คุณหนูและเสือสาว
[ห้องของพัคแทยัง]
พัคแทยังลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่นของแดดและสายลมยามเช้า ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้น
เขาก้มหน้ามองร่างบางที่นอนกอดและกำลังมองเขาตาแป๋ว
“ตอนนี้นายเป็นของฉันแล้วนะ”
“...” พัคแทยังพูดไม่ออก เขาถอนหายใจก่อนจะใช้สองมือจับไหล่เธอขึ้นแล้วดันออกไปเบาๆ ในที่สุดแรงเขาก็กลับมาเสียที
“เฮ้ นายผลักว่าที่ภรรยาของนายได้ยังไงกันอ่ะ ไม่รู้แหละ ฉันเป็นของนายแล้ว ต่อไปนี้เราเป็นแฟนกันแล้วนะ ฮิๆ” ชเวซูจีเอ่ยขึ้นอย่างมีความสุข เธอลุกขึ้นกระโดดบนเตียงของพัคแทยังในชุดเมดจนบางสิ่งที่โดดเด่นเด้งขึ้นลงตามแรงกระโดดของเธอจนพัคแทยังที่เห็นถึงกับหน้าแดงก่ำและเอามือปิดจมูกที่เริ่มร้อนไว้
“หยุดกระโดดได้แล้วซูจี! และเรื่องของเรามันก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง!” พัคแทยังพูดเสียงแข็ง แต่เขาก็ทำอะไรไม่ถูกเพราะเห็นสีหน้าของชเวซูจีที่เริ่มมีน้ำตาคลอออกมา
“นะ นายได้ฉันแล้วแต่จะไม่รับผิดชอบฉันงั้นเหรอ”
“นั่นมัน...”
ตูมมม!
พัคแทยังกำลังจะอธิบายแต่ประตูของเขาก็ถูกทำลายลงเสียก่อน
“เสวี่ยฉีคนสวย อย่าใจร้อนเซ่ ดีนะที่ฉันสร้างภาพมายาไว้ทำให้ไม่มีใครเห็นเรื่องเมื่อกี้อ่ะ จุ๊ๆๆ นายนี่รสนิยมไม่เลวนี่หว่าเพื่อนรัก ชุดเมดงั้นเหรอ ? เวรี่กู้ด เอาไว้วันหลังพาฉันไปหาซื้อบ้างนะ หุๆ” เสียงของราฟดังขึ้นทำให้พัคแทยังกับชเวซูจีหันไปมองผู้มาใหม่ที่อยุ่หลังประตูที่พึ่งถูกหมัดแห่งทิวาทำลายเมื่อสักครู่
“ขออภัยค่ะท่านร...ราฟ ข้าแค่โมโหไปหน่อย” เสียงของหญิงสาวที่คุ้นหูของพัคแทยังดังขึ้น และมันทำให้ชายหนุ่มเหงื่อไหลราวกับสายน้ำทันที
‘ซวยแล้ว’
“ช่างเถอะ เดี๋ยวฉันใช้เงินที่ลุงให้มาชดใช้ค่าซ่อมให้ละกัน นี่เป็นเรื่องของพวกเธอ ฉันจะไม่ยุ่ง ว่าแต่พัคแทยัง เมื่อคืนนายทำอะไรกับคุณหนูตระกูลชเวงั้นเหรอ ได้ยินว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นด้วยนี่?” ราฟที่พึ่งใช้ความเร็วแสงกับพิษที่มีความสามารถในการเชื่อมต่อวัตถุซ่อมแซมประตูแก้ขัดเสร็จเดินเข้ามาพิงผนังในห้องแล้วถามพัคแทยังอย่างสงสัย
“ใช่แล้วพัคน้อย มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นระหว่างเจ้ากับนางงั้นเหรอ?” ไป๋เสวี่ยฉียิ้มหวานให้ชายหนุ่มตาทอง แต่ดวงตากลับไม่ได้ยิ้มตามด้วย
“คะ คือเรื่องมันเป็นอย่างนี...” พัคแทยังกำลังจะอธิบาย แต่ชเวซูจีก็พูดขึ้นมาก่อนว่า
“ก็ตามที่พวกพี่สาวได้ยินนั่นแหละ ฉันเป็นของเขาแล้ว!” หญิงสาวเชิดหน้ามองไป๋เสวี่ยฉีอย่างผู้ชนะ จนทำให้หญิงสาวผมขาวกัดฟันกรอด แต่เธอก็ยังเลือกไม่สนใจและรอฟังจากปากของพัคแทยังก่อน
“นายไม่รู้จะอธิบายยังไงงั้นเหรอ งั้นให้ฉันช่วยนะ” ราฟที่เห็นสีหน้าเจ็มไปด้วยความกังวลใจของสหายก็เดินเข้าไปหาพัคแทยังแล้วยื่นมือไปที่หน้าผากของเพื่อนของเขา ก่อนจะเตือนว่า
“เจ็บนิดนึงนะ”
“ฉันไม่รู้ว่านายจะทำอะไร แต่ถ้าช่วยคลี่คลายสถานการณ์นี้ได้ล่ะก็ ถึงจะเจ็บแค่ไหนฉันก็ยอม” พัคแทยังพูดด้วยความเชื่อใจในตัวของสหายตรงหน้า
“แค่ขอเลือดนิดหน่อยเองน่า จริงๆมันเอาจากมือก็ได้ แต่มันจะใช้เวลานานน่ะ เริ่มล่ะนะ...สำนึกโลหิต!” ราฟกรีดหน้าผากของพัคแทยังเล็กน้อยแล้วเรียกใช้วิชาของลิลิธ ก่อนจะส่งมันให้กับไป๋เสวี่ยฉีและโมจิที่ยืนหลบอยู่มุมห้องเงียบๆเพราะกลัวว่าท่านแม่ของเขาจะอาละวาดเรื่องที่นายท่านมีหญิงอื่นเลยหลบไว้ก่อน
“...คิกๆ เรื่องมันเป็นอย่างนี้นี่เอง ข้าคิดไว้แล้วว่าพัคน้อยไม่มีวันทำแบบนั้นได้หรอกเพราะแค่โดนข้ากอดซุกหน้าอกยังเลือดกำเดาไหลจนสลบเลยนี่” ไป๋เสวี่ยฉีที่รับรู้ความทรงจำของพัคแทยังจากราฟหัวเราะออกมาเบาๆ
“ซะ ซุกหน้าอก!?” ชเวซูจีพึมพำด้วยสีหน้าเหม่อลอย
ไป๋เสวี่ยฉียิ้มบางๆ ก่อนจะมองชเวซูจีแล้วพูดขึ้นว่า
“...และหากเจ้าคิดว่าแค่กอดกับพัคน้อยมันจะทำให้กลายเป็นว่าที่ภรรยาของเขา งั้นข้าที่เคยอาศัยอยู่ร่วมกันกับเขาทั้งวันทั้งคืนก็คงเป็นภรรยาเขาแล้วล่ะ”
‘อัยย่ะ พูดได้ดีเลยนะเนี่ย ว่าแต่ไอ้ที่บอกว่าเคยอยู่ด้วยกันนั่นมันตอนตามเจ้าแทยังมาอยู่ดูฉันกับลุงจัดการบาเรียกันไม่ใช่เหรอวะ? แต่ช่างเถอะ เหมือนดูซีรีส์ที่นางเอกจีนปะทะกับนางเอกเกาหลีแย่งพระเอกกันดี หนุกๆ ฮ่าๆๆ’
ราฟคิดในใจก่อนเทเลพอร์ตไปซื้อป๊อบคอร์นแล้วกลับทาในเสี้ยววินาที(หยิบมาแล้ววางเงินไว้)
‘หนังดีๆต้องคู่กับป๊อบคอร์นรสคาราเมลล่ะนะ หุๆ’ ราฟคิดในใจขณะนั่งลงข้างโมจิแล้วหยิบป๊อบคอร์นเข้าปาก ก่อนจะยื่นให้โมจิที่ทำหน้างุนงง
“กินสิ แล้วรอดูกันว่านายท่านของนายจะทำไงต่อ”
“ขะ ขอบคุณขอรับ” โมจิที่ได้กลิ่นหอมและเห็นราฟกินมันก็ยื่นมือไปหยิบป๊อบคอร์นเข้าปากก่อนทำตาโตมองราฟ
“อร่อยใช่มะ” โมจิพยักหน้ารัวๆ ก่อนจะถามราฟว่า
“แล้วท่านไม่คิดจะเข้าไปห้ามพวกเขางั้นหรือขอรับ?”
“ไม่อ่ะ ฉันแค่มาคอยดูไม่ให้แม่ของนายทำลายโรงเรียนเฉยๆ ส่วนเรื่องหัวใจของพวกเขาก็ให้จัดการกันเอง ฉันไม่เข้าไปยุ่งหรอก เอาน่าเจ้าหนู กลับไปดูซีรีส์ เอ๊ย เฝ้าระวังเหตุการณ์ตรงหน้ากันก่อนดีกว่า งั่มๆ”
“ขอรับ!”
“...ปะ เป็นไปไม่ได้ เธอโกหก!” ชเวซูจีที่ตกใจจนช็อคไปครู่หนึ่งพูดขึ้น เธอมองหน้าพัคแทยังแล้วถามออกมาว่า
“ที่ผู้หญิงคนนี้พูดมาทั้งหมดมันไม่จริงใช่มั้ย!? นายบอกว่าชอบผู้หญิงที่ชื่อเซร่านี่ แล้วเธอคนนี้เป็นใครกัน!? แถมยังซะ ซุกหน้าอกกับอยู่ร่วมกันกับเธออีก”
“เอ่อ ที่พี่เสวี่ยฉีพูดมามันก็ถูก แต่...ซูจี!” พัคแทยังกำลังจะอธิบายแต่เขาก็ต้องตกใจและรีบพุ่งเข้าไปรับตัวหญิงสาวที่สลบล้มลงพื้น
“เอาแล้วไง ฉันว่าฉันไปก่อนดีกว่า นายก็ช่วยตัวเองไปนะเพื่อนรัก ส่วนเธอก็อย่าก่อเรื่องล่ะคุณว่าที่แฟนเพื่อน ไม่งั้นฉันจับส่งกลับไปหาลุงคนเดียวจริงๆด้วย...ไปกันเถอะโปจิ ปล่อยให้พวกเขาเคลียร์กันเอง”
“ขอรับ แต่ท่านราฟ...ข้าชื่อโมจินะขอรับ”
“บ๊ะ นี่นายกล้าหือกับเฮียเหรอ”
“ปะ โปจิก็โปจิขอรับ” โมจิตอบรับพร้อมน้ำตาคลอเบ้า เขาเป็นถึงอสูรเทวะ แต่ทำไมถึงโดนเรียกชื่อที่เหมือนกับสุนัขได้ล่ะเนี่ย แถมยังปฏิเสธไม่ได้อีกเพราะกลัวขัดใจบุรุษที่แสนจะน่ากลัวคนนี้
ในตอนแรกเขามาที่นี่เพื่อมาเล่นกับนายท่าน แต่กลับเจอเหตุการณ์แบบนี้เสียก่อน จึงต้องจำใจไปกับราฟอย่างช่วยไม่ได้
โมจิโบกมือลาพัคแทยังกับไป๋เสวี่ยฉีแล้วจากไปพร้อมกับราฟ ทิ้งให้พัคแทยัง ไป๋เสวี่ยฉี และชเวซูจีที่หลับใหลอยู่ไว้ตามลำพัง