คำตอบของลิลิธ
‘เราจะไม่ยอมให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับพวกนั้นเด็ดขาด!’ ชายหนุ่มคิดจากนั้นเขาก็หันไปมองลิลิธแล้วถามว่า
“ลิลิธมีเรื่องต้องทำอีกมั้ยครับ อย่างเรื่องดูแลเขตอะไรแบบนี้ การเป็นจักรพรรดิคงงานยุ่งมากแน่ๆเลย”
“ตอนนี้ไม่มีหรอก ข้ามีหน้าที่เพียงแค่คอยปกป้องเขตของข้าจากการรุกรานของจักรพรรดิเขตอื่นและเป็นทูตเชื่อมสัมพันธไมตรี ส่วนหน้าที่บริหารเป็นของเหล่าผู้ติดตามคนสนิทของข้าน่ะ...อ้อ ข้าไม่ได้ใช้เงินภาษีของประชาชนมาเป็นเงินส่วนตัวหรอกนะ เพราะข้าชอบหาเงินมาใช้ด้วยตนเอง เพียงแค่ข้าจัดการอสูรระดับ SSS มาขายก็ได้เงินหลายพันล้านแล้ว” หญิงสาวตอบด้วยรอยยิ้มหวานที่ไม่เคยมีใครเห็นนอกจากราฟ
ในตอนที่ลิลิธขึ้นมารับตำแหน่งจักรพรรดิโลหิต หญิงสาวได้สั่งให้เหล่าขุนนางผู้ติดตามของเธอทำสัญญาคำสาปแห่งผู้ทรยศไว้ว่าหากมีใครคิดร้ายต่อเขต 2 แก่นพลังงานของพวกเขาจะถูกทำลายและสิ้นชีพในทันที
ไม่ใช่ว่าเธอไม่ไว้ใจผู้ติดตามของเธอ แต่สำหรับเขต 2 ที่เธอรับหน้าที่นี้ต่อจากจักรพรรดิโลหิตรุ่นก่อน เธอก็ไม่สามารถฝากหน้าที่สำคัญอย่างการบริหารบ้านเมืองให้กับความไว้ใจอย่างเดียวได้
และจากการที่มีคำสาปแห่งผู้ทรยศอยู่ก็ทำให้เขต 2 เป็นหนึ่งในสถานที่ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีที่สุดจากภาษีที่ถูกนำมาใช้อย่างคุ้มค่าโดยไม่มีการยักยอกไว้แม้แต่เหรียญเดียว และถึงแม้จะมีการต่อสู้ชิงตำแหน่งขุนนางอยู่บ่อยครั้งก็ตาม แต่นั่นไม่ได้กระทบต่อการบริหารเขต 2 เลยแม้แต่น้อย
“เป็นวิธีจัดการการทุจริตได้สุดยอดมากเลยครับ” ราฟที่ได้ฟังก็เอ่ยชมลิลิธขณะคิดถึงโลกเก่าของตัวเอง
‘สมาคมผู้พิทักษ์ก็เหมือนจะใช้รูปแบบการปกครองที่ใช้คำสาปแห่งผู้ทรยศมาควบคุมเจ้าหน้าที่ไม่ให้ทำเรื่องไม่ดีเหมือนกัน ช่างเป็นสัญญาที่สะดวกจริงๆ นี่ถ้ามีคำสาปแห่งผู้ทรยศอยู่ในโลกเดิมของเรา เหตุการณ์ไวรัสมรณะที่คร่าชีวิตคนในประเทศของเราไปนับล้านก็คงไม่เกิดขึ้นเพราะมีคำสาปที่คอยจัดการพวกสวะที่อ้างตัวเป็นผู้นำและคอยกัดกินภาษีของประชาชนอย่างหน้าด้านๆราวกับปรสิตอยู่’ เมื่อคิดถึงตรงนี้ชายหนุ่มก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
“ถ้าเจ้าต้องการ เมื่อเราแต่งงานกัน ข้าจะให้เจ้าเป็นจักรพรรดิโลหิตแทนข้า ดีหรือไม่” ลิลิธเอ่ยด้วยรอยยิ้มขณะลุกขึ้นมานั่งใกล้ราฟ เพราะเธอรู้สึกสบายตัวอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนเมื่อได้สัมผัสกับไอบริสุทธิ์ที่ถูกปล่อยออกมาจากตัวของราฟตามที่วาเนสซ่าเคยบอกไว้ ตอนแรกเธอตั้งใจจะเข้ามาอยู่ข้างๆราฟตั้งแต่แรก แต่ติดที่มีคนนอกอย่างซุนหรงอยู่ทำให้เธอต้องวางมาดจักรพรรดิไว้ แต่พอซุนหรงจากไปเธอก็ไม่รอช้ารีบเดินเข้ามานั่งบนโซฟาแล้วจับมือราฟให้มานั่งข้างเธอทันที
เมื่อชายหนุ่มได้ยินดังนั้นเขาก็รีบปฏิเสธทันที
“ไม่เอาหรอกครับ ผมไม่ชอบเรื่องวุ่นวาย ผมอยากใช้ชีวิตอย่างอิสระมากกว่า”
“งั้นก็ตามใจเจ้า” ลิลิธพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ จากประสบการณ์การพบเจอผู้คนของเธอทำให้เธอรู้ว่าบุคคลิกของชายหนุ่มตรงหน้าเป็นคนแบบไหน คนแบบราฟนั้นรักอิสระราวกับสายลมที่ไม่ชอบถูกใครควบคุมเว้นแต่เขายอมรับมันด้วยตนเอง
ราฟหันมายิ้มให้ลิลิธแล้วบอกกับเธอว่า
“เลิกพูดเรื่องพวกนี้ดีกว่า ไหนๆลิลิธก็ว่างแล้ว เราออกไปเดินเล่นกันมั้ยครับ ถึงเราจะเป็นคนรักกันแล้วแต่ก็ยังไม่เคยใช้เวลาด้วยกันเลยนี่ครับ” ราฟถามหญิงสาวยิ้มๆ
“อะ อื้ม! ไปสิ” ลิลิธรีบพยักหน้ารับทันทีเพราะที่เธอมานี่ก็เพราะอยากใช้เวลากับราฟ ถึงในเวลาปกติเธอจะไม่ชอบออกไปข้างนอกก็ตาม เพราะไม่ว่าจะไปที่ไหนในแดนมารผู้คนก็มักจะแสดงความหวาดกลัวเธออยู่เสมอ
“...” ราฟมองหญิงสาวครู่หนึ่งก่อนจะถามเธอว่า
“ผมขอถามอะไรอย่างสิ ทำไมลิลิธถึงดูชอบผมมากขนาดนี้ล่ะครับ ทั้งๆที่เรายังไม่รู้จักกันดีพอเลย”
“...” ลิลิธนิ่งไปก่อนจะมองราฟแล้วยิ้มหวานให้เขา
“ความรักน่ะ เมื่อมันจะเกิดขึ้นเราไม่สามารถควบคุมมันได้หรอกนะ แต่หากเจ้าอยากรู้เหตุผลล่ะก็ นั่นเป็นเพราะข้าชอบเจ้าตั้งแต่ที่เจ้าได้เอาชนะข้าตั้งแต่ครั้งแรกที่เราได้พบกันแล้ว เป็นเรื่องปกติที่เผ่ามารอย่างข้าจะชอบคนที่แข็งแกร่งกว่า และตอนที่ได้รู้จากปากศิษย์ข้าว่าเจ้าปฏิบัติกับนางยังไงแม้จะรู้ว่านางเป็นมารที่ถูกผู้คนส่วนใหญ่จากแดนมนุษย์เกลียดชังก็ตาม มันก็ทำให้ข้าสนใจเจ้า...และอาจเป็นเพราะข้าอยู่คนเดียวมาหลายร้อยปี(?)ด้วยเลยคิดว่าอยากมีใครมาอยู่เคียงข้าง แต่เขาต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งกว่าข้า และคนๆนั้นก็คือเจ้ายังไงล่ะ”
“...” ราฟที่ฟังคำตอบของลิลิธถึงกับหน้าขึ้นสี ก่อนที่เขาจะไอกลบเกลื่อน
“แค่กๆ ไม่ชินเลยวุ้ยที่ถูกชมแบบนี้ ปกติจะมีแต่คนด่าตลอด” ราฟพูดกับตัวเองเสียงเบาแล้วเงยหน้ามายิ้มให้กับลิลิธ
“ขอบคุณสำหรับความรู้สึกดีๆที่ลิลิธมีให้ผมนะครับ จากนี้ไป ทุกครั้งที่ลิลิธต้องการ ผมจะคอยอยู่เคียงข้างลิลิธเสมอครับ...แต่ตอนนี้พวกเราออกไปข้างนอกกันเถอะครับเพราะผมเริ่มหิวแล้ว” ราฟบอกหญิงสาวด้วยรอยยิ้มแห้งๆ
ตั้งแต่เช้าที่เขาไปเมืองลอยฟ้าอวาลอนกับหลินอิงอิง ปะทะกับเทพอสูรมาร์ธา จัดการจอมพลเจี้ยน สยบเทียนเฉินและแปดขุนพล ไปจนถึงส่งตำหนักนภาครามออกนอกโลกเพื่อกันผู้คนจากแรงระเบิด ตัวของเขายังไม่ได้ทานอะไรเลย ทำให้ตอนนี้ชายหนุ่มหิวไส้จะขาดแล้ว
‘นี่ตูทำลงไปได้ไงวะ วันเดียวเจอปัญหาโคตรเยอะเลย’
หลังจากบ่นในใจเสร็จ ราฟก็มองชุดที่ลิลิธสวมแล้วพูดขึ้นว่า
“ผมว่าลิลิธเปลี่ยนชุดก่อนดีมั้ยครับ”
ในตอนนี้ลิลิธกำลังสวมชุดคลุมประจำตำแหน่งจักรพรรดิโลหิตสีแดงเลือดปักลายดอกกุหลาบสีทองไว้ด้านหลังที่ดูยังไงก็โคตรสะดุดตา ถ้าหญิงสาวเดินไปข้างนอกด้วยชุดนี้คงไม่พ้นถูกพวกผู้พิทักษ์มาหาเรื่องแน่ และมันจะทำให้การเดินเที่ยวกลายเป็นโศกนาฏกรรมของเหล่าผู้พิทักษ์ที่กล้ามาหาเรื่องเธอเสียมากกว่า