ขอบคุณที่รับฉันนะ
.
.
.
[ห้องพักของซายะ]
ในตอนนี้ซายะและเรเชลกำลังนั่งบนโซฟาในห้องดูทีวีด้วยสีหน้าที่เหม่อลอยกันทั้งคู่
“นี่ซายะ เธอชวนฉันมาห้องของเธอเพื่อให้นั่งดูทีวีโดยไม่พูดอะไรเนี่ยนะ” เรดชลถามเพื่อนสาวของเธอด้วยน้ำเสียงยานคางขณะเอื้อมมือไปหยิบรีโมทกดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ
“ก็ห้องพยาบาลห้ามคนเข้าเยี่ยมเพราะตอนนี้เต็มไปด้วยพวกผู้บาดเจ็บจากงานประลองผู้พิทักษ์นี่ แถมปีนี้คนบาดเจ็บยังเยอะกว่าปีก่อนๆหลายเท่าอีก พวกเราเลยทำได้แค่กลับมารอที่ห้องกันก่อน และฉันก็ไม่อยากไปห้องที่มีแต่ดาบแขวนไว้เต็มห้องของเธอด้วย” ซายะตอบเสียงเรียบก่อนจะถามเพื่อนสาวของเธอต่อว่า
“แล้วนี่เธอว่าเขาจะฟื้นขึ้นตอนไหน?”
“หึ อย่างหมอนั่นแค่วันเดียวก็หายแล้วมั้ง คนบ้าอะไรก็ไม่รู้ สามารถอยู่ในพื้นที่ที่มีระดับแรงโน้มถ่วง 100 เท่าได้สบายๆ ฉันแค่ก้าวเข้าไปในห้องตอนหมอนั่นฝึกอยู่ถึงกับขาหักเลย” เรเชลกล่าวพลางเอื้อมมือจับไปที่เท้าของเธอ
“และมันก็เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกว่าเขาไม่ได้เป็นคนเลวร้ายเหมือนอย่างที่คนในโรงเรียนคิดกัน...ถึงตอนแรกที่เจอกันจะดูเหมือนพวกโรคจิตชอบโชว์ แต่มันก็เป็นเพราะฟ้าผ่าล่ะนะ” ประโยคสุดท้ายเรเชลลดเสียงจนซายะไม่ได้ยิน เมื่อพูดถึงตรงนี้หญิงสาวผมบลอนด์ก็นึกไปถึงร่างแกร่งอันเปลือยเปล่าอีกครั้ง พาลทำให้หน้าของเธอขึ้นสีทันที
“จะบอกว่าเธอเรื่มรู้สึกดีกับเขาตอนนั้นสินะ”
“ก็ใช...” เรเชลหยุดตอบคำถามที่แทรกเข้ามาแล้วหันหน้าไปหาซายะด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
“ยัยซายะ! นี่เธอหลอกถามฉันเหรอ!?”
“ก็เธอชอบเผลอพูดความจริงตอนกำลังเหม่ออยู่นี่นา ฉันไม่พลาดนาทีทองแบบนี้หรอก” ซายะเผยยิ้มหวานออกมาแบบที่ไม่เคยมีใครในโรงเรียนเคยเห็นเว้นแต่คนที่เธอไว้ใจ และเรเชลก็คือหนึ่งในนั้น
“...และดูจากสีหน้าของเธอแล้วก็คงจะชอบเขาจริงๆสินะ” “...” เรเชลไม่ตอบคำถามของซายะ สักพักเธอก็ถามกลับไปว่า
“แล้วเธอล่ะ ชอบหมอนั่นได้ยังไง? อย่าปฏิเสธเชียวนะ ฉันเป็นเพื่อนเธอมาตั้งกี่ปี ฉันรู้จักเธอเหมือนที่เธอรู้จักฉันนั่นแหละ”
“...” ซายะเงียบไปสักพักหลังได้ยินคำถาม เธอถอนหายใจออกมาก่อนจะตอบว่า
“จะเรียกว่าชอบเลยมันก็อาจเร็วไปหน่อยนะ ตอนแรกฉันเกลียดเขาเพราะถูกติดตามไปถึงห้องพัก เธอน่าจะรู้ว่ามันน่าขนลุกแค่ไหน ช่วงนั้นฉันเลยพยายามสร้างปัญหาให้เขาทุกอย่างเพื่อความสบายใจที่เห็นแก่ตัวของฉันแต่เขาก็สามารถผ่านมันไปได้อย่างสบายๆ และพอฉันให้คนไปสืบจริงๆแล้วเหมือนเขาแค่ชอบฉันเลยตามดูอยู่ห่างๆแบบคนขี้ขลาดเท่านั้น ไม่ได้ทำอะไรที่น่ากลัวอย่างแอบติดตั้งกล้องหรือพยายามจะทำไม่ดีกับฉัน มันเหมือนกับพวกแฟนคลับแปลกๆล่ะมั้ง”
“...ต่อมาฉันพบว่าท่าทีของเขาที่เหมือนกับว่าจะชอบฉันในตอนแรกเปลี่ยนไปเหมือนกับเป็นคนละคนในช่วงที่เขากักตัวจนถึงวันที่พี่อิงอิงพาเขาออกมา พอรวมกับความแข็งแกร่งที่พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดของเขามันเลยทำให้ฉันคิดว่าเขาทำสัญญาแลกพลังกับมาร แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขา...”
“...และอาจเป็นเพราะเขาเป็นคนที่ไม่ใช่สมาชิกตระกูลหลักคนแรกที่กล้าพูดกับฉันเหมือนกับคนธรรมดาไม่ใช่คุณหนูตระกูลหลักล่ะมั้ง มันเลยทำให้ฉันคิดว่าเขาน่าสนใจขึ้นมา แถมเขายังมาช่วยฉันในเวลาที่มีอันตรายตอนอยู่กลางทะเลทรายอีก” ซายะพูดไปยิ้มไปก่อนจะหุบยิ้มเมื่อนึกถึงคนที่สั่งจัดการเธอ
‘เจ้าเทียนจวินนั่น...แค่ฉันปฏิเสธงานแต่งงานก็ถึงกับต้องส่งคนมาฆ่าฉัน ดีที่หมอนั่นช่วยไว้ได้ทัน คอยดูเถอะ ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่!’ หญิงสาวคิดในใจอย่างโกรธแค้น ถ้าไม่ติดว่าอีกฝ่ายเป็นถึงทายาทของผู้นำตระกูลหลักอันดับหนึ่งของแดนมนุษย์ เธอคงส่งคนในตระกูลไปจัดการแล้ว
“แหม ฉันแค่ถามว่าชอบตานั่นได้ยังไง เธอก็ร่ายซะยาวเลยนะ” เรเชลพูดยิ้มๆพลางหัวเราะคิกคัก
“ก็เพราะเป็นเธอไงฉันเลยพูดยาวขนาดนี้เพื่อให้เธอเข้าใจ เธอยังจะมาแซวฉันอีกนะ นี่แน่ะ!” ซายะขมวดคิ้วก่อนจะเข้าไปจักจี้เเรเชลที่นั่งข้างๆเธอจนนักดาบสาวหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“ฮ่าๆๆ ยัยนี่ กล้าเล่นทีเผลอเหรอ โอ๊ย พอแล้ว ปวดท้องไปหมดแล้ว ฮ่าๆๆ” เรเชลพูดด้วยเสียงเหนื่อยอ่อน เธอกำลังคิดที่จะทำเพื่อนของเธอกลับ แต่ประตูห้องของเธอก็ดันมีเคาะเข้ามาก่อน
ก๊อกๆๆ
“...” เรเชลและซายะหันมามองหน้ากัน ทั้งสองหยุดเล่นกันก่อนที่ซายะจะเป็นคนเดินไปกดจอภาพเพื่อดูกล้องที่ติดอยู่หน้าประตูว่าใครมา
ตี๊ดดด
“โห...หอพักที่นี่สุดยอดไปเลยแฮะ สวยกว่าคอนโดหลัก 10 ล้านที่เราเคยเห็นอีก อยากซื้อไว้อยู่บ้างจัง...อ๊ะ มีกล้องติดด้วย! โห้ยยย ยัยประธานนน เห็นฉันอ้ะป่าววว ช่วยเปิดประตูให้หน่อยยย”
“หือ ทำไมเหมือนฉันได้ยินเสียงหมอนั่นล่ะ เขามาที่นี่ได้ยังไง” เรเชลถามเพื่อนสาวที่ขมวดคิ้วเรียวสีขาวดุจหิมะแน่น
“เหมือนจะเป็นเขา แต่อาจเป็นตัวปลอมรึเปล่า? เขาไม่น่าจะหายเร็วแบบนี้นี่ ตอนนี้พึ่งจะผ่านไปไม่ถึงสองชั่วโมงเลย...” ซายะยังไม่ทันพูดจบ คนที่ยืนอยู่หน้าห้องก็ฉีกยิ้มกว้างแล้วพูดขึ้นมาว่า
“เน่ๆ ฉันได้ยินที่พวกเธอคุยกันนะ เรื่องที่ว่าฉันเป็นตัวจริงหรือตัวปลอมน่ะ เดี๋ยวพิสูจน์ให้ก็ได้ อืม...นี่คุณประธานที่น่ารักของฉัน เธอยังจำเรื่องที่เราสองคนพนันกันไว้ที่สมาคมผู้พิทักษ์ได้อยู่รึเปล่า เรื่องที่ว่าถ้าเธอแพ้เธอจะหอมแก้มฉั...”
ตี้ดดด
“เข้ามา!”
“วะ เหวอออ!”
ไม่ทันรอให้ชายหนุ่มพูดจบ ซายะรีบเปิดประตูแล้วจับมือของเขาเหวี่ยงเข้าห้องของเธอไปก่อนจะปิดประตูด้วยใบหน้าแดงก่ำ
ปังงง!
‘เจ้าหมอนี่ยังจำเรื่องนั้นได้อยู่อีกเหรอ!? ฉันอุตส่าห์ไม่พูดถึงมันแล้วนะ!’ ซายะมองราฟที่เธอเหวี่ยงเข้าห้องก่อนจะพูดอะไรไม่ออก
“โอ๊ะๆๆ” ราฟที่ในมือถือถุงอะไรบางอย่างโยนถุงนั้นไปวางบนโต๊ะอาหารอย่างแม่นยำ ก่อนจะเซไปนั่งตักเรเชลที่นั่งอยู่บนโซฟาแล้วใช้สองมือโอบคอของเธอไว้อย่างเบามือ
“นะ นาย!” เรเขลตัวแข็งค้างหน้าขึ้นสีไป ส่วนซายะก็มองภาพตรงหน้านิ่งๆอย่างตกตะลึง
“แหมๆ ขอบคุณที่รับฉันไว้นะยัยนักดาบ พอดีพึ่งหายดีจากการถูกโจมตีด้วยความรักจากพวกเธอเลยทำให้การทรงตัวยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แล้วนี่พวกเธอกำลังทำอะไรกันอยู่เหรอ คงคิดถึงฉันอยู่ใช่มั้ยล่ะ อะโฮะๆๆ” ราฟฉีกยิ้มกว้างพลางเอามือปิดปากพูดด้วยจริตท่าทางที่สุดแสนจะน่าถีบ
“...” หญิงสาวทั้งสองเงียบกันไปชั่วครู่
เรเชลที่ตั้งสติได้ลุกขึ้นยืนจากโซฟาจนราฟหัวโขกเข้ากับที่วางแขน ก่อนที่ทั้งสองสาวจะตะโกนออกมาเสียงดังจนราฟต้องรีบเอามือปิดหูว่า
“ใครจะคิดถึงนายกัน...ไอ้คนกะล่อนเอ๊ย!”