คนผีทะเล
เมื่อหญิงสาวใช้สายตาเพ่งมองไปที่เปลวเพลิงสีดำที่ลุกไหม้เธอก็พบว่าแท้จริงแล้วมันคือร่างของคนที่กำลังลุกไหม้อยู่
แน่นอนว่าร่างนั้นคือร่างที่กำลังถูกเปลวเพลิงเทพอสูรเผาไหม้อยู่โดยเจ้าตัวกำลังนั่งพิงขอบทะเลสาบอยู่อย่างสบายใจ
“แกควรจะตายไปแล้วนี่!? ไม่เคยมีใครหนีพ้นจากเพลิงเทพอสูรนี้ได้ แกเป็นใครกันแน่!?” เทียนซูเจินผุดลุกขึ้นมาจากถุงนอนแล้วชี้นิ้วไปที่ราฟด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ ก่อนที่หญิงสาวจะล้มลงไปนั่งกับพื้นเพราะเวียนหัวจากการผลาญพลังชีวิตจนเกือบหมด
“อื๋อ...ตื่นแล้วเหรอ อย่าฝืนตัวเองสิ เธอพึ่งจะเกือบตายเพราะใช้พลังเกินตัวนะ ว่าแต่ไฟที่ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่มีวันดับนี่คือพลังของเทพอสูรจริงๆด้วยสินะ เล่นเอาตัวฉันร้อนวูบวาบจนต้องหาอะไรที่เย็นๆมสดับร้อนเลย ทำยังไงมาถึงได้มีไหนี้ได้อ่ะ แต่ช่างเถอะ เธอจะได้มันมายังไงไม่เกี่ยวกับฉัน เอาล่ะ ในเมื่อเธอตื่นแล้วก็ช่วยดับไฟให้ฉันหน่อยสิ เร็วๆเข้าล่ะ ฉันง่วงแล้ว วันนี้ยุ่งทั้งวันเลย หาววว...” ราฟที่เห็นว่าหญิงสาวฟื้นขึ้นมาเรียบร้อย เขาก็ดันตัวเองขึ้นจากทะเลสาบ จากนั้นก็เดินมาหาเทียนซูเจินทั้งๆที่ยังมีเปลวเพลิงสีดำลุกท่วมตัวอยู่จนแทบมองไม่เห็นหน้า
“ทำไมฉันต้องช่วยแกที่เป็นคนทำร้ายครอบครัวฉันด้วย!? ตายๆไปซะที” เทียนซูเจินปฏิเสธเสียงแข็ง
“เง่ะ ขนาดเห็นความทรงจำเกี่ยวกับสิ่งที่พ่อกับพี่ชายเธอทำแล้วยังจะเกลียดฉันอยู่อีกเหรอ หรือว่าเธอก็เป็นเหมือนพวกเขาที่เห็นชีวิตคนที่อ่อนแอกว่าเป็นของเล่นแล้วจะทำอะไรก็ได้?” ราฟเกาหัวถามเทียนซูเจิน ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้หญิงสาวแล้วเอ่ยเสียงเย็นเยียบไปสุดขั่วหัวใจของเธอว่า
“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆฉันก็พร้อมที่จะจัดการเธอเหมือนที่ทำกับพ่อเธอซะ...”
“...” เทียนซูเจินที่ได้ยินดังนั้นก็หันหน้าหนีหลบสายตาจากร่างที่กำลังลุกไหม้ราวกับ
อสูรโลกันต์ คนที่สามารถต้านทานพลังของเทพอสูรได้ย่อมเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีพลังเทียบเท่ากับเทพอสูรโบราณที่เธอไม่มีวันเอาชนะได้ หรือเขาจะเป็นทายาทของเทพอสูผลาญสวรรค์ที่เธอไปค้นพบเคล็ดวิชาในดันเจี้ยนโดยบังเอิญกัน?
ในตอนแรกเธอต้องการเก็บงำพลังนี้เอาไว้ใช้เวลาเจอกับอสูรต่างมิติระดับจักรพรรดิ ไม่คิดว่าต้องเอามาใช้กับมนุษย์ด้วยกันเอง แถมเจ้าตัวยังทำเหมือนไม่สะทกสะท้านกับไฟนี้อีก
“...” หญิงสาวเงียบไปสักพักก่อนจะหันมาถามราฟว่า
“ความทรงจำนั่นเป็นเรื่องตริงงั้นเหรอ?”
“...” ราฟไม่ตอบหญิงสาว เขาทำเพียงพยักหน้าให้เธอ เพราะเขาเข้าใจว่านี่เป็นเรื่องที่ทำใจลำบากแค่ไหนที่ต้องรู้ความโหดร้ายของครอบครัวที่เธอเคยคิดว่าเป็นคนดีมาโดยตลอด
“แต่พ่อกับพี่หงเค้าดีกับฉันมากเลยนะ”
“เหรอ ถ้าอย่างนั้นตาลุงนั่นก็ยังมีข้อดีเรื่องรักครอบครัวสินะ เอ้า เลิกดราม่าแล้วมาสลายไฟบนตัวฉันให้หน่อย เห็นอย่างนี้ฉันก็เจ็บเป็นนะ” ราฟบอกหญิงสาวพลางชี้ไปที่ตัวของเขา
“ไม่มีทาง นายสมควรโดนแล้ว นายทำลายตำหนักนภาครามแล้วทำตระกูลของฉันเกือบตาย!” เทียนซูเจินยังไม่หายโกรธในสิ่งที่เขาทำกับคนในตระกูลของเธอ
“เห้ยๆ เธอเข้าใจผิดแล้ว ที่ตระกูลของเธอต้องกลายเป็นแบบนี้นั่นเพราะพ่อเธอตัดสินใจระเบิดตำหนักให้ทุกคนตายเองต่างหาก คนที่ช่วยทุกคนไว้คือฉันนี่ยัยเซ่อ” ราฟรีบแย้งหญิงสาว
“...ไม่มีทาง พ่อฉันไม่มีทางทำแบบนั้น!”
“เห้อ นึกให้ดีๆสิ คนที่สั่งการให้ตำหนักระเบิดตัวเองได้นอกจากพ่อเธอแล้วจะมีใครอีก แล้วถ้าฉันต้องการทำลายตระกูลเทียนจริงคิดว่าฉันจะไม่ตอบโต้เธอที่มาโจมตีเลยเหรอ?” ราฟที่เห็นความดื้อด้านของหญิงสาวถึงกับเอามือกุมขมับ
“อึก...” เทียนซูเจินที่ได้ยินราฟบอกแบบนั้นก็เถียงไม่ออก เธอเริ่มเชื่อเขาตั้งแต่ที่เห็นความทรงจำพวกนั้นแล้ว หญิงสาวเพียงแค่ไม่อยากยอมรับมันเท่านั้น
“ถ้าเธอยังไม่ยอมปลดพลังนี่ออกไปงั้นฉันคงต้องเทเลพอร์ตบุกสมาคมไปเผาพ่อเธอด้วยไฟของเธอดีมั้ย เพราะยังไงเขาก็ต้องถูกประหารอยู่แล้ว ตายเร็วขึ้นคงไม่เป็นไรหรอก” ราหแสยะยิ้มพูดขู่หญิงสาว
“อย่าทำอย่างนั้นนะ! ก็ได้! ฉันยอมแล้ว!” หญิงสาวรีบร้องห้ามชายหนุ่ม
เทียนซูเจินมองราฟ ก่อนจะหลับตาทำใจอยู่ไม่นานก็ลืมตาขึ้นมองราฟ แล้วยื่นมือออกไปแตะเปลวเพลิงเทพอสูรที่กำลังลุกท่วมตัวของราฟ จากนั้นเปลวเพลิงสีดำก็ถูกดูดกลับเข้าไปในร่างของหญิงสาว
ทันทีที่มันกลับเข้าไปในร่างของเธอ สีหน้าของเทียนซูเจินก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเพราะได้พลังชีวิตที่ถูกใช้เป็นเพลิงเทพอสูรกลับคืนมา แถมพลังชีวิตเธอกลับมีมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะมันผ่านการดูดซับปราณบริสุทธิ์ที่กรองออกมาจากตัวราฟ
“นับว่าเธอเป็นคนที่มีเหตุผลมากๆคนหนึ่ง นับถือๆ...”
“กรี๊ดดดด...!!!”
“เห้ย!? มีอะไร? ทำไมกรี๊ดแบบนั้น?” ราฟถามหญิงสาวพลางหันหน้าซ้ายขวาเพราะคิดว่ามีคนซุ่มโจมตี
“แก! ไอ้โรคจิต! ทำไมถึงแก้ผ้ามายืนหน้าฉัน!?”
“อื๋อ คำนี้มันคุ้นๆแฮะ หรือว่า...อ้อ” ราฟที่ได้ยินคำเรียกของหญิงสาวก้มหน้าลงมองร่างกายตัวเอง ก่อนจะเรียกเสื้อผ้าออกมาจากแหวนมิติแล้วสวมมัน
“ลืมไปเลยแฮะ แหม ก็ไฟเธอเล่นเผาทุกอย่างบนตัวฉันนี่นา ทำไงได้ล่ะหืม แต่ไฟนั่นเหมือนจะมีชีวิตเลย มันเผาแต่ฉันไม่เผาที่อื่น...ไม่ต้องกังวลไป ฉันเป็นคนปกติไม่ใช่โรคจิตหรอก” ราฟที่สวมเสื้อผ้าเสร็จหันมายิ้มยิงฟันพร้อมกับชูนิ้วโป้งให้หญิงสาว
“คนปกติที่ไหนเขาโดนเห็นร่างเปลือยแล้วยังยิ้มได้หน้าตาเฉยกันยะ! ไอ้คนผีทะเล! ขออย่าให้เรามาเจอกันอีกเลย!” หลังจากตะโดนด่าราฟเสร็จหญิงสาวก็ใช้งานแหวนเทเลพอร์ตรีบหนีไปจากที่นี่ทันที
“...” ราฟยิ้มค้างมองเงาร่างของเทียนซูเจินที่หายเข้ามิติไป
“ผีทะเลงั้นเหรอ ชื่อใหม่เลยนะเนี่ย ได้แต่ชื่อดีๆนะเรา เหอๆ”
“...จะว่าไปยัยนี่มีพลังมากกว่าพ่อของเธออีกนะ ถึงจะเป็นพลังชั่วคราวก็เถอะ แต่ถ้าสามารถควบคุมพลังในกระดับ SSS ได้ล่ะก็คงยากที่จะหาใครมาสู้กับเธอได้ล่ะนะ บนโลกนี้นี่มีคนแข็งแกร่งเยอะจริงๆน้า” ราฟพูดยิ้มๆก่อนจะทำหน้าจริงจังแล้วก้มลงมองข้างล่าง