้วตั้งการ์ดเตรียมไว้ ถึงแม้ในใจลึกๆเธอจะรู้ตัวว่าไม่อาจสู้กับคนที่ทำเรื่องแบบนี้ได้ก็ตาม

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด