ดัชนีพิชิตนารี
“เวลาแบบนี้ยังจะพูดเล่นอีก...ระวัง! มองข้างหน้าสิ! คุกบ้านั่นพุ่งมาทางนี้แล้ว!” ซายะพูดเตือน
“หมายถึงเจ้านี่น่ะเหรอ” ราฟถามซายะขณะยื่นมือขวาออกไปจับคุกโลหิตได้อย่างง่ายดายราวกับมันเป็นเพียงกล่องลังที่ว่างเปล่าใบนึง
“นายแข็งแกร่งแค่ไหนกันแน่” ซายะมองชายหนุ่มแล้วถามออกมา
“ไม่รู้เหมือนกัน” ราฟตอบตามตรง เพราะเขาก็ไม่แน่ใจว่าความแข็งแกร่งของเขาอยู่ขั้นไหน
“เป็นไปได้ยังไง!? นี่คือยุทธภัณฑ์)ระดับ SS เลยนะ เพียงแค่พลังงานที่เปล่งออกมารอบตัวของมันก็รุนแรงกว่าลูกแก้วแห่งความมืดตอนนั้นตั้งไม่รู้กี่เท่า เจ้าแข็งแกร่งขึ้นมากในเวลาไม่ถึงเดือนได้ยังไงกัน!?” วาเนสซกรีดร้อง เธอไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น หญิงสาววาดมือซ้ายของเธฮเรียกใช้วิชาหนึ่งออกมา
“ดัชนีสูบโลหิต” ปรากฏลำแสงสีแดงเลือดที่เกิดจากการควบแน่นของปราณพุ่งออกมาจากนิ้วชี้และนิ้วกลางที่แนบชิดกันของหญิงสาว
“จงถูกดัชนีนี้สูบเลือดในกายเจ้าจนแห้งตายไปซะ!”
“โครตเท่ห์” ราฟที่มองท่าทางการใช้ออกด้วยดัชนีของวาเนสซ่าพูดออกมาอย่างตื่นเต้นขณะเอื้อมมือรับมันไว้ แทนที่ดัชนีนี้จะดูดเลือดของเขา มันกลับถูกราฟดูดกลืนแทน เพราะยังไง ดัชนีนี้ก็เป็นแค่ปราณที่ถูกควบแน่นเท่านั้น
“...” ซายะ
“ลองเจอนี่หน่อย” ราฟพูด ก่อนจะชี้นิ้วออกไปใส่อีกฝ่ายที่ตั้งท่าเตรียมรับมือเขา
“นี่ตือวิชาที่คิดเพื่อเธอสดๆเลยนะ รับไปซ้าาา ดัชนีพิชิตนารี รูปแบบที่หนึ่ง…”
“ทลายอาภรณ์!”
สิ้นเสียงของชายหนุ่ม ลำแสงสีดำปนขาวคล้ายดวงดาวที่เกิดจากปราณพิเศษของเขาก็พุ่งออกมาอาบร่างของวาเนสซ่า
ครู่ต่อมาก็ปรากฏร่างหญิงสาวผมแดงเพลิงที่กำลังตั้งท่าต่อสู้เช่นเดิมเพิ่มเติมคือเธอนั้น...
“ไอ้คนโรคจิต!” ซายะร้องออกมาก่อนจะวิ่งเข้าไปปิดตาของราฟ
“เอ่อ ได้ผลเกินคาดแฮะ ถึงจะไม่ใช่อย่างที่คิด แต่ก็...ขอบคุณสำหรับอาหาร(ตา)คร้าบบบ” ราฟที่ถูกปิดตายังสามารถมองเห็นภาพตรงหน้าอยู่เพราะเนตรที่ดูดกลืนพลังมาจากพัคแทยัง
พลังแห่งการมองทะลุ!
พลังที่สามารถทำไห้ผู้ใช้สามารถมองเห็นจุดอ่อนของผู้ที่ถูกสังเกตได้ แต่เมื่อมาอยู่กับชายหนุ่มผมเทา มันกลับถูกนำมาใช้แบบผิดเป้าหมายเสียได้
ถ้าผู้คิดค้นพลังเนตรนี้รับรู้ เขาคงอิจฉา เอ๊ย สาปส่งผู้ใช้วิชานี้ในทางที่ผิดเป็นแน่
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด” วาเนสซ่ากรีดร้องออกมาเสียงดังเมื่อสังเกตุว่าเกิดอะไรชึ้นกับตัวของเธอ
“แก! ไอ้โรคจิต บ้ากาม ตัณหากลับ หื่นกระหาย อสูรกาย ปีศาจ มารร้าย!” หญิงสาวพ่นคำสรรเสริญราฟออกมารัวๆก่อนจะสร้างชุดออกมาจากปราณโลหิต
“อาภรณ์โลหิต” วาเนสซ่าสวมมันด้วยความเร็วชนิดที่ว่าเป็นสถิติโลกได้เลย
“เผ่ามารอย่างเธอว่าคนอื่นเป็นมารร้ายได้งั้นเหรอ ชิชะ ฉันแค่กะพลังผิดไปหน่อยเดียวเอง ตอนแรกแค่กะทำให้ชุดเธอเป็นรูเฉยๆ แต่ผลออกมาเป็นงี้ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ขอโทษที” ราฟยิ้มแห้งๆ
พอซายะเห็นว่าหญิงสาวสวมชุดเรียบร้อย เธอก็เอามือออกจากหน้าของราฟก่อนจะหันไปถลึงตาใส่เขาอย่างหงุดหงิด
“ขอโทษค้าบบบ” ราฟก้มหัวเอานิ้วชี้จิ้มกันอย่างสำนึกผิด พร้อมกับเลือดกำเดาที่ไหลออกมา
“สาบานนะว่านี่รู้สึกผิดแล้ว” ซายะกรอกตาคู่งามของเธอ
“เจ้า ทำให้ข้าอับอายขนาดนี้ จงตายซะ...ทะ ทำไมข้าขยับไม่ได้!?” วาเนสซ่าร้องเสียงหลงเพราะเธอไม่สามารถควบคุมร่างกายของเธอได้เลย
“ฮี่ๆ พอดีว่าฉันใช้การสกัดจุดผ่านดัชนีเมื่อกี้ด้วยอ่ะ ที่จะสร้างรูตรงเสื้อผ้าเธอตอนแรกแค่ของแถม” ราฟยิ้มกว้าง
“สารเลว เจ้าจะทำอะไรกับร่างกายที่ขยับไม่ได้ของข้า”
“จะทำอะไรได้ล่ะ นอกจาก...” ราฟย่างสามขุมเดินเข้ามาหาเธออย่างเจ้าเล่ห์จนหญิงสาวกลัวจนตัวสั่น เธอหลับตาปี๋ไม่กล้าคิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อตกอยู่ในเงื้อมมือของอสูรร้ายในคราบมนุษย์ตรงหน้า
ตึงงง
“เอ๊ะ?” เมื่อเธอลืมตาขึ้นก็พบว่าเธอถูกกระแสลมโอบตัวเธอขึ้นลอยไปในคุกโลหิต
“เจ้า!”
“อยู่อย่างนั้นไปก่อนละกัน ขอตัวแปป”ราฟฉีกยิ้มก่อนจะหันไปหาซายะ
“เธอสบายดีนะ”
“เอ่อ อื้ม” ซายะพยักหน้า
“ดีแล้ว ดีใจที่ได้เจอเธออีกครั้ง ส่วนผู้หญิงผมม่วงคนนั้นเธฮมากับเธอสินะ”
“อือ เธอเป็นคนที่ฉันเจอตอนอยู่ทะเลทรายน่ะ”
“รู้อยู่แล้วล่ะ...ตามฉันมา”
“เอ๊ะ นายรู้ได้ยังไง?”
“เดี๋ยวก็รู้”
เมื่อซายะอุ้มเพื่อนของเธอขึ้นมา ราฟก็เรียกประตูมิติขึ้นมาแล้วโยนคุกโลหิตที่มีหญิงสาวแสนสวยอยู่ในนั้นเข้าไป
“กรี๊ดดด ไอ้บ้า”
“ไปกันเถอะ” ราฟทำเป็นไม่สนใจเธอแล้วหันมาจับมือซายะเดินเข้าประตูมิติ
“...” ซายะมองมือของเธอที่ถูกจับอยู่โดยไม่พูดอะไรจากนั้นจึงเดินตามชายหนุ่มไป
.
.
.
วูบบบ
ตึงงง
ตุบ
“โว้ว อะไรกันวะเนี่ย ทำไมมีกรงยักษ์มาได้ล่ะ หือ ผู้หญิง? กลิ่นอายนี้ เผ่ามาร?” โลแกนพูดอย่างแปลกใจแล้วหันไปถามราฟ
“นายไปพาใครมาอีกเนี่ย แล้วก็ผู้หญิงที่นายจับมือมาอีก ร้ายนักนะเอ็ง หะ เห้ย! ยัยมิร่า!?” โลแกนลุกขึ้นเดินไปหาหญิงสาวผมม่วงที่สลบนอนยิ้มน้ำลายไหลบนไหล่ซายะอยู่
“คุณลุงรู้จักเธอด้วยเหรอคะ?” ซายะถามขณะวางร่างของมิร่าลงมาให้โลแกนประคอง
“อืม ยัยเด็กนี่คืออสูรแมวมายา ราชาอสูรระดับ SS ตนสุดท้ายที่อายุน้อยที่สุดในสถาบันวิจัยลับแห่งนี้” โลแกนตอบพลางหยิบต้นไม้ต้นหนึ่งออกมาโบกใส่จมูกของหญิงสาว
“อะ อสูรระดับ SS” ซายะพูดด้วยน้ำเสียงตกใจ
“อ้าว เธอไม่รู้เหรอ ฉันนึกว่าเธอรู้ตั้งแต่ตอนเจอที่ทะเลทรายเมื่อ 5 วันก่อนแล้วซะอีก” ราฟถาม
“ก็ตอนนั้นฉันอยากได้สมาชิกทีมเลยรับเธฮมาเพราะมีพลังมายาที่ทำให้ใช้ซ่อนตัวจากสัตว์อสูรตอนที่ต้องนอนนี่ แถมพลังที่เธอแสดงออกมาก็แค่ระดับ A เอง”
“อสูรมายาสามารถจำแลงระดับพลังได้ดีตามความแข็งแกร่งของพลัง ไม่แปลกถ้าเธอจะไม่รู้” โลแกนอธิบาย
“แง๊วววว” จู่ๆมิร่าที่หลับอยู่ก็ลืมตาตื่นขึ้นแล้วคว้าไปที่ต้นไม้ต้นนั้นแล้วเอามาถูกัยหน้าของเธอทันที
“กัญชาแมวที่รัก ไม่ได้เจอกันนาน ฮิๆๆ” หญิงสาวพูดด้วยรอยยิ้มมีความสุขก่อนจะสัมผัสได้ว่าไม่ได้มีแค่เธออยู่ มิร่ากวาดสายตามองรอบๆ
“อ๊ะ ซายะจิ ลู่น้อย พี่หญืง ลุงบ้างาน แล้วใครอีกเยอะแยะเลยเนี่ย”
“...ยัยเด็กนี่ หายไปตั้งหลายวันกลับมาก็ไม่คิดจะขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงหน่อยเหรอ” โลแกนถามพร้อมกับส่ายหัว