138 - เจ้าเชื่อจริงๆว่าเจ้าควบคุมข้าได้?
138 - เจ้าเชื่อจริงๆว่าเจ้าควบคุมข้าได้?
เจดีย์รกร้างเลียนแบบกดลงในชั่วพริบตาขณะที่โลกทั้งโลกสั่นสะท้าน ร่างของเจดีย์เรียบง่ายและไม่มีการตกแต่งแต่ยังให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติของเต๋า
สตรีศักดิ์สิทธิ์ถอยกลับอย่างรวดเร็วและไม่กล้าเผชิญหน้าอาวุธอีกต่อไป อย่างไรก็ตามเจดีย์โบราณเป็นเหมือนเงาตามหลังและผนึกนางไว้ภายในอย่างรวดเร็ว
“บูม!”
เสียงดังสั่นสะเทือนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ขณะที่เจดีย์รกร้างเลียนแบบหดตัวลงอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็มีขนาดเท่าฝ่ามือ "ดี!" สวีเต้าหลิงอุทานในขณะที่เขาพูดต่อ
“เจดีย์รกร้างนั้นน่าประทับใจจริงๆ แม้แต่การเลียนแบบที่ล้มเหลวก็น่ากลัวและน่าเกรงขามมาก ภายในพื้นที่ต้องห้ามมันสามารถค้นหาศัตรูได้อย่างอิสระโดยไม่ถูกขัดขวางแม้แต่น้อย”
เย่ฟ่านใจสั่น ภูมิหลังของตระกูลขุนนางโบราณนั้นล้ำลึกเกินไป พวกเขายังสามารถสร้างแบบจำลองของเจดีย์รกร้างกักขังสตรีศักดิ์สิทธิ์หยกพลิกสวรรค์ที่กลายเป็นข้ารับใช้รกร้างอยู่ภายใน
“เร็ว เราต้องรีบออกจากบริเวณนี้ เจดีย์รกร้างสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวและสามารถผนึกได้เพียงครู่เดียวเท่านั้น มันจะสลายตัวหลังจากนั้นไม่นาน” เจียงฮั่นจงรีบตะโกน
“แท้จริงแล้ว……มันล้มเหลว” จี้หยุนเฟิงรู้สึกว่าเหงื่อเย็น ๆ หยดลงบนคิ้วของเขา
“ยืนมึนงงไปเพื่ออะไร? รีบไปหยิบยาศักดิ์สิทธิ์แล้วมาพบเราที่ด้านล่างของภูเขา”
สวีเต้าหลิงรีบวิ่งไปหาเย่ฟ่าน
“เจ้าเชื่อจริงๆว่าเจ้าควบคุมข้าได้”
"เจ้า……."
ใบหน้าของผู้อาวุโสทั้งสามเปลี่ยนไป พวกเขาไม่คิดว่าเครื่องหมายหุ่นกระบอกจะไม่มีผล
“บูม!”
ในเวลานี้เจดีย์รกร้างเลียนแบบก็สลายตัว สตรีศักดิ์สิทธิ์หยกพลิกสวรรค์ไม่ได้ถูกขนาดอีกต่อไปแล้ว
"มันจบแล้ว!" เจียงฮั่นจงหัวเราะอย่างขมขื่น
เกือบจะในทันที ร่างกายของเขาเหี่ยวเฉาและกลายเป็นฝุ่นโดยที่ไม่สามารถพูดจบประโยคด้วยซ้ำ
จี้หยุนเฟิงและสวีเต้าหลิงก็ติดตามไปอย่างรวดเร็ว พวกเขากลายเป็นเถ้าถ่านราวกับว่าพวกเขาผ่านการมีชีวิตมาหลายหมื่นปีแล้ว
ในเวลาเดียวกัน ที่เชิงเขาศักดิ์สิทธิ์ทหารม้าที่ชราภาพและสัตว์อสูรที่อ่อนแอต่างก็เหี่ยวแห้งไป พวกมันกลายเป็นโครงกระดูกสีขาวไม่มีแม้แต่โอกาสเข้าร่วมกับบุคคลเมื่อหกพันปีที่แล้ว
จิตใจของเย่ฟ่านสั่นสะท้านเมื่อร่างกายของเขาแก่ขึ้นอย่างรวดเร็ว คลื่นซัดเข้าหาท้องฟ้าภายในทะเลสีครามอันขมขื่นของเขาและพลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็ไหลออกมาไม่หยุด
“ดินแดนรกร้างโบราณต้องห้ามจะเป็นที่ฝังศพของข้าจริงๆเหรอ?”
เย่ฟ่านรู้สึกอ่อนแออย่างมากในขณะที่เขารีบไปที่ยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ มีเพียงยาศักดิ์สิทธิ์หรือน้ำพุศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่จะสามารถช่วยเขาได้
เขาเพิ่งไปถึงยอดเขาก็เห็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ขวางอยู่ตรงนั้น เสื้อผ้าสีขาวของนางโบกสะบัด ดวงตาของนางว่างเปล่าแต่ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความตื่นตัวและมีสติปัญญาราวกับว่านางยังมีชีวิตอยู่
“ดินแดนรกร้างโบราณต้องห้ามนั้นน่ากลัวจริงๆ ครั้งก่อนที่เรารอดมาได้ก็เป็นเพราะว่าโชคดีเท่านั้น……”
เย่ฟ่านต้องการส่ง'หม้อ' ของเขาออกไป แต่สุดท้ายก็ไม่มีพลังศักดิ์สิทธิ์เพียงพอที่จะทำเช่นนั้น
ในที่สุดเขาขบฟันในขณะที่เขาพยายามบังคับหนังสือเล่มสีทองออกมา แสงสีทองส่องประกายขณะที่มันสับไปทางสตรีศักดิ์สิทธิ์
“!”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ยกนิ้วขึ้นอย่างง่ายดายซึ่งทำให้หนังสือทองคำตกลงสู่พื้นทันที นางสนใจหน้าทองคำอย่างลึกซึ้งและรีบหยิบมันมาไว้ในมือของนางและจ้องมองด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย
หลังจากนั้นสตรีศักดิ์สิทธิ์ก็ปรากฏตัวต่อหน้าเย่ฟ่านโดยไร้เสียงใดๆ มือหยกอันละเอียดอ่อนของนางยื่นไปทางเย่ฟ่านขณะที่นางสำรวจทะเลแห่งความทุกข์ของเขา
“เจ้า……”
เย่ฟ่านถอยกลับแต่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงนางได้ ประกายแวววาวและโปร่งแสงราวกับหยกละเอียดอ่อนและสมบูรณ์แบบไร้ตำหนิแทงเข้าไปในร่างกายของเขาโดยตรง
เย่ฟ่านเริ่มแก่ขึ้นอย่างรวดเร็ว และในชั่วพริบตามีเพียงผิวหนังที่ปกคลุมกระดูก เขาเกือบจะกลายเป็นโครงกระดูกโดยสมบูรณ์แล้ว
อย่างไรก็ตามทันใดนั้นสตรีศักดิ์สิทธิ์ก็ร้องออกมาอย่างน่าสังเวช ในเวลานี้ก้อนทองเหลืองภายในทะเลแห่งความทุกข์ของเย่ฟ่านสั่นไหวเบาๆและกระแทกสตรีศักดิ์สิทธิ์ให้บินกลับหลังไปอย่างรุนแรง
ตำราสีทองที่อยู่ในมืออีกข้างของนางก็ตกลงบนพื้นเช่นกัน
“แม้แต่เจดีย์รกร้างเลียนแบบก็เกือบจะผนึกเจ้าไว้ได้แล้ว แต่ของวิเศษของข้าอยู่ในระดับเดียวกับเจดีย์รกร้าง เจ้าอยากจะสัมผัสมันจริงๆ…….”
ทันใดนั้นเย่ฟ่านก็หัวเราะ พลังของเขาเกือบจะแห้ง ร่างกายของเขาเหี่ยวเฉาและบาดแผลของเขาก็ยังไม่มีแม้แต่เลือดไหลออกมา
เขาจะตายในไม่ช้าอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามเขายังคงต่อสู้ต่อไปและพยายามปีนป่ายเข้าสู่ยอดเขา เพราะในความงุนงงเย่ฟ่านได้กลิ่นกลิ่นหอมที่แทรกซึมลึกเข้าไปในหัวใจ
ต้นไม้เล็กๆที่มีเอกลักษณ์เฉพาะหลายต้นกำลังเติบโตอยู่ข้างหน้าและแน่นอนว่าในบริเวณใกล้เคียงก็มีน้ำพุศักดิ์สิทธิ์อยู่ด้วย
เย่ฟ่านแทบไม่สามารถประคองร่างกายตัวเองไหว ศีรษะของเขาจุ่มลงไปในน้ำพุศักดิ์สิทธิ์โดยตรง
……………….
ในส่วนที่ลึกที่สุดของพื้นที่ต้องห้าม ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เก้าแห่งเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน ก่อตัวเป็นเหวขนาดมหึมา บริเวณใจกลางของภูเขาทั้งเก้านั้นคือหลุมลึกที่มีขนาดกว้างใหญ่ไพศาลไม่เห็นก้น
ในขณะนี้บนยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ที่สูงตระหง่านเงียบสงบมาก ภูเขานั้นเต็มไปด้วยสมุนไพรมากมาย มันสดใสและเขียวชอุ่ม ในใจกลางของยอดเขาที่ราบเรียบนั้นมีน้ำพุกว้างสองวาไหลรินและไหลเป็นฟองเป็นประกายระยิบระยับ
ภายในน้ำพุเล็กๆแห่งนี้มีคนที่ดูเหมือนซากศพที่เหือดแห้ง เนื้อหนังของเขาแทบจะสูญหายไปหมดและกลายเป็นเป็นสีเทาพร้อมกับรอยแตกระแหงมากมาย
“ข้าไม่ได้ตาย…….”
หลังจากตกลงไปในน้ำพุเย่ฟ่านก็รู้สึกตัวทันที น้ำพุมีแก่นแท้ของพลังลมปราณที่หนาแน่นซึ่งทำให้ร่างกายของเขาไม่แก่ขึ้นอีก
พลังของเย่ฟ่านเกือบจะแห้ง อวัยวะทั้งห้าของเขาแทบจะเรียกได้ว่าเหี่ยวแห้งไปอย่างสมบูรณ์แล้วแม้แต่เนื้อหนังของเขาต่อให้คนอายุร้อยปีก็ไม่สามารถเทียบได้
ในเวลานี้เมื่อเขาตกลงไปในบ่อน้ำพุ ร่างกายของเขาดูดซับแก่นแท้ของพลังปราณอย่างรวดเร็ว มันเหมือนกับทะเลทรายที่ได้รับหยาดฝนอันหอมหวาน
เย่ฟ่านนอนต่อในน้ำพุและเขารู้สึกว่าคอของเขาแห้ง ริมฝีปากของเขามีเพียงแค่ชั้นผิวหนังบางๆปกคลุมมัน และเขาก็พยายามดิ้นรนก่อนที่จะดื่มน้ำคำใหญ่ในที่สุด
น้ำพุมีรสหวานอย่างยิ่งและมีกลิ่นหอมอันน่าอัศจรรย์ทำให้ริมฝีปากและคอแห้งของเย่ฟ่านชุ่มชื้นทันที เวลานี้พลังชีวิตมากมายมหาศาลก็เริ่มค่อยๆไหลซึมเข้าสู่ร่างกายของเขา
เย่ฟ่านเริ่มกลืนน้ำคำใหญ่ขณะที่เนื้อของเขาเริ่มฟื้นตัวอย่างช้าๆ
เขารู้ว่าในที่สุดเขาก็รอดจากอันตรายและสามารถเอาชีวิตรอดได้ภายในน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ พลังปีศาจของดินแดนรกร้างโบราณต้องห้ามไม่สามารถทำให้เขาแก่ได้อีกต่อไป
ผ่านไปครึ่งนาทีเย่ฟ่านได้ดื่มน้ำพุมากจนไม่สามารถดื่มได้อีกแม้แต่หยดเดียว
เย่ฟ่านยังคงนอนอยู่ในน้ำพุโดยไม่ขยับแม้แต่ก้าวเดียวในขณะที่เขาจ้องมองไปที่ท้องฟ้าสีฟ้าใสก่อนจะถอนหายใจยาวครุ่นคิดถึงการใช้ชีวิตหลังภัยพิบัติ
พลังชีวิตของเขาก็ค่อยๆฟื้นตัวทำให้เขารู้สึกว่าเส้นทางการฝึกตนนี้ยังคงเป็นเส้นทางอีกยาวไกล
เขานอนอยู่เต็มชั่วยามในขณะที่เขารู้สึกว่าพลังชีวิตภายในร่างกายของเขาค่อยๆแข็งแกร่งขึ้นก่อนที่จะขยับแขนที่ผอมแห้งได้
ในที่สุดร่างกายที่เหี่ยวแห้งของเขาฟื้นคืนขึ้นเล็กน้อยในขณะที่พลังชีวิตของเขาก็เริ่มจะฟื้นกลับมาเช่นกัน
ในเวลานี้เองที่สัมผัสทั้งห้าของเขาสามารถใช้งานได้อีกครั้ง ร่างกายของเขาสบายมากในขณะที่เขาแช่ตัวในน้ำพุ แก่นแท้ของพลังลมปราณจำนวนมากยังคงไหลเข้าสู่รูขุมขนทั่วร่างกายของเขา
“ก็ยังดีที่มีชีวิตอยู่…….”
เย่ฟ่านมีความพอใจที่ถูกแสดงออกมาบนใบหน้าอย่างชัดเจน ไม่นานมานี้ไฟแห่งชีวิตของเขาเกือบจะดับลงและตอนนี้เขารู้สึกว่าการมีชีวิตอยู่เป็นพรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดจากสวรรค์
“คนๆหนึ่งจะไม่มีวันพอใจในช่วงเวลาที่ง่ายและสะดวกสบาย เมื่อพวกเขาอยู่ในความลำบากยากไร้เท่านั้นถึงจะเข้าใจว่าการมีชีวิตอยู่จึงเป็นเรื่องที่ดีที่สุด”
เย่ฟ่านนอนอยู่ที่นั่นในขณะที่เขาจ้องมองท้องฟ้า ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มในขณะที่เขาค่อยๆฟื้นพลังชีวิตให้กลับสู่ช่วงเวลาสูงสุด