อาชาพฤกษา
ด้วยความไวของมนุษย์หมาป่าที่เด่นในเรื่องความเร็ว บวกกับพละกำลังของอสูรระดับ SS ทำให้ไลคาออนสามารถหลบการโจมตีของชายผมเขียวได้อย่างง่ายดาย
“...” ชายผมเขียวไม่สนใจที่จะสนทนากับอีกฝ่าย แต่กลับยกมืออีกข้างขึ้นมา
“อสูรพฤกษา โจมตี!”
ฮูมมม
อสูรพฤษาที่ยืนรอฟังคำสั่งนายของมันกู่ร้องออกมาก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปโจมตีอสูรขนแดง
“เหอะ เป็นแค่ราชาอสูรระดับ S อย่ามายุ่งไม่เข้าเรื่อง!” ไลคาออนแสยะยิ้ม หลบการโจมตีของหอกไม้ ก่อนจะกางกรงเล็บทั้งห้าของมันที่ปกคลุมด้วยปราณโลหิตอยู่ สะบัดด้วยความเร็วเสียง เกิดเป็นฝ่ามือสีแดงฉานขนาด 5 เมตรโถมใส่อสูรพฤกษาทับร่างของมันจนแหลกเหลว ไลคาออนฉีกยิ้มกว้าง เขาเลิกใช้วิชา ทำให้ฝ่ามือโลหิตสลายไป เผยให้เห็นซากร่างที่แตกกระจายของอสูรพฤกษา แต่น่าแปลกที่มันไม่ฟื้นร่างกลับมา
ไลคาออนหันไปมองเรเชลก่อนจะพูดข่มเธอ
“ไงล่ะแม่สาวน้อย ดูแล้วจำไว้ซะ การจัดการกับอสูรชั้นราชาระดับ S ที่มีพลังฟื้นตัวระดับกึ่งอมตะอย่างถูกวิธีคือการทำลายทุกส่วนของร่างมันในทันที ไม่อย่างนั้นแก่นอสูรของมันที่เป็นพลังชีวิตและเป็นตัวฟื้นฟูหลักจะสามารถคืนสภาพของมันได้ ยิ่งเจ้านี่เป็นธาตุไม้แล้วด้วย พลังการฟื้นฟูของมันจึงแข็งแกร่งกว่าอสูรธาตุอื่นในระดับเดียวกันหลายเท่า! ไงล่ะ ข้าเก่งใช่มั้ย เคารพข้า บูชาข้า ไลคาออนผู้นี้สิ เฮี๊ยกๆๆ”
“...” เรเชลมองมนุษย์หมาป่าตรงหน้าด้วยสายตาแบบเดียวกับตอนเจอกับชายผมเขียวครั้งแรก ก่อนจะนึกในใจ
‘คนที่แข็งแกร่งทุกคนเป็นอย่างนี้หมดเลยรึไงนะ?’
“หึ จากวิชาที่เจ้าใช้ออกมามันคือวิชาของเผ่ามารโลหิตสินะ งั้นก็ไม่เท่าไหร่” ชายผมเขียวยิ้มหยัน
ไลคาออนที่ได้ยินดังนั้นก็แยกเขี้ยวใส่
“ปากดีนักนะ มาดูกันว่าเจ้าจะแข็งแกร่งเหมือนปากรึเปล่า...ยัยหนู เจ้าย่าคิดหนีไปไหนล่ะ ข้าต้องติดตามเจ้าตามคำสั่งของคุณหนูเอาแต่ใจนั่นต่อ แต่ถ้าคิดหนีล่ะก็ ข้ายินดีที่จะตัดขาของเจ้าให้ไม่สามารถก้าวไปไหนได้อีก”
“อึก” เรเชลที่หวังใช้โอกาสที่ชายผมเขียวเผลอหนีออกไปจากสถานการณ์ระหว่างอสูรระดับสูงสองตนนี้ เมื่อหญิงสาวได้ยินสิ่งที่ไลคาออนพูดกับเธอก็ล้มเลิกความคิดที่จะหนีทันที
“ข้าจะสร้างโพรงให้เจ้าหลบชั่วคราว อย่าออกมาล่ะ” ชายผมเขียวสะบัดมือครู่หนึ่ง รากไม้ที่พันตัวของเธออยู่ก็ขยายออกเปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นโพรงที่เธอเข้าไปอยู่ได้ ก่อนที่มันจะกลายเป็นทรงกลมขนาดใหญ่
‘ฮือออ ทำไมเราต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย เจ้าหมาป่านั่นจะตามเรามาทำไมกัน แล้วคุณหนูที่ว่าคือใคร?’ เรเชลมุดตัวหลบไปในรากไม้ที่ชายผมเขียวสร้างเป็นโพรงให้เธอหลบเมื่อสักครู่ด้วยใบหน้าเหม่อลอย
“ในเมื่อเจ้าต้องการเช่นนั้น ข้าก็จะจัดให้ตามคำขอ...” ชายผมเขียวยิ้มบางๆ แล้วเก็บพัดของเขาไว้ในเสื้อ ก่อนจะสะบัดมือของเขาออกไป จากนั้นมือของเขาก็ยืดขยายออกไปกลายเป็นมือยักษ์ขนาด 10 เมตรเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่มากเกินกว่าที่ไลคาออนจะหลบทัน
“อั่ก” ไลคาออนเกร็งร่างของเขา โคจรปราณโลหิตเต็มที่หวังทำลายฝ่ามือพฤกษานี้
“วิชาอาภรณ์โลหิต รูปแบบเกราะ...ขยาย!” สิ้นเสียงของอสูรขนแดง ร่างกายของเขาก็มีปราณโลหิตแผ่ขยายออกมาทั่วร่างรวมตัวกันเป็นเกราะอัศวืนสวมทับร่างของเขา มันสั่นไปมาหวังขยายร่างเพื่อทำลายการบีบจับของมือพฤกษานี้
“อ๊ากกก จงสยบให้แก่ข้า สละโลหิต เพิ่มพูนกำลัง!” ไลคาออนใช้ออกด้วยวิชาที่ต้องใช้เลือดของผู้ใช้เป็นพลังงานเพื่อเพิ่มพละกำลังของตน แต่อนิจจา ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนยังไงก็ไม่สามารถหลบหนีจากมือนี้ได้ ปราณโลหิตที่แผ่ออกมาจนจับต้องได้ถูกดูดซับไปโดยมือพฤกษา ทำให้มันแข็งแกร่งมากขึ้นจนไลคาออนไม่สามารถโคจรปราณได้อีก เพราะปราณของเขาถูกดูดซับไปโดยมือนี้แล้ว
“เจ้า! เป็นตัวอะไรกัน?” ไลคาออนมองชายผมเขียวด้วยดวงตาครั่นคร้าม ชีวิตอสูรชั้นราชาระดับ SS ที่เขาใช้มากว่า 200 ปีไม่เคยพบเจอใครที่สามารถเอาชนะเขาได้อย่างง่ายดายเช่นนี้มาก่อน
“เห้อ ดูท่าเผ่ามารโลหิตจะหลงลืมตัวตนที่อยู่เหนือพวกเจ้าไปแล้วสินะ นึกให้ออกสิ เผ่าพันธุ์ใดที่พวกเจ้าหวาดเกรง เผ่าพันธุ์ใดที่ทำให้พวกเจ้าไม่กล้าสบตายามเมื่อมีการประชุมของเหล่ามวลอสูร!” ชายหนุ่มผมเขียวพูดด้วยน้ำเสียงทรนง
“...ธาตุไม้ ดูดซับปราณโลหิต หรือว่าเจ้า...อะ อาชาพฤกษา ผู้พิทักษ์แห่งอิกดราซิล!?” ไลคาออนเอ่ยออกมาด้วยความตกใจ
เมื่อกล่าวถึงเผ่ามารโลหิต พวกเขาคือสิ่งมีชีวิตที่มีความเด่นในเรื่องของการตายยาก เพราะยิ่งมีระดับปราณโลหิตสูงเท่าไหร่ พลังการฟื้นฟูก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น
มารโลหิตระดับ A ขึ้นไปนั้นต่อให้ถูกตัดหัว หากยังมีเลือดอยู่ข้างกายในระยะ 20 เมตร พวกเขาก็จะสามารถต่อหัวของตัวเองได้เหมือนไม่เคยได้รับบาดเจ็บ
หากเป็นระดับ S ก็จะมีความสามารถคล้ายกับอสูรพฤกษาที่สามารถฟื้นฟูตัวเองได้ต่อให้ร่างกายขาดหายไป ขอแค่มีแกนพลังชีวิตหลักที่อยู๋ในหัวใจอยู่ก็สามารถสร้างอวัยวะขึ้นมาใหม่ได้
หากเป็นระดับ SS ต่อให้ร่างกายทั้งหมดแหลกเละ แกนพลังชีวิตในหัวใจของพวกเขาจะกลายเป็นไอโลหิตหลบหนีออกไปเพื่อหาร่างสิงสู่ใหม่หรือถ้ามีเลือดเพียงพอ พวกเขาก็สามารถสร้างร่างใหม่ได้ เพียงแต่มันต้องใช้เวลาสักพัก
และถ้าหากเป็นมารโลหิตระดับ SSS แกนพลังชีวิตในหัวใจจะหลอมร่วมเขากับทุกอณูของร่างกาย ทำให้ต่อให้ทุกส่วนถูกทำลายไปจนหมดรวมทั้งแกนพลังงานตรงหัวใจก็ตาม ขอแค่มีเลือดเพียงหยดเดียว หยดเลือดนั้นก็จะดูดกลืนปราณธรรมชาติเพื่อแปรเปลี่ยนเป็นปราณโลหิตแล้วนำมาสร้างร่างใหม่ได้ในทันที เรียกได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะก็ไม่ถือว่าเกินเลย
อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งที่ว่ามานี้ หากมาเจอเข้ากับอาชาพฤกษาที่มีพลังของอิกดราซิลหรือต้นไม้แห่งชีวิตนั้น พวกเขาก็ไม่ต่างอะไรกับหนูเจอแมว เพราะปราณพฤกษาแห่งชีวิตของเหล่าอาชาพฤกษาสามารถดูดซับพลังชีวิตได้เพียงแค่โคจรปราณเท่านั้น