อย่างนี้ต้องพิสูจน์
“เจ็บชะมัด ใครมันบังอาจลอบโจมตีข้าฟะ แถมมีแรงเยอะพอที่จะทะลวงการป้องกันของข้าได้อีก” หลิวหยางฟื้นขึ้นกลางทุ่งหิมะด้วยความมึนงง ทันใดนั้นเองเขาก็สัมผัสถึงอันตรายได้
ฉัวะ!
เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับหัวของผู้เข้าแข็งขันนับสิบที่ถูกกรงเล็บสีแดงส่งกลิ่นคาวเลือดฟันจนกระเด็นออกไปรอบทิศ
“อสูรเ!?” หลิวหยางโคจรปราณวารีทั่วร่างเคลื่อนกายหลบการโจมตีนี้ด้วยความพลิ้วไหวดุจสายน้ำ
“หลบการโจมตีของข้าได้งั้นเหรอ? ดูเหมือนว่าพวกเจ้าสองคนจะมีดีอยู่บ้าง” เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้น
“สองคน?” หลิวหยางพึมพำแล้วเบนสายตาไปทิศทางอื่น เขาเห็นชายหน้าตายิ้มแย้มคนหนึ่งกำลังสะบัดดาบของเขาฟันต้านรับกรงเล็บนั้นอยู่
‘เจ้านี่ไปเอาอาวุธมาจากไหนกันนะ ทั้งที่การแข่งขันนี้ให้เริ่มต้นจากตัวเปล่าแท้ๆ’ หลิวหยางคิดในใจด้วยความสงสัย
แต่ไม่นานความสงสัยของเขาก็ถูกทำให้กระจ่าง เพราะชายหนุ่มหน้ายิ้มเรียกดาบโลหะสีเงินมันวาวออกมาจากร่างกายของเขา ทำให้ตอนนี้เขาถือดาบคู่อยู่
“ร่างกายของเจ้าสามารถสร้างอาวุธได้อย่างนั้นเหรอ? เป็นพลังที่สุดยอดไปเลยนะเจ้าน่ะ” หลิวหยางพูดออกมา แต่ก็ต้องรีบโคจรปราณอีกครั้ง
ตูมมม
“พูดตุยกันสบายใจจังเลยนะ เหมือนจะไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาเลย ช่างโง่เขลา...โลหิตทะลวงใจ!” ชายคนนั้นคำรามเสียงดังพลางยื่นมือออกมา ทั้งสองข้าง
ปรากฏกระสุนโลหิตนับสิบสายพุ่งออกมาจากนิ้วมือทั้งสิบของเขาโจมตีไปที่หลิวหยางและชายหน้ายิ้ม
“กำแพงน้ำวน” หลิวหยางกางมือซ้ายออกไปด้านหน้า จากนั้นก็มีน้ำวนพุ่งออกมาจากฝ่ามือของเขาทำหน้าที่เป็นโล่กำบังกระสุนให้กับเขา
“เพลงดาบคู่...เคลื่อนภูผา!” ชายหน้ายิ้มพูดออกมาพลางสะบัดดาบเบนทิศทางของกระสุนที่พุ่งมาทางเขาขึ้นไปบนฟ้าจนหมด
“ฮี่ๆ แล้วถ้าเจออย่างนี้ล่ะ...จงปรากฏกายให้แก่ข้า...”
“คชสารโลหิต!” สิ้นเสียงของชายหนุ่ม ช้างแอฟริกาสีเลือดสูง 15 เมตรก็โผล่ออกมาจากช่องว่างมิติ งาสีขาวนวลเปล่งออร่าสีแดงฉานออกมาอย่างน่ากลัว ดวงตาสีดำสนิทของมันจ้องมองหลิวหยางและชายหนุ่มหน้ายิ้มอย่างเหยียดหยัน
“ท่านเมฟิสโต นี่ท่านเรียกข้ามาเพียงเพื่อจัดการมดปลวกพวกนี้งั้นเหรอ ไหนว่าท่านมาที่นี่เพื่อช่วยท่านวาเนสซ่าจับคัวบุตรแห่งสุริยันกัน?” คชสารโลหิตหันมาถามชายหนุ่มตรงหน้าที่เป็นถึงศิษย์คนโตของจักรพรรดิโลหิต
“เรื่องนั้นข้าก็ไม่แน่ใจ ยัยเด็กนั่นบอกว่ามีวิธีตามหาตัวเจ้าพัคแทยังนั่นแล้ว ข้าเลยปล่อยให้นางทำตามแผนของนางไป ส่วนข้าก็ขอสนุกก่อน แต่ไม่คิดว่าอยู่ๆจะถูกคนใครบางคนลอบโจมตีจนข้าสลบไป ข้าจำกลิ่นโลหิตมันตอนที่ขยับตัวโจมตีข้าได้ ถ้าได้เจอมันอีกครั้งข้าจะจำได้และลงมือฆ่ามันทันที!” เมฟิสโตพูดด้วยความโกรธ
“...พอข้าตื่นขึ้นก็เห็นพวกที่มาพร้อมข้านอนสลบกันอยู่ เลยลงมือสังหารพวกมันแก้ความหงุดหงิดนี้ซะ แต่ไม่คิดว่ายังมีแมลงสาปตายยากสองตัวที่หลบและปัดการโจมตีของข้าได้” ชายเผ่ามารชี้ไปทางชายหนุ่มทั้งสองคนที่ตัวสั่นเพราะแรงกดดันของอสูรคชสารโลหิตอยู่
“แล้วทำไมท่านไม่ลงมือเองล่ะ” คชสารโลหิตถาม
“ข้าไม่มีอารมณ์ ที่เหลือฝากเจ้าจัดการก็แล้วกัน” เมฟิสโตบอกพลางกวาดมือไปทางศพของผู้เข้าแข่งขันก่อนจะเกร็งมือ
ซูมมม
เลือดที่อยู่ในบรรดาศพไร้หัวที่ถูกตัดพุ่งออกมาก่อนจะควบรวมกันเป็นรูปร่างของบัลลังค์ ตากนั้นเมฟิสโตก็ขึ้นไปนั่งบนบัลลังค์นั้นและนั่งท้าวคางมองพวกหลิวหยางอย่างนึกสนุก
“เจ้าเล่นกับพวกมันให้เต็มที่เลย อยู่ในแดนมารมันน่าเบื่อออกนี่นะ”
“ด้วยความยินดี” คชสารโลหิตที่ถูกอัญเชิญมาผ่านพันธะสัญญาอสูรยอมรับคำสั่งของเมฟิสโต
มันชูงวงไปบนฟ้าแล้วฟาดงวงขนาดยักษ์โจมตีไปที่หลิวหยางและชายหน้ายิ้ม
“ซวยแล้ว! เห้ย เจ้าหน้ายิ้ม เจ้ามีของดีอะไรมาสู้กับมันมั้ย ถ้าไม่มีก็หลบไปอยู่ด้านหลังข้าซะ” หลิวหยางพูดเสียงเครียด
“คุณนี่ขี้กลัวจังเลยนะครับ คุณนั่นแหละหลบไป เป็นสาวเป็นนางก็ต้องให้สุภาพบุรุษอย่างผมปกป้องสิ ผมจะจัดการช้างนั่นและชายเผ่ามารตนนั้นเอง...หือ” ชายหนุ่มกล่าวไม่ทันจบเขาก็รู้สึกได้ถึงแรงเตะของสหายจำเป็น ทำให้เขาที่ถูกเตะออกมากระเด็นไปด้านข้าง
“นี่คุณ!...” ชายหน้ายิ้มขมวดคิ้วมองดาบที่เขายกขึ้นมากันได้อย่างทันท่วงที ดาบขอเขา...มันหัก?
ตูมมมม
“...” ชายหน้ายิ้มเห็นคนที่พึ่งจะเตะเขาถูกงวงมหึมาฟาดใส่เต็มแรง
เขากัดฟัน ก่อนจะพูดขึ้นว่า
“นี่เธอช่วยเราไว้งั้นเหรอ...”
ในตอนที่เขากำลังพูดอยู่นั้น งวงของคชสารโลหิตก็สั่นอย่างรุนแรงก่อนจะถูกบางสิ่งยกขึ้นแล้วเหวี่ยงมันจนทำให้ร่างสูงกว่า 15 เมตรตัวลอยขึ้นแล้วถูกโยนให้กระแทกพื้นอย่างแรงจนมันแน่นิ่งไป
“พละกำลังนั่นมันอะไรกัน” ชาบหน้ายิ้มตะลึง
“โอ๊ย หนักโว๊ยยย” เสียงของหลิวหยางตะโกนออกมา ร่างผอมเพรียวแต่เต็มเปี่ยมได้ด้วยพลังของเขาสั่นเทาด้วยความอ่อนล้า
“คุณไม่เป็นอะไรนะ...”
“หุบปากไปเลยเจ้าหน้ายิ้ม! เจ้าว่าใครเป็นสตรีห๊ะ พูดงี้อยากเจ็บตัวใช่มั้ย ข้าล่ะเกลียดพวกชอบเข้าใจผิดอย่างเจ้าเป็นที่สุด ชิ มีแต่เจ้าตาทองคนเดียวสินะที่มองออกว่าข้าเป็นผู้ชาย คอยดูเถอะ ถ้าการแข่งขันนี้จบข้าจะเรียกลูกน้องของข้าที่ถูกข้าสั่งให้ยอมแพ้ไปก่อนปล่อยข่าวลือว่าดุ้นของเจ้ามันอันเท่านิ้งก้อย!” เสียงนุ่มทุ้มดังออกมาจากปากของหลิวหยาง เขาพูดพลางชูนิ้วก้อยซ้ายออกมาเป็นตัวอย่าง
“...” ชายหน้ายิ้มที่ได้ฟังคำพูดที่ไม่เข้ากับใบหน้านั้นถึงกับคิ้วกระตุก
“อย่าพูดคำว่าดุ้นด้วยใบหน้าแบบนั้นสิ! อีกอย่าง เลิกเรียกผมว่าเจ้าหน้ายิ้มได้แล้ว ผมชื่อเคียวยะต่างหาก” เคียวยะพูดขึ้นด้วยคิ้วที่ขมวดกันแน่น สวยขนาดนี้แต่เป็นผู้ชายเนี่ยนะ ไม่น่าเชื่อจริงๆ งี้ต้องพิสูจน์
“อะไร เจ้าจะทำอะไร...เชี่ย!” หลิวหยางที่หมดแรงหลังจากทุ่มคชสารโลหิตลงพื้นมาหมาดๆไม่สามารถหลบการโจมตีของชายหน้ายิ้มหรือเคียวยะได้
ปับ
“...” หลิวหยาง
“...” เมฟิสโตที่นั่งท้าวคางชมการต่อสู้นี้อยู่ถึงกับอ้าปากค้าง
“แบน...ไม่มีหน้าอกจริงๆด้วย นี่คุณ...โดนคำสาปให้กลายเป็นผู้ชายรึเปล่า” เคียวยะถาม เขาลืมตาสีส้มที่ดูเหมือนดวงตาของจิ้งจอกมองไปที่หลิวหยางที่ตัวสั่นด้วยความโกรธอยู่