ความช่วยเหลือจากลิลิธ
.
.
.
[แดนมาร]
ตำหนักเทพโลหิต
ห้องประชุมผู้บริหารแห่งเขต 2
“เห้อ...” เสียงถอนหายใจดังออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงฉ่ำของจักรพรรดิโลหิตผู้งดงาม แต่ถึงเสียงนี้จะฟังดูไพเราะยังไงก็ไม่ได้ทำให้มารผู้ติดตามที่เป็นขุนนางระดับสูงหลายสิบตนที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงหน้าเธอรู้สึกดีนัก
นั่นเป็นเพราะสำหรับพวกเขาแล้วถึงแม้สตรีนางนี้จะเป็นสาวงามที่เป็นที่หมายปองของใครหลายคนเช่นเดียวกับวาเนสซ่าผู้เป็นศิษย์เอกของนาง แต่ชื่อเสียงในเรื่องความโหดเหี้ยมก็เป็นที่เลื่องลือไม่แพ้ความงามของนางเช่นกัน
“ทะๆๆ ท่านลิลิธ ท่านไม่พอใจในข้อเสนอของพวกข้าที่แนะนำให้ท่านเปิดเผยนามคนรักของท่านให้ชาวมารรู้งั้นหรือขอรับ?” หนึ่งในมารที่สวมชุดขุนนางสีแดงเลือดถามเสียงตะกุกตะกัก
เมื่อไม่นานมานี้คำสัญญาของลิลิธบนแผ่นป้ายสัญญาวาจาสิทธิ์ได้หายไป ทำให้บรรดามารทั้งหลายที่ให้ความสนใจในตัวของเธอพากันบ้าคลั่งกันและออกตามหาตัวของผู้ที่ได้กลายเป็นคนรักของจักรพรรดินีโลหิตกันยกใหญ่ ซึ่งนั่นรวมถึงจักรพรรดิมารตนอื่นที่ชื่นชอบตัวของลิลิธที่ถึงกับเดินทางมาหาลิลิธด้วยตนเองเพื่อถามความจริง แต่ตัวของหญิงสาวขี้เกียจพูดคุยกับพวกเขาจึงสั่งห้ามไม่ให้ใครเข้ามาในตำหนัก และถ้าใครฝ่าฝืน เธอจะทำสงครามระหว่างเขตทันที นั่นจึงทำให้เหล่าจักรพรรดิมารยอมถอยกลับไปแต่โดยดีเพราะไม่อยากมีปัญหากับมารสาวที่มีความแข็งแกร่งเป็นอันดับ 2 ของแดนมาร
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น พวกเขาก็ไม่ยอมแพ้และหันมายื่นข้อเสนอให้เหล่าผู้ติดตามของเธอแทนว่าให้ทำยังไงก็ได้ให้ลิลิธบอกชื่อของคนๆนั้นมา ที่เหลือพวกเขาจะจัดการ(?)เอง โดยแลกกับการที่จะได้สิทธิเที่ยวย่านบันเทิงทั่วแดนมารที่พวกจักรพรรดิไปเปิดเมมเบอร์ VVIP ไว้ฟรี 1 ปี ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้เหล่าผู้ติดตามของลิลิธพากันกระเหี้ยนกระหือรือในการพูดให้หญิงสาวบอกชื่อของคนรักเธอออกมา
“...” ลิลิธไม่สนใจคำพูดของผู้ติดตามเธอ เพราะในตอนนี้เธอกำลังคิดถึงเรื่องอื่นอยู่
‘เขาสบายดีหรือเปล่านะ...’ ลิลิธที่ในตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้นวมอย่างดีคิดขณะมองออกไปนอกหน้าต่างพร้อมกับใช้นิ้วชี้ขวาม้วนผมของเธอเล่นโดยไม่สนใจมารนับร้อยที่อยู่ตรงหน้าของเธอ
“ทะ ท่านลิลิ...” ไม่ทันที่มารตนเดิมจะพูดจบ วาเนสซ่าที่นั่งอยู่ข้างๆลิลิธก็พูดขึ้นมาว่า
“หนวกหูจริงๆเจ้าพวกบ้ากามนี่ คิดเหรอว่าข้าจะไม่รู้ว่าพวกเจ้ารับสินบนจากพวกจักรพรรดิมารตนอื่นให้มาหลอกถามชื่อคนรักของอาจารย์ข้าน่ะ นี่ถ้าไม่ติดว่าพวกเจ้าบริหารจัดการเขต 2 ได้เป็นอย่างดีล่ะก็ ข้าคงให้ศิษย์พี่สังหารพวกเจ้าข้อหาหลอกถามอาจารย์ข้าแล้ว ฮึ่ม!” วาเนสซ่าลุกขึ้นทุบโต๊ะประชุมเสียงดัง โชคดีที่มันทำจากอสูรพฤกษาระดับ SSS ที่ลิลิธจัดการไปเมื่อหลายร้อยปีก่อน แรงของหญิงสาวจึงไม่อาจสร้างความเสียหายให้กับมันได้
คำพูดของเธอทำให้บรรดาผู้ติดตามพากันก้มหน้าหลบสายตาของเธอด้วยความเขินอายที่การแลกเปลี่ยนลับถูกหญิงสาวล่วงรู้
“แค่กๆ อย่าเอาข้าไปยุ่งด้วยสิ แค่พวกเขาต้องการหาความสุขใส่ตัวเอง ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนสักหน่อย” เมฟิสโตกระแอมเบาๆทีนึง ก่อนจะเหลือบมองไปที่บัตร VVIP สีดำมันวาวที่พึ่งได้มาเมื่อไม่กี่วันก่อนในกระเป๋าเสื้อของเขา
‘ศิษย์พี่หญิง เจ้าผมเทาที่พวกเราเจอในศูนย์วิจัยนั่นกลายเป็นคนรักของท่านอาจารย์จริงๆงั้นเหรอ’ เกรย์สันที่ในตอนนี้ถูกปล่อยตัวจากการกักบริเวณถามวาเนสซ่าผ่านกระแสจิต
‘ใช่’ วาเนสซ่าหันมาพยักหน้าให้ศิษย์น้องของเธอ
‘แล้วการแก้แค้นของข้าล่ะ เจ้าหมอนั่นไม่เท่าไหร่ แต่ข้ามีหนี้ต้องชำระแค้นกับเจ้าคนจากเผ่าเทวะนั่น...’
‘ล้มเลิกความคิดนั่นเถอะ หมอนั่นสามารถเอาชนะอาจารย์ของพวกเราได้ ส่วนพัคแทยังก็สามารถประมือกับศิษย์พี่ที่มีระดับครึ่งก้าวสู่จักรพรรดิได้หลายกระบวนท่า เจ้าไม่มีสิทธิ์ชนะหรอก’
‘…’ เกรย์สันกัดฟันด้วยความหงุดหงิดที่เรื่องกลายเป็นแบบนี้ หากเขาต้องการแก้แค้นให้สำเร็จ ดูท่าเขาคงต้องใช้วิธีนั้นเสียแล้ว
ครืดดด...
ขณะที่พวกวาเนสซ่ากำลังพูดคุยกันอยู่นั้นเอง มือถือของลิลิธที่ปิดเสียงไว้ทุกครั้งเวลาประชุมก็สั่นขึ้นมา เมื่อจักรพรรดินีสาวหยิบมันขึ้นมาดูเธอก็ต้องเบิกเนตรคู่งามกว้าง ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นเย็นชาแล้วหันมาพูดกับทุกคนในห้องนี้ว่า
“เรื่องเอ่ยนามของเขาเอาไว้คราวหน้า ตอนนี้พวกเจ้าทุกคนกลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง ข้ามีเรื่องเร่งด่วนที่ต้องไปจัดการ เลิกประชุมได้!” กล่าวจบหญิงสาวก็ไม่รอช้า โบกมือที่สวมแหวนเทเลพอร์ตแล้วหายไปจากห้องประชุมทันที
“...” ทุกคนในห้องประชุม
.
.
.
ห้องพักของราฟ
หลังจากที่ราฟได้ติดต่อกับลิลิธให้มาเจอกันโดยให้เธอเลือกสถานที่เอง ตัวของลิลิธก็ได้เลือกที่จะมาห้องของราฟแทน ทำให้ราฟต้องยิ้มแห้งๆให้กับตัวเอง
‘นี่ห้องของเรากลายเป็นพื้นที่ส่วนกลางแล้วเหรอเนี่ย’
ฟุบบบ
หลังจากนัดกันเสร็จ ลิลิธก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องของราฟด้วยใบหน้าเย็นชา โดยที่ดวงตาฉายแววดีใจเมื่อมองเห็นชายหนุ่มผมเทา
แต่ทันทีที่หญิงสาวเห็นว่ามีคนอื่นอยู่ในห้องเธอก็มองซุนหรงด้วยแววตาเย็นเยียบจนเขาร่างกายแข็งค้าง เหงื่อไหลโทรมกายเพราะรับแรงกดดันของตัวตนระดับจักรพรรดิไม่ไหว
“ใจเย็นก่อนครับเจ้...คุณลิลิธ เขาเป็นคนที่ผมอยากให้คุณช่วยน่ะครับ” ราฟที่เห็นท่าทางราวกับคนที่กลัวผีของซุนหรงก็เอ่ยกับหญิงสาวผมดำตรงหน้า
“คะ คุณงั้นเหรอ เจ้าไม่ต้องเรียกข้าแบบนั้นก็ได้ เรียกข้าว่าลิลิธก็พอ” เมื่อลิลิธได้ฟังคำของราฟ เธอก็สลายจิตสังหารที่มักจะปล่อยออกมาเสมอเวลาอยู่ที่แดนมารก่อนจะก้มหน้างุดพูดเสียงเบา
“ครับๆ ลิลิธ งั้นคุณก็เรียกผมว่าราฟนะครับ” ราฟยิ้มให้กับท่าทางของหญิงสาวก่อนจะผายมือไปทางโซฟา
“เชิญนั่งก่อนครับ”
“อะ อื้ม” ลิลิธพยักหน้าแล้วนั่งลงอย่างว่าง่าย ด้วยความที่เธอเพิ่งจะเคยมีคนรักเป็นครั้งแรกทำให้เธอทำตัวไม่ถูกครู่หนึ่ง แต่สักพักเธอก็กลับมาอยู่ในท่วงท่าดุจนางพญาได้ตามปกติ ก่อนจะมองราฟโดยไม่แม้แต่จะชายตามองซุนหรงอีกแล้วถามเขาว่า
“แล้วเจ้า...ราฟอยากให้ข้าช่วยอะไรเจ้านี่ล่ะ”
.
.
.
ตอนนี้ไรท์กลับมาเขียนได้แล้ว ขอโทษที่ห่างหายไปนานนะครับ
ขอให้นักอ่านทุกคนมีสุขภาพที่แข็งแรงและไม่ติดโควิด19นะครับ (^ ^)