คนสำคัญ
ในตอนแรกเธออุตส่าห์ไม่เข้าไปยุ่งกับหญิงสาวเผ่ามารคนนี้แล้ว แต่เธอกลับถูกมารสาวที่กำลังออกล่าผู้เข้าแข่งขันคนอื่นเพื่อสูบเลือดเล่นเจอแล้วถูกใจร่างกายเข้า เธอที่ไม่สามารถสู้กับเผ่ามารที่ต้านทานพลังควบคุมจิตของเธอได้ก็ถูกหญิงสาวผมดำที่เปลี่ยนร่างกายเป็นเลือดสิงร่างของเธอนานหลายวัน จากนั้นเธฮก็ต้องมองดูร่างกายของเธอถูกมารสาวตนนี้อาละวาดดูดเลิอดผู้คนนับร้อยจนเธอรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น
โชคดีที่ชายหนุ่มผมเทามองเห็นตัวจริงของมารตนนี้ที่ครอบงำเธออยู่และได้ช่วยปลดปล่อยเธอออกจากความทรมาน
“ฉันไหวค่ะ แล้วก็ต้องขอบคุณคุณมากๆนะคะ” วิเวียนตอบชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน พร้อมกับหัวใจของเธอที่เต้นระรัว
“โลกิ!” เสียงของเพื่อนเธอดังขึ้นจนหญิงสาวยิ้มค้าง
“อะไรเจ้าหน้าจิ้งจอก ยังไม่ตายอีกเหรอ?” หญิงสาวผมแดงหุบยิ้มหันไปมองหน้าของเคียวยะด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“อะไรกันน่ะครับ เมื่อกี้ยังยิ้มอยู่เลย จะว่าไปก็เป็นครั้งแรกที่เห็นคุณยิ้มแบบนี้นะครับเนี่ย ปกติเห็นแสยะยิ้...อุ๊บบบ” ไม่ทันพูดจบเคียวยะก็ถูกมือของวิเวียนปิดปากไว้
“ขืนพูดมากกว่านี้ฉันจะหอมแก้มนายซะ” วิเวียนพูดเสียงเย็น
“...” เคียวยะเงียบปากไปทันทีหลังได้ยินคำขู่ของหญิงสาว
“ยัยคนนี้ หรือว่า” เฟยฮวาที่กอดแขนราฟอยู่หรี่ตามองวิเวียนโดยมีซายะกับเรเชลที่มีท่าทางคล้ายๆกัน
“เจ้ามนุษย์ฟีโรโมน่าตายเอ๊ย” เรเชลบ่นออกมาเสียงเบา
“เห้อออ” ซายะถอนหายใจก่อนจะชกราฟเบาๆหนึ่งที
“หะ” ราฟเอียงหัวมองท่าทีของสามสาวงงๆ ก่อนจะเข้าใจแล้วหัวเราะออกมาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
“เจ้ามันคนที่สังหารเมฟิสโตนี่!?” หลิวหยางอ้าปากค้างก่อนจะวิ่งเข้ามาหาราฟด้วยความเร็วสูงสุด
“นี่ๆ เจ้าน่ะ ดูจากตรานั่นคงเป็นผู้เข้าแข่งขันจากโรงเรียนไอรีนสินะ เจ้าใช้พลังอะไรหรือวิชาอะไรในการจัดการมารระดับสูงตนนั้นเหรอ สอนให้ข้าได้มั้ย ได้โปรดเถอะนะ ข้าอยากแข็งแกร่งแบบเจ้า!” หลิวหยางถามราฟเสียงดังจนเขาต้องเอานิ้วปิดหู
‘นี่ขนาดตูลดระดับการได้ยินให้เท่าคนปกติแล้วนะ เสียงของเจ้านี่จะดังเกินไปมั้ยเนี่ยให้ตายเถอะ’ ราฟคิดในใจอย่างเซ็งๆ
“เจ้าคนบ้าผู้หญิง” ซายะส่งเสียงหึออกมา
“นายนี่มัน...หม้อไปทั่วเลยสินะ” เรเชล
“นายท่าน ผู้หญิงคนนี้คือใครเหรอคะ?” เฟยฮวา
“เดี๋ยวๆ เจ้านี่เป็นผู้ชายนะ!...ยัยประธานทำไมทำเหมือนฉันไปก่ออาชญากรรมร้ายแรงมางั้นแหละ เห้ย ยัยนักดาบอย่ากัดแขนฉันเซ่ เสี่ยวฮวาบีบแขนฉันทำไม...นี่เธอก็เป็นไปกับสองคนนี้ด้วยงั้นเหรอ!?” ราฟเหงื่อแตกพลั่ก เขาคิดผิดหรือเปล่าที่ลดการป้องกันกับสามสาวลง ว่าแต่ทำไมเจ้าคนที่ชื่อเคียวยะนั่นถึงมองเขาแรงจังฟะ
“ผู้ชาย!?” สามสาวร้องเสียงหลง
“ใช่น่ะสิ ข้าคือยอดชายชาตรีผู้มีนามอันยิ่งใหญ่ว่าหลิวหยาง เสียมารยาทมากนะที่กล่าวหาว่าข้าเป็นสตรี...ว่าแต่เจ้ารู้ด้วยเหรอว่าข้าเป็นบุรุษน่ะ นอกจากเจ้าตาทองนั่นก็มีเจ้านี่แหละที่มองออก พวกเจ้านี่สุดยอดไปเลยนะ ฮี่ๆ” หลิวหยางหัวเราะอย่างชอบใจ
“เห้อ เรื่องให้สอนนั่นเลิกคิดเถอะ ฉันขี้เกียจอ่ะ ถ้านายอยากได้วิชานี้ก็เอาไปเลย ขึ้นอยู่กับนายว่าจะปรับใช้กับพลังของนายได้รึเปล่านะ” ราฟพูดพลางชี้นิ้วไปกลางหน้าผากของหลิวหยางก่อนจะใช้วิชาเชื่อมจิตเพื่อถ่ายทอดความรู้ของวิชาปั่นป่วนโลหิตให้
‘ดีจริงๆที่ให้ลุงแฮ็คฐานข้อมูลวิชาที่เปิดให้เรียนทั่วโลกแล้วส่งมาให้เรา หุๆ’
“นี่มัน!” หลิวหยางที่ได้รับวิชาจากราฟไปพูดเสียงดัง จากนั้นชายหนุ่มก็คุกเข่าเอาหัวโขกพื้นเสียงดัง
ตูมมม
“ท่านอาจารย์!”
“หา!?” ราฟคิ้วกระตุกเมื่อได้ยินวาจาที่แสนขัดหูนี้ อยู่ๆก็มีคนรุ่นเดียวกันมาเรียกว่าอาจารย์เนี่ยนะ
“พอๆ ไม่ต้องเรียกฉันว่าอาจารย์เลย มาทางไหนกลัยไปทางนั้น” ราฟเตะเจ้าคนไม่เต็มบาทนี่ออกไปเบาๆ
“แม้ท่านไม่ยอมรับข้า แต่ท่านจะเป็นอาจารย์ของข้าตลอดไป!” หลิวหยางตะโกนเสียงดังก่อนจะสลบไปเพราะแรงเตะของอาจารย์คนใหม่
“เวรละ ใส่อารมณ์มากไปหน่อย” ราฟยิ้มแห้งๆ
“...” ทุกคน
“พัคน้อย เจ้าจะไปแล้วเหรอ?” เสียงของไป๋เสวี่ยฉีดังขึ้นในหูฟังของพัคแทยังอย่างร้อนรน
“ครับ เอาไว้ผมจะกลับมาหาอีกนะครับ แต่จะติดต่อหาตลอดเลย” ชายหนุ่มตาทองปลอบอย่างอ่อนโยน
“สัญญานะ”
“ครับ”
“งั้นพวกข้าขอให้เจ้ากับสหายโชคดี” ไป๋เสวี่ยฉีพูดเสียงหวาน
“โชคดีนะ” จากนั้นเสียงของทุกคนจากฐานวิจัยใต้ดินก็ดังออกมาในหูฟังของพวกราฟ ยกเว้นหลิวหยาง เคียวยะ วาเนสซ่า และวิเวียน ที่ไม่ได้ใส่หูฟังไร้สายที่โลแกนสร้าง
คนที่สวมหูฟังไร้สายไว้ยิ้มออกมาไม่เว้นแม้แต่ซายะที่มักจะมีสีหน้าที่แสนเย็นชาอยู่เสมอ
“พวกเจ้ายิ้มอะไรกัน หึ คงจะสมน้ำหน้าในสภาพน่าอนาถของข้าสินะ” วาเนสซ่าที่เห็นฉากนี้มุ่ยปากตัดพ้อออกมา
“ฮ่าๆ เธอนี่ก็ตลกดีนะ” ราฟหัวเราะเบาๆ ก่อนที่เขาจะสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวบางอย่างแล้วเงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้า
“ยานรบมาถึงแล้ว” ชายหนุ่มผมเทาหันไปมองพวกเคียวยะและหลิวหยางที่พึ่งจะได้สติ
“พวกนายเห็นสิ่งที่ฉันทำได้แล้วสินะ ถ้างั้น...” ราฟยิ้มกว้างจนพวกเขาขนลุก
“ยะ อย่าฆ่าพวกเราเลยค่ะ” วิเวียนพูดเสียงสั่น เธอเคยใช้ร่างเดียวกับวาเนสซ่ามาก่อนทำไมจะไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของเมฟิสโต มารตนนี้คือชายผู้ชั่วร้ายที่สังหารเผ่าพันธุ์อื่นๆไปมากมายที่แม้แต่ผู้ใช้พลังระดับ SSS ก็ไม่อาจสังหารเขา ได้แต่ทำให้บาดเจ็บสาหัสเท่านั้น แต่ชายหนุ่มผมเทาตรงหน้ากลับสังหารมารร้ายตนนี้ได้เพียงเสี้ยววิ
ฟังจากที่เขาพูดแล้วคงคิดที่จะปิดปากพวกเธอเป็นแน่
“...” ราฟมองทั้งสามคนนิ่งก่อนจะเกาหัวยิ้มแห้งๆแล้วบอกว่า
“ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ยังไงความลับของฉันก็ต้องถูกเปิดเผยเข้าซักวัน อีกอย่างตอนนี้ฉันมั่นใจแล้วว่าจะปกป้องคนสำคัญของฉันได้ ดังนั้นถ้าพวกนายจะเอาเรื่องฉันไปบอกคนอื่นฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอก แต่อย่ามาโทษว่าฉันลงมือหนักกับพวกนั้นละกันนะ” ราฟพูดพลางหันไปมองสามสาวที่พากันแอบยิ้ม ส่วนพัคแทยังก็ส่ายหน้ายิ้มๆ
“ใครให้นายมาปกป้องฉันกัน” ซายะกระแอมออกมา
“เห ฉันยังไม่ได้พูดเลยนะว่าเป็นเธอ”
“...”
“ล้อเล่นจ้า”
“ไอ้...”
“แค่กๆ อาจารย์วางใจได้ ต่อให้ต้องตายข้าไม่มีวันบอกใครถึงความสามารถของอาจารย์เด็ดขาด เพราะข้าไม่มีวันทรยศต่อผู้มีพระคุณอย่างท่าน”
เคียวยะกับวิเวียนมองหน้ากันก่อนจะหันไปพยักหน้าให้ราฟเป็นเชิงเห็นด้วยกับคำพูดของหลิวหยาง
“ฮะๆ พวกนายนี่ควรค่าแก่การนับเป็นสหายจริงๆ เอางี้ ถ้าพวกนายมีปัญหาอะไรก็ให้ติดต่อฉันผ่านเบอร์นี้ได้เลย” ราฟถ่ายทอดเบอร์ของเขาไปให้ทั้งสามคน
“ครับ/ค่ะ” ทั้งสามพูดด้วยรอยยิ้ม การที่จะได้รับความช่วยเหลือจากผู้แข็งแกร่งอย่างราฟในอนาคตช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่ง
ครืนนนน
หลังจากนั้นไม่นาน ยานรบก็ลงจอด ก่อนที่จะมีเด็กสาวที่มีตราผู้พิทักษ์ระดับ SSS คนหนึ่งเดินนำหน้าผู้คนออกมา
“เอาล่ะเจ้าพวกเด็กน้อย ผู้พิทักษ์สุดแสนน่ารักมารับแล้วจ้า!” แอนนาพูดขี้นด้วยรอยยิ้มสดใส