กลับสู่หมู่บ้านโคลฟเวอร์
“เจ้านี่น่ะเหรอ อืม...มันเป็นของเพื่อนของผมที่ให้มาน่ะ กำลังจะเปิดขายในตลาดอยู่ คุณช่วยรักษาชาวบ้านให้ผม เดี๋ยวผมจะขอจากเพื่อนให้คุณเครื่องนึงนะครับคุณหมอคนสวย” ราฟยิ้มให้เธอ หมอสาวขมวดคิ้ว ก่อนจะใช้ดวงตาสีเหลืองของเธอมองราฟแล้วเอ่ยว่า
“เลิกเรียกฉํนว่าคุณหมอคนสวยได้แล้ว มันขนลุก เรียกฉันว่า ‘ลูซี่’ เถอะ”
“โอเคครับคุณลูซี่” ราฟพยักหน้าก่อนจะมองไปที่จอภาพ
ภายในจอภาพ
หลังจากที่พวกเทียนหงแสดงหนังสดกันจนหมดแรง จากที่ราฟเห็น การต่อสู้ภายในนั้นรุนแรงมากเสียจนถ้าเป็นคนธรรมดาที่ไม่ได้ผ่านการฝึกฝนร่างกายเพื่อใช้สำหรับรับมือกับสัตว์อสูรเหมือนกับเทียนหงและเหล่าทหารรับจ้างก็คงตายไปเพราะทนความป่าเถื่อนของคนพวกนี้ไม่ไหว
เทียนหงที่โดนหนักสุดนั้นตอนนี้กำลังนอนคว่ำหน้าแผ่หลาไปกับพื้น แววตาของเราดูไร้ชีวิตเสียจนถ้าราฟไม่เห็นว่าเขากำลังหายใจอยู่ก็คงคิดว่าตายไปแล้ว สภาพของคนอื่นๆก็ไม่ได้ต่างกันนัก เพียงแค่พวกเขามีสีหน้าเปี่ยมสุขเพราะคิดว่าได้ปลดปล่อยอารมณ์กับสาวงามก็เท่านั้น
“เอาล่ะทุกคน กลับหมู่บ้านกันเถอะ”
“ครับ/ค่ะ” พวกชาวบ้านขานรับเสียงใส หลังจากที่เห็นว่าพวกเทียนหงได้รับความเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจไปเมื่อครู่ มันก็ทำให้พวกเขาเริ่มกลับมายิ้มและหัวเราะได้อีกครั้งหนึ่ง
จากนั้นราฟ ลูซี่ และชาวบ้านจากหมู่บ้านโคลฟเวอร์ทั้งหมดก็ออกเดินทางกลับหมู่บ้านกันพร้อมกับเสียงหัวเราะมีความสุขของพวกชาวบ้าน
.
.
.
เมื่อเดินกลับมาถึงหมู่บ้าน พวกราฟยกเว้นลูซี่ก็ถึงกับตกใจจนอ้าปากค้าง เพราะภาพที่พวกเขาเห็นนั้นไม่ใช่ภาพเศษซากของหมู่บ้านที่ถูกเผาทำลาย แต่มันกลับกลายเป็นสถานที่อยู่อาศัยที่สวยงามยิ่งกว่าที่ราฟเห็นจากในเน็ตตอนค้นหาพิกัดของหมู่บ้านนี้เสียอีก
“คุณคือคุณราฟที่เป็นคนแจ้งมาว่าที่นี่ถูกอสูรบุกใช่ไหมครับ?” พวกราฟตกใจได้ไม่นานก็มีชายที่สวมชุดเหมือนเจ้าหน้าที่ของสมาคมผู้พิทักษ์เดินเข้ามาถาม
“เอ่อ ใช่ครับ” เมื่อราฟพยักหน้ารับ ชายคนนั้นก็ยิ้มให้แล้วกล่าวว่า
“ผมคือเจ้าหน้าที่จากสมาคมผู้พิทักษ์ให้มาจัดการเรื่องนี้ ทางสมาคมได้รับทราบเรื่องราวที่คุณให้รายละเอียดมาแล้วและพบว่าต้นเหตุไม่ได้เกิดจากสัตว์อสูรจริงๆ ทางเราจะรีบดำเนินการจับคนร้ายมารับโทษให้เร็วที่สุดครับ!”
“เอ่อ ถ้าหมายถึงคนร้ายล่ะก็ พวกนั้นสลบอยู่ในถ้ำห่างออกไปประมาณ 5 กิโลน่ะ พิกัดคือ...” ราฟบอกเจ้าหน้าที่คนนั้นก่อนจะส่งไฟล์วิดีโอฉบับคัดลอกให้เขา
“นี่มัน!?” เจ้าหน้าที่คนนั้นเบิกตากว้าง สิ่งที่ชายหนุ่มผมเทาส่งให้เขาคือคลิปวิดีโอที่ราฟแอบอัดไว้ตอนที่พวกทหารรับจ้างคุยกัน รวมถึงภาพของชาวบ้านที่ถูกจับอยู่ในกรงและถูกใช้เป็นเครื่องมือระบายความใคร่ก็มีในนี้ด้วย
เจ้าหน้าคนนั้นกัดฟันกรอด ก่อนจะมองพวกชาวบ้านแล้วกล่าวว่า
“ผมได้ซ่อมแซมบ้านของพวกคุณและจัดวางอุปกรณ์ที่จำเป็นให้แล้ว โชคดีที่สายไฟถูกฝังไว้ที่ใต้ดินเลยไม่มีความเสียหายมากนัก ถ้าพวกคุณต้องการอะไรเพิ่มเติมสามารถคุยกับเจ้าหน้าที่คนนี้ได้นะครับ ส่วนผมขอไปจัดการอาชญากรพวกนี้ก่อน รับรองว่าไม่นานพวกคุณจะได้รับข่าวการประหารพวกมันแน่ โดยเฉพาะเจ้าเทียนหงนั่น พวกเราตามจับมันมานานแล้ว แต่เพราะตระกูลมันปิดข่าวไว้ตลอด เลยไม่สามารถจับได้เสียที ตอนนี้ถ้ามีคลิปนี่มันดิ้นไม่หลุดแน่ ขอบคุณสำหรับหลักฐานครับ! เช่นนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ!” เจ้าหน้าที่คนนั้นกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม พลางชี้ไปที่เจ้าหน้าที่อีกคนที่อยู่ด้านหลัง ก่อนจะหันไปสั่งเจ้าหน้าที่อีกห้าคนให้ตามมาแล้วเดินทางไปยังถ้ำที่ราฟได้ให้พิกัดไว้ด้วยความกระตือรือล้น
“ในเมื่อเรื่องจบแล้วงั้นพวกผมขอตัวก่อนนะครับทุกคน” ราฟหันไปพูดกับพวกชาวบ้าน
“ขอบคุณมากครับพี่ชาย! พี่สาว!” แจ็คยิ้มกว้างให้ทั้งสองคน
“ขอบคุณมากค่ะคุณราฟ คุณลูซี่” เจนยิ้มหวานให้พวกเขา
“ขอบคุณพวกเธฮมากๆนะ ถ้าว่างๆยังไงก็มาเยี่ยมพวกเราบ้างล่ะ” หัวหน้าหมู่บ้านยิ้มอ่อนโยน
“ขอบคุณมากๆครับ/ค่ะ!” ชาวบ้านที่เหลือยิ้มกว้าง
“งั้นพวกเราไปก่อนนะคะ ส่วนพวกคุณที่ถูกพวกมันทำร้ายมา เดี๋ยวฉันจะแจ้งสมาคมให้ส่งคนที่สามารถลบความทรงจำที่เลวร้ายมาให้ โชคดีนะคะ” หมอสาวหรือลูซี่ยิ้มหวานให้พวกชาวบ้านก่อนจะจับมือของราฟที่ยื่นมาให้เธอ ก่อนที่ทั้งคู่จะเทเลพอร์ตจากไป
.
.
.
ราฟและลูซี่ปรากฏตัวขึ้นที่ห้องพยาบาลของโรงเรียนไอรีนที่ราฟได้บุกเข้ามาพาตัวเธอไปตอนแรก
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับคุณลูซี...”
“ยัยลู!?”
ราฟที่บอกลาลูซี่เสร็จและเตรียมจากไปได้ยินเสียงที่คุ้นหูของใครบางคนจนต้องมองหาเจ้าของเสียง ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะพูดว่า
“โลกกลมจังวะ”
“เธอหายไปไหนกับเจ้าเด็กนี่มา ฉันเป็นห่วงแทบเลย ดีนะที่ฉันดูกล้องวงจรปิดแล้วเห็นว่าเธอหายไปกับเข้าเลยไม่ให้พยาบาลที่นี่แตกตื่นน่ะ” หลินอิงอิงเข้ามาสวมกอดเพื่อนสาวของเธอ ก่อนจะหันมามองราฟ
“นายพาเพื่อนฉันไปทำอะไร อย่าบอกนะว่า...ไอ้เด็กหื่นเอ๊ย!” หลินอิงอิงกำหมัดเตรียมเอาเรื่องนักเรียนของเธอ
“เง่ะ นี่ครูหลินมองผมเป็นคนยังไงเนี่ย ผมแค่ขอให้คุณลูซี่ช่วยรักษาคนอื่นก็แค่นั้น คุณก็ช่วยอธิบายทิสิ มัวแต่ยิ้มอยู่นั่นแหละ” ราฟหันมาขอความช่วยเหลือจากหมอสาวที่มองทั้งคู่ยิ้มๆอยู่
“คิกๆ ใจเย็นน่าอิงอิง คือเรื่องมันเป็นแบบนี้...” ลูซี่ที่มองราฟและหลินอิงอิงพูดคุยกันอยู่หัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะอธิบายให้เพื่อนสาวของเธอฟัง
“ที่แท้เจ้าพวกบ้านั้นมีเครื่องรบกวนสัญญานนี่เอง ฉํนถึงติดต่อพวกเธอสองคนไม่ได้ แถมยังทำให้พวกชาวบ้านติดต่อมาขอความช่วยเหลือไม่ได้จนต้องให้เด็ก 12 ขวบวิ่งมาไกลขนาดนั้นอีก โชคดีจริงๆที่พวกเธอไปช่วยพวกเขาไว้ทัน” หลินอิงอิงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกพลางมองราฟด้วยแววตาที่อ่อนโยน
‘เป็นคนดีอย่างที่คิดเลยนะเด็กคนนี้’
“มองผมอย่างนั้นหมายความว่าไงเหรอครับ อ๊ะ หรือว่าคิดถึงแล้วอยากกอดผมขึ้นมา รออะไรอยู่ล่ะครับ มาเลย!” ราฟที่เห็นสีหน้าของหลินอิงอิงที่มองเขาก็ฉีกยิ้มกว้างแล้วกางแขนทั้งสองข้างออก
“ไอ้เด็กบ้า! ใครอยากกอดนายกัน” หลินอิงอิงแหวออกมาก่อนจะเดินไปกอดแขนลูซี่แล้วพูดกับเธอว่า
“ยัยลู วันนี้ไปกินข้าวกับฉันไหม ไหนๆเจ้าเด็กนี่ก็บอกว่าจะเลี้ยงข้าวเธฮแล้วนี่ น้องเรเชลบอกฉันว่าจะมีงานเลี้ยงที่ห้องของเขา ไปด้วยกันนะ ยัยเด็กที่ชอบเลือกกินนั่นถึงกับเอ่ยปากชมเลยนะ”
“เรเชลน่ะนะ น่าสนใจนี่ งั้นฉันคงต้องไปชิมหน่อยแล้ว เพิ่งรักษาคนไปด้วย กำลังอยากหาอะไรกินอยู่พอดี” ลูซี่พูดยิ้มๆ
“ง่ะ ครูหลินนะครูหลิน ผมก็ว่าจะชวนคุณลูซี่เหมือนกัน ในเมื่อตกลงกันแล้วก็ไปกันเถอะครับ” ราฟยิ้มแห้งๆเพราะถูกครูสาวชิงพูดชวนหมอสาวก่อน ชายหนุ่มมองนาฬิกาก่อนจะพูดกับสองสาวว่า
“ตอนนี้บ่ายสามแล้ว งั้นหกโมงเย็นเจอกันที่ห้องผมนะครับ”
“อื้ม”
“โอเค”
ราฟที่ได้ยินคำตอบรับของสองสาวก็ยิ้มให้พวกเธอแล้วหายตัวจากไป