ตอนที่แล้วอย่างนี้ต้องพิสูจน์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปสามอสูรปรากฏกาย

ไป๋เสวี่ยฉีลงมือ


“อ๊ากกก ไม่เคยมีใครหยามข้าอย่างนี้มาก่อนในชีวิต เจ้า? เมฟิสโตใช่มั้ย รอข้าแปป ข้าขอเคลียร์กับเจ้าบ้านี่ก่อน!” หลิวหยางคำรามออกมาเสียงดัง

“ฮ่าๆๆๆ พวกเจ้านี่ตลกกันดีนะ ข้าน่ะไม่สนใจพวกเจ้าหรอก อยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ แต่จะดีเหรอ ดูข้างหลังพวกเจ้าก่อนสิ...” เมฟิสโตขี้นิ้วไปทางด้านหลังของพวกหลิวหยาง

ครืนนน

เมื่อหลิวหยางและเคียวยะหันกลับไป พวกเขาก็เห็นคชสารโลหิตที่หลิวหยางพึ่งจับทุ่มไปลุกขึ้นมา มันมองทั้งสองคนด้วยความโกรธ

“เป็นแค่ผู้ใช้พลังระดับ S แต่มีพลังกายใช้ได้นี่ ตอนแรกข้ากะจะทรมานโดยเล่นกับพวกเจ้าก่อนแล้วค่อยฆ่า แต่ข้าเปลี่ยนใจแล้ว จงดับสูญไปเสีย! ลำแสทมิฬ!” สิ้นเสียงของมัน คชสารโลหิตก็ชี้งวงมาทางหลิวหยางและเคียวยะก่อนที่ปลายงวงจะมีก้อนพลังงานสีดำสนิทรวมตัวกันเป็นทรงกลมก่อนจะยิงออกมาเป็นกระสุนลำแสงขนาดยักษ์พุ่งมาที่ทั้งสองคน

“หลบไป!” หลิวหยางพูดขึ้น เขาออกแรงผลักเคียวยะออกไปแต่ก็ไม่สามารถขยับตัวของชายหน้ายิ้มได้

“คุณนั่นแหละที่ต้องหลบ” เคียวยะยิ้มให้หลิวหยาง เขาดึงให้หลิวหยางไปอยู่ด้านหลังก่อนจะเรียกโล่อัศวินขนาดใหญ่ออกมาป้องกันลำแสงสีดำนี้

ซูมมมม

“ไม่ไหวแฮะ มันแรงเกินไป ดูเหมือนมันจะใช้พลังแห่งความมืดที่มีพลังในการทำลายสูงโจมตีมา ฮะๆ” เคียวยะยิ้มแห้งๆ

“ในเวลาแบบนี้ยังจะหัวเราะได้อีก เจ้าบ้าไปแล้วงั้นเหรอ” หลิวหยางว่าเข้าให้

“ก็อาจจะนะ” เคียวยะพูดพลางมองใบหน้าของหลิวหยางพลางถอนหายใจ

“ส่วนตอนนี้ก็หนีกันก่อนเถอะ โล่ของผมมันกันได้ไม่นาน พลังของช้างนี่เหมือนจะสูงกว่าระดับ S อีก มันไม่ใช่สิ่งที่เราจะต่อกรได้ในตอนนี้” เคียวยะพูดขึ้นขณะยกหลิวหยางพาดหลังก่อนจะพุ่งตัวหลบจากขอบเขตการโจมตีของลำแสงทมิฬ

“แล้วทำไมพวกเราไม่พูดยอมแพ้ไปล่ะ แค่นี้แหวนก็น่าจะเทเลพอร์ตพวกเราออกจากการแข่งขันแล้วนี่” หลิวหยางขมวดคิ้ว ถึงจะไม่พอใจที่ถูกเจ้าบ้านี่แบกก็เถอะ แต่เขาต้องปล่อยไปก่อนเพราะตอนนี้เขายังขยับตัวไม่ได้มากนัก นี่ถ้าได้โดนน้ำสักหน่อยนะ...

“ผมลองดูตั้งแต่ตอนเห็นเจ้าเมฟิสโตนั่นฟันหัวผู้เข้าแข่งขันคนอื่นเหมือนเป็นของเล่นแล้ว หนึ่งในนั้นคืออันดับหนึ่งของโรงเรียนวาเรียที่มีพลัง ‘ปราการเหล็ก’ ที่สามารถทำให้ร่างกายของเขาทนทานเหมือนเหล็กกล้า ผมเคยสู้แล้วผลคือเสมอกับเขาเพราะโจมตีเขาไม่เข้า”

“...ที่ผมจะบอกคือเขาแข็งแกร่งขนาดที่ว่าอยู่ในระดับที่ใช้ได้ตลอดเวลาแม้ในขณะที่นอนหลับหรือสลบแต่ก็ถูกเจ้าเมฟืสโตนั้นฟันหัวขาดในครั้งเดียว....”

“พอผมเห็นแบบนั้นก็เลยรีบยอมแพ้หวังให้แหวนส่งผมกลับโรงเรียนไปแต่มันกลับไม่ทำงาน ดังนั้นในตอนนี้พวกเราควรหนีก่อน แล้วค่อยหาวิธีติดต่อพวกผู้อำนวยการกัน” เคียวยะพูดขณะวิ่งหลบลำแสงสีดำนั้นไปด้วย

“ฮี่ๆ เป็นภาพที่น่าดูจริงๆ ว่าที่ผู้พิทักษ์อนาคตไกลกลับวิ่งหนีคชสารเพียงตนเดียว เสียดายจริงๆที่ครั้งนี้ไม่มีการถ่ายทอดสด ไม่งั้นคนดูคงมีหลายล้านแน่ๆ ฮ่าๆๆๆ” เมฟิสโตใช้มือทุบที่วางแขนอย่างสะใจ

“นายคือดยุคเมฟิสโตแห่งเผ่ามาร ฉายา ‘จอมเชือด’ สินะ” เสียงทุ้มของชายหนุ่มดังขึ้นด้านหลังของชายเผ่ามาร

ตูมมม

เมฟิสโตเปลี่ยนมือของตัวเขาเป็นมือโลหิตขนาดยักษ์โจมตีไปที่จุดที่ได้ยินเสียงทันที

“ดูจากไอมารที่แผ่ออกมาพร้อมกับพลังที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างของเลือดได้ดั่งใจแล้วคงไม่ผิดแน่” ชายคนนั้นพูดเสียงเรียบก่อนจะเผยตัวออกมาเผยให้เห็นชายใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรผมดำตาทองคนหนึ่งกำลังเรีบกหอกเทพสงครามออกมาจากความว่างเปล่า

เป็นพัคแทยัง!

“ใบหน้านั้น กับเนตรสีทองที่น่าควักมาเป็นเครื่องประดับนั่น บุตรแห่งสุริยัน? ฮ่าๆๆ ข้าก็ตามหาเจ้าตั้งหลายวัน นึกว่าไปมุดหัวหลบเหมือนหนูท่อที่ไหนมา แต่กลับโผล่มาให้ข้าเชือดถึงที่เลยนี่นะ เรียกว่ากล้าหรือโง่ดีล่ะเนี่ย” เมฟิสโตแสยะยิ้มพลางเปลี่ยนให้มือกลับมาเป็นเหมือนเดิม

“จะให้ฉันอยู่เฉยๆมองคนที่สังหารประขาขนของตัวเองสนุกอยู่ได้ยังไงกันล่ะ นายน่ะ คือหนึ่งในพันธมิตรอนธการที่ทำการล่าสังหารเผ่าเทวะและภาคีสุริยันสินะ”

“ถ้าใช่แล้วจะทำไม? ฮะ? เจ้าเด็กเมื่อวานซืน ในตอนที่พวกข้าไล่ล่าพวกขี้แพ้นั่นรวมทั้งบิดาบังเกิดเกล้าของเจ้า ตัวของเจ้ายังเป็นเพียงเด็กน้อยตัวกะเปี๊ยกที่เอาแต่ร้องไห้เรียกหา ท่านพ่อ! ท่านแม่! ท่ามกลางเกาะลอยฟ้าที่พังทลายอยู่เลยนี่?” เมฟิสโตยิ้มหยันชายหนุ่มตรงหน้าก่อนจะกลับไปนั่งบนบัลลังค์อย่างสบายอารมณ์เหมือนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา

“งั้นฉันก็จะได้ล้างแค้นให้กัยสมาชิกภาคียังไงล่ะ” พัคแทยังกัดฟันกรอด ดวงตาสีทองของเขาเต็มไปด้วยรังสีแห่งการฆ่าฟัน เขากำหอกแน่นเตรียมโจมตีด้วยพลังทั้งหมดที่มี

“อ๊ะ เจ้าหน้าหล่อ! ยังรอดอยู่อีกเหรอ? รีบหนีไป! เจ้ามารนั่นอย่างโหดเลย มันฆ่าอันดับหนึ่งของโรงเรียนวาเรียไปแล้ว!” เสียงเจี๊ยวจ๊าวสายหนึ่งดังขึ้น

เมื่อพัคแทยังเบนสายตาไปมองก็พบกับชายหนุ่มผมฟ้าที่เคยเจอเมื่อตอนเริ่มการแข่งขันใหม่ๆ

“นายน้อยขี้วีน?” พัคแทยังเอียงหัวพูด

“ว่าใครขี้วีนฟะ คำนั้นใช้กับผู้หญิงโว้ย ต้องใช้ขี้โมโหสิ...ไม่ใช่ละ รีบหนีก่อนเร็วเข้า!” หลิวหยางพูดอย่างร้อนรน เขายังอยากจะสู้กับเจ้าหมอนี่อยู่นะ เขาจะไม่ปล่อยให้เจ้าหน้าหล่อนี่ตายก่อนตัดสินกันเด็ดขาด

“เลิกเป็นห่วงเขาเถอะครับ” เคียวยะพูดขึ้นด้วยคิ้วที่ขมวดขณะวิ่งหลบลำแสงทมิฬ เขามองพัคแทยังอย่างไม่พอใจโดยที่ไม่รู้ว่ามันเกิดจากอะไร

“...ลำแสงทมิฬ? พี่เสวี่ยฉี” พัคแทยังมองลำแสงขนาดใหญ่ที่ปล่อยออกมาจากช้างยักษ์สีแดงก่อนจะพูดออกมาเบาๆอย่างอ่อนโยน

“ได้เลยพัคน้อย...คชสารโลหิต? เมื่อสงครามครั้งก่อนมันยังเป็นเพียงพาหนะของเอิร์ลแห่งเผ่ายักษาอยู่เลยนี่ แหมๆ เลื่อนระดับจนมาเป็นขุนพลให้กับเจ้าขุนพลพ่อครัวนี่แล้วสินะ” เสียงหวานชวนผ่อนคลายดังออกมาจากหญิงสาวผมขาวในชุดจีนโบราณคนหนึ่ง เธอใช้มือซ้ายปิดปากหัวเราะเบาๆขณะกางมือขวาไปข้างหน้า

“พวกมารอย่างพวกเจ้ามีพลังลำแสงทมิฬแล้วคิดว่าสามารถทำทุกอย่างได้ตามต้องการ แต่ลืมไปแล้วสินะว่ายังมีพลังที่สามารถหักล้างมันได้อยู่น่ะ...”

“แสงแห่งทิวา!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด