แอบส่อง
“ใช่ๆ พี่มิร่า ข้าเหงามากเลยนะ ตอนนี้ท่านแม่น่ะติดนายท่านของข้าจนไม่สนใจข้าเลย ในเมื่อท่านมาก็ดีแล้ว มาเล่นกะ...”
ฟิ้วววว
ในขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น จู่ๆเจ้าเสือน้อยโมจิก็รับรู้ไดเแค่เพียงสายลมที่พัดผ่านตัวของเขาไป
“พี่หญิง ที่เจ้าเด็กดื้อนี่พูดมาเป็นเรื่องจริงเหรอ ที่ว่าพี่ติดผู้ชายน่ะ ข้าไม่ยอมนะ พี่ต้องเป็นของข้าคนเดียว โอ๊ยยย”
“อะแฮ่ม เจ้าว่าใครติดผู้ชาย ข้าแค่ปรนนิบัติน้องชายคนนี้อย่างใกล้ชิดต่างหากล่ะ” ไป๋เสวี่ยฉีกระแอมหลังจากเขกหัวน้องสาวของเธฮ
“ไม่ ข้าไม่ยอมรับ เจ้าหน้าหล่อ แน่จริงมาซัดกันแบบแมนๆมา!”
“...” พัคแทยังที่ยืนอยู๋เงียบๆถอนหายใจออกมา นี่คงเป็นน้องสาวติดพี่ที่โมจิบอกสินะ เขาเลือกที่จะไม่สนใจคำขอไร้สาระของอีกฝ่ายแล้วหันไปลูบหัวปลอบใจเด็กน้อยที่ดวงตาแดงก่ำทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“ดูวุ่นวายกันชะมัด” ซายะพึมพำคนเดียว
“ปล่อยข้านะเจ้าสัตว์ป่าหื่นกาม ข้าสาบานว่าถ้าข้าออกไปได้ข้าจะเรียกศิษย์พี่ของข้ามาจัดการเจ้า” วาเนสซ่าที่ถูกขังอยู่ในกรงตะโกนออกมา
“ชิ เสียงดังจริงๆ ดูท่าจะพูดคุยกันดีๆไม่ได้งั้นก็...” ราฟกำหมัดแล้วเขกหัวของเธอเบาๆ
ตุบ
วาเนสซ่าที่ไม่สามารถหลบหมัดนี้ได้ทันก็สลบลงไปนอนกับพื้นทันที จากนั้นก็มีแสงส่องออกมาจากแหวนที่สวมอยู่บนนิ้วของหญิงสาว
“ฮู่ววว เงียบซะที หืม...คะแนนขนาดนี้...ยัยนี่จัดการผู้เข้าแข่งขันไปเท่าไหร่กันเนี่ย” ราฟเลิกคิ้วแต่ก็ไม่สนใจกับมันมากนัก
“นายยังไม่บอกฉันเลยว่านายรู้เรื่องของฉันตอนเจอกับมิร่าได้ยังไง” ซายะขมวดคิ้วถามเขา
“เรื่องนั้น...”
“เพราะเจ้าคนน่าตายนี่ทำตัวเป็นพวกถ้ำมอง แอบส่องดูพวกเราผ่านกล้องที่ติดไว้อยู่ทั่วทั้งเกาะอยู่น่ะสิ” เสียงของหญิงสาวที่ดูอ่อนแรงดังขึ้น เมื่อทุกคนหันไปมองก็พบว่าเป็นเรเชลที่เดินมาพร้อมกับเฟยฮวา
“เรช?” ซายะเบิกตากว้าง เธอวิ่งเข้าไปประคองหญิงสาวที่ตอนนี้มีใบหน้าซีดขาวเป็นผลมาจากการรีดใช้ปราณเกินขีดจำกัด โชคดีที่ราฟถ่ายเทปราณของเขาไปให้ทำให้เธอฟื้นตัวได้เร็วกว่าปกติหลายวัน
“พวกเธอรู้จักกันเหรอ” ราฟถาม
“เธอเป็นเพื่อนสมัยเด็กของฉัน แต่พอได้เป็นประธานนักเรียนก็ไม่ค่อยได้เจอกัน แต่ยังติดต่อกันตลอด...เดี๋ยวก่อน ที่เรชพูดเรื่องนายแอบส่องพวกเรานี่คือเรื่องจริงงั้นเหรอ? นายเห็นอะไรไปบ้าง? อย่าบอกนะว่าแอบดูตอนพวกเราอาบน้ำด้วยน่ะ นี่จะทำตัวโรคจิตไปถึงไหนกัน!” ซายะถามเขาด้วยใบหน้าจริงจัง
“จิ๊ คำก็โรคจิต สองคำก็โรคจิต เมื่อไหร่เธอจะมองว่าฉันเป็นคนปกติกับเค้ามั่งอ่ะ เสียใจนะเนี่ย...” ราฟพูดพลางเอามือกุมอก แต่เมื่อเห็นส่ยตาพิฆาตของสองสาวเขาก็มุ่ยปากแล้วพูดต่อว่า
“ก็ได้ๆ ฉันแค่อยากแน่ใจว่าพวกเธอจะปลอดภัยจากการแข่งขันนี้ก็เท่านั้น...ส่วนเรื่องแอบดูตอนอาบน้ำนั่นจริงๆก็อยากดูอยู่นะ แต่เจ้าหมอนี่ดันเป็นสุภาพบุรุษคอยห้ามอยู่เรื่อย” ราฟบอกพลางเบนสายตาไปทางพัคแทยังที่กำลังกระแอมอยู่
“พวกเธอมั่นใจได้ ฉันจำกัดขอบเขตการมองของเขาให้แล้ว” ชายหนุ่มตาทองส่งรอยยิ้มที่แสนจริงใจมาให้พวกเธอ
“...” ซายะกับเรเชลมองพัคแทยังด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
“นี่นายก็เป็นไปกับหมอนี่ด้วยงั้นเหรอ”
“อะไรกันสานตาแบบนั้น? ที่พวกฉันทำก็เพื่อดูแลความปลอดภัยของพวกเธอนะ แต่ฉันก็ตกใจอยู่นะที่ซายะรู้สนิทกับราฟด้วย” พัคแทยังเอ่ยยิ้มๆขณะชี้ไปที่มือของทั้งคู่ที่ยังจับกันอยู่
ซายะรีบสะบัดมือของราฟออกทันทีด้วยใบหน้าเย็นชา เธอรีบโคจรปราณเหมันต์บนหน้าทำให้ใบหน้าของเธอไม่แดงจนคนในห้องสังเกตุเห็น
“ใครสนิทกับหมอนี่กัน” เธอกล่าวเสียงแข็ง
“เจ็บจี๊ดเลยแฮะ” ราฟพูดพลางเอามือกุมอกอีกครั้ง
“...” ซายะหันหน้าหนี
“ซายะ เธฮเกลียดเขาไม่ใช่เหรอ แล้วไปสนิทกับหมอนี่ตอนไหนกัน” เรเชลขมวดคิ้ว หลังจากเห็นท่าทีของเพื่อนสาว ด้วยความที่เป็นเพื่อนกันมานานมีหรือที่เธอจะไม่รู้ว่าหญิงสาวผมขาวรู้สึกยังไง
“อะไรกัน เธอหึงฉันเหรอยัยนักดาบ แหม เขินจังเลย แอร๊ย” ราฟยิ้มหวานพลางบิดตัวไปมาด้วยท่าทางน่าถีบ
“นายน่ะเงียบไปเลย ตั้งแต่เฟยฮวาแล้วยังมาซายะอีก นี่นายไปเกี่ยวข้องกับผู้หญิงกี่คนกันแน่” เรเชลเดินเข้ามาหาราฟก่อนจะยื่นมือไปกุมคอเสื้อของเขาด้วยสีหน้าเอาเรื่อง
“เอ่อ...เธอไม่โกรธฉันกับพัคแทยังเรื่องปล่อยให้เธอเอาตัวรอดคนเดียวแล้วเหรอ” ราฟยิ้มแห้งๆ
“เรื่องนั้นเฟยฮวาอธิบายมาแล้วว่าที่นายทำงั้นเพราะอยากให้ฉันพัฒนาพลังให้มากขึ้น นายเกือบจะออกไปสู้กับแบคคัสแล้วใช่มั้ยถ้าเขาไม่ยอมหยุดทำร้ายฉันน่ะ เพราะงี้ฉันเลยโกรธไม่ลง” เรเชลกล่าวพลางถอนหายใจ
ก่อนหน้านี้หลังจากเธอฟื้นขึ้นมา เฟยฮวาที่มองเธอด้วยสายตาไม่พอใจก็บอกว่าเธอไม่มีสิทธิ์โกรธชายหนุ่ม เพราะในตอนที่เธอถูกแบคคัสสั่งให้อสูรพฤกษาจัดการเธอนั้น ราฟเกือบจะชิงแหวนเทเลพอร์ตของโลแกนเพื่อออกไปจัดการแบคคัสด้วยตัวเองแล้ว แต่ก็ถูกโลแกนกับไป๋เสวี่ยฉีขอร้องไม่ให้ทำอย่างนั้น และบอกว่าแบคคัสไม่มีวันสังหารเธอ เขาแค่แกล้งเท่านั้น ราฟจึงเลือกที่จะสังเกตการณ์แล้วจัดการแกนบาเรียของเกาะต่อไป
ไม่อย่างนั้นแล้วต่อให้แบคคัสจะมีอีกร้อยชีวิต เขาก็ไม่อาจหนีรอดจากความโกรธเกรี้ยวของชายผมเทาได้
“ตอบฉันมา!” เรเชลพูดเสียงดัง เธอเขย่าคอเสื้อของราฟไปมา
“อ๊ากกก ยัยนี่ พึ่งฟื้นขึ้นมาแท้ๆทำไมแรงเยอะจังฟะ” ราฟพูดขึ้นอย่างเหนื่อยใจ
“เรช พอก่อน เธอต้องพักผ่อนนะ ส่วนเรื่องของหมอนี่พวกเราค่อยมาจัดการกันทีหลัง เพราะดูเหมือนลุงคนนั้นมีเรื่องสำคัญที่จะต้องคุยกับหมอนี่อยู่” ซายะห้ามเพื่อนของเธอ
“ก็ได้” เรเชลหยุดกระชากคอเสื้อชายหนุ่มแล้วมองเขาอย่างคาดโทษ จากนั้นเธอก็ขอให้เฟยฮวาพาเธอกลับไปพักที่ห้องพร้อมกับซายะที่ขมวดคิ้วมองเฟยฮวาอย่างไม่สบอารมณ์
“เธอยังอยู่อีกเหรอ” ซายะถาม
“ฉันสิที่ต้องถาม นึกว่าถูกอสูรกินกลางทะเลทรายไปแล้วซะอีก” เฟยฮวายิ้มตอบ
“ยัยนี่...” ซายะถลึงตาใส่สาวครึ่งมังกรแค่ก็เลือกที่จะไม่สนใจเธอเพราะต้องพาเรเชลไปพักผ่อน
หลังจากที่ทั้งสามสาวจากไปโลแกนก็พูดขึ้นว่า
“เอาล่ะ ในเมื่อสาวๆของนายไปแล้ว เครื่องสร้างเสถียรล่ะ ฉันเห็นจากกล้องแล้วว่ามันสำเร็จ” เขาพูดพลางยื่นมือออกมา
“พวกเธอไม่ใช่ของผมซักหน่อย อย่าพูดเหมือนพวกเธอเป็นสิ่งของสิ...เอ้านี่” ราฟโยนออกไปให้โลแกน ชายวัยกลางคนรับมันเอาไว้
“โทษทีๆ...หึๆ ในที่สุดมนุษยชาติก็สามารถออกไปนอกโลกได้แล้ว” โลแกนพูดขึ้นอย่างดีใจ จากนั้นเขาก็ลงมือพิมพ์อะไรบางอย่างด้วยความรวดเร็ว
“ลุงจะทำอะไรอ่ะ” ราฟถาม
“เจาะระบบสื่อสารสาธารณะทั่วโลกเพื่อถ่ายทอดสดบอกทุกคนว่าเราควบคุมบาเรียได้แล้ว”
“อ้อ” ราฟพยักหน้า แต่ก่อนที่โลแกนจะกดเจาะระบบนั้น
ตูมมม
“อะไรกัน” พัคแทยังขมวดคิ้ว เพราะอยู่ๆก็เกิดเสียงดังคล้ายระเบิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“เกิดอะไรขึ้นน่ะลุง” ราฟถาม
“ขอเช็คแปป...อ้อ ไม่มีอะไรหรอก แค่พวกผู้เข้าแข่งขันที่นายจัดการไปกำลังอาละวาดกันน่ะ อย่างกับสงครามขนาดย่อมเลยแฮะ” โลแกนพูดอย่างเฉยชาก่อนตะกดปุ่มกันเสียงให้กับญานวิจัยแห่งนี้ จากนั้นเสียงดังทั้งหมดก็หายไป