ความโกรธของเรเชล
“...ว่าแต่พวกมันทำยังไงถึงทำให้อสูรโลหิตหายไปได้นะ ทั้งที่เจ้านั่นสามารถหลบหนีการโจมตีถึงชีวิตได้ง่ายๆแท้ๆ” วาเนสซ่าบ่นอย่างเสียดาย เพราะการมีอสูรโลหิตอยู่ช่วยอำนวยความสะดวกให้เธอได้เยอะ แต่เธอก็เลือกที่จะไม่สนใจไลคาออนต่อ เพราะเธอกำลังยินดีที่ในที่สุดก็พบกับคนที่ตามหาเสียที
“แล้วจะทำยังไงต่อดีล่ะเนี่ย นั่งรอ? ไม่ดีกว่า เพราะข้ารู้แล้วว่าหมอนั่นเป็นเพื่อนกับแม่สาวคนนั้นที่ติดตราโรงเรียนไอรีนอยู่ อืม...เอาวิธีนี้แหละ ส่วนตอนนี้...ชักหิวอีกแล้วสิ คิกๆ ออกล่าต่อดีกว่า” หญิงสาววางแผนครู่หนึ่งก่อนจะเผยรอยยิ้มเย็นชาออกมา จากนั้นเธอจึงเดินจากไปเพื่อหาความบันเทิงต่อ(หาสูบเลือดคน)
.
.
.
“นี่ลุง ผมดูดซับพลังจากแก่นบาเรียบนเกาะเสร็จแล้ว อย่าลืมเรื่องแท่งพลังมิติผมนะ” ราฟที่พึ่งจัดการดูดซับพลังงานของแกนพลังงานเสร็จหันมาพูดกับโลแกนที่กำลังวุ่นอยู่กับจอโฮโลแกรมตรงหน้าที่มีตัวเลขลอยอยู่เต็มไปหมด
“เออน่า เดี๋ยวฉันหามาให้ มันอยู่ในคลังสมบัติลับของฉัน เสร็จเรื่องนี้เดี๋ยวพาไปเอาเลย”
“โอเค แต่ตอนนี้ขอพักสัก 5 นาทีนะ แล้วค่อยดำเนินการชั้นต่อไป” ราฟบอกขณะล้มตัวลงบนโซฟา
“นายไหวแน่นะ” พัคแทยังที่นั่งอยู่ไม่ไกลออกไปพร้อมกับไป๋เสวี่ยฉีและโมจิที่ในตอนนี้เลิกกลัวราฟแล้วถามออกมาด้วยความเป็นห่วง
“อ้อ สบาย แค่พลังมันเยอะไปหน่อยน่ะ ทำให้ร่างกายต้องกลั่นพลังงานหนักกว่าปกติ” ราฟตอบเพื่อนของเขา
“ก็แหงสิ นี่คือแร่ที่มีพลังงานของอวกาศเลยนะ นายอาจเป็นสิ่งมีชีวิตคนเดียวบนโลกที่สามารถรับพลังของมันแล้วไม่ตายก็ได้ เพราะกว่า 20 ปีที่ฉันวิจัยมา ไม่เคยมีใครมีคุณสมบัติหายากแลบนายเลย” โลแกนหัวเราะดังเหอะ
“นายท่านคะ ให้ข้าเช็ดเหงื่อให้นะ” เฟยฮวาที่ไปเอาผ้าซับน้ำมาหยิบผ้าขึ้นเช็ดหน้าชายหนุ่มอย่างเบามือ
“ขอบใจนะฮวา” ราฟยิ้มให้หญิงสาว
“เป็นหน้าที่ของข้าที่จะคอยดูแลท่านนี่คะ” เฟยฮวายิ้มอย่างอ่อนหวาน
“เห้อ ทั้งที่ฉันบอกให้พวกเธอพักอยู่ที่ตำหนักหยกแท้ๆ แล้วทำไมถึงอยากจะมาให้ได้ล่ะเนี่ย รู้มั้ยว่ามันส่งเสียงดังรบกวนการทดลอง” โลแกนถอนหายใจมองบรรยากาศที่เกิดขึ้นพร้อมกับถามหญิงสาวในชุดโบราณที่กำลังป้อนชาเขียวให้ชายหนุ่มตาทองดื่มอยู่
“ก็น้องชายที่น่ารักคนนี้ของข้าบอกอยากมาเยี่ยมสหายของเขานี่ ภรรยา...เอ๊ย พี่สาวที่แสนดีอย่างข้ามีหรือจะปฏิเสธเขาได้ลงคอ พัคน้อย อ้ามมม” ไป๋เสวี่ยฉีตอบคำถามของเพื่อนเธอ
“ขอบคุณครับพี่สาวไป๋” พัคแทยังตอบอย่างเขินอาย จนถึงตอนนี้เขาก็ยังทำตัวไม่ถูกต่อหน้าหญิงสาวที่เขาเคยคิดว่าเป็นพี่ชายมาโดยตลอด เพราะตอนเด็กเขาดันเล่นกอดเธอไว้เยอะเลยยังคงเกร็งๆเวลาอยู่ใกล้เธอมาจนถึงตอนนี้
“ท่านแม่ แล้วข้าล่ะ” โมจิจับชายกระโปรงของหญิงสาวทำหน้าตาน่ารัก
“โตจนแอบหนีเที่ยวได้แล้วนี่ เพราะงั้นก็ไปหาชงกินเอง”
“ท่านแม่ใจร้ายยย เมื่อไหร่พี่มิร่าจะกลับมา อย่างน้อยนางจะต้องไม่เมินข้าเหมือนท่านแม่ในตอนนี้แน่ๆ”
“แทยัง เอาเสี่ยวหลงเปาเพิ่มมั้ย?”
“ท่านแม่!”
“...วุ่นวายกันจริงๆนะ ไม่คิดว่าเสือสาวระดับจอมพลแห่งเผ่าพยัคฆ์ทิวาผู้น่าเกรงขามอย่างเจ้าก็มีวันนี้กับเขาด้วย” แบคคัสที่โผล่ชึ้นมาที่จุดเคลื่อนย้ายพร้อมกับเรเชลพูดขึ้นยิ้มๆ
“หนวกหูน่ะ ไอ้เจ้าคนคลั่งสาวสองมิติ” ไป๋เสวี่ยฉีหันมามองแบคคัสด้วยสายตาเย็นชาต่างจากที่มองพัคแทยังเมื่อครู่
“บ๊ะ มาดูถูกมากิจังของข้าได้ยังไง อยากมีเรื่องใช่มั้ย” ชายผมเขียวที่แลดูสุภาพเมื่อครู่เปลี่ยนสีหน้ากลายเป็นเหี้ยมเกรียมทันทีหลังได้ยินวาจาของเพื่อนสาว
“หึ ข้าไม่ใคร่จะเสวนากับคนโรคจิตอย่างเจ้า ไสหัวกลับห้องนอนไปซะ”
“อะฮ่า ใครกันแน่ที่โรคจิต ว่าแต่เจ้าหนุ่มข้างๆเจ้าหน้าคุ้นๆนะ เหมือนกับ...” แบคคัสมองพัคแทยังก่อนจะยิ้มอย่างมีเลศนัย
“เหมือนกับอะไร” ไป๋เสวี่ยฉีขมวดคิ้ว
“เหมือนกับรูปของเด็กชายที่ติดไว้ในห้องของเจ้าซะเต็มห้องเลยนี่นา ก๊ากๆๆ” แบคคัสหัวเราะร่าก่อนจะสับเกียร์หมา เอ๊ย ม้าวิ่งหนีล่วงหน้าไปหลังพูดจบ
“กรี๊ดดด ไอ้ม้าบ้าโลลิ แกแอบดูห้องฉันงั้นเหรอ ตายยย”
“คมเขี้ยวทิวา” หญิงสาวหน้าขึ้นสีรีบปิดหูของพัคแทยังไว้กลัวเจ้าบ้านี่พูดความลับอย่างอื่นของเธออีก ก่อนจะฟาดฝ่ามือออกไปเกิดเป็นใบหน้าของเสือสีขาวทองพุ่งใส่แบคคัส
“อย่าตีกันในนี้สิโว้ย” โลแกนลุกขึ้นมาห้ามไป๋เสวี่ยฉีไม่ให้ออกกระบวนท่ามากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นมีหวังห้องนี้ได้ระเบิดแน่
“ไม่ได้แอบดูโว๊ย เค้าเรียกบังเอิญเดินเข้าไปดูเฉยๆ ฮ่าๆๆ เอ้อ โร้ค ข้ามาเพื่อส่งสหายของผู้ช่วยเจ้าเท่านั้น ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยติดต่อข้าอีกทีนะ ไปละ เดี๋ยวยัยบราคอนนี่ฉีกอกข้าตายก่อน ส่วนเจ้า...แม่สาวนักดาบ อย่าลืมข้อตกลงของเราล่ะ อาดิโอสสส” กล่าวจบแบคคัสก็ฟาดฝ่ามือเข้าไปต้านรับพลังของไป๋เสวี่ยฉีและใช้แหวนมิติหนีเพื่อนสาวของเขาทันที
“เห้อ ฉันล่ะปวดหัว” โลแกนบ่นพลางปล่อยเพื่อนของเขาให้เป็นอิสระหลังเห็นเธอสงบสติอารมณ์ได้โดยกายมีพัคแทยังกุมมือปลอบ ทำให้สาวเจ้าเขินหน้าแดงลืมความโกรธไปจนหมด
“พัคแทยัง...ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” เรเชลที่เงียบจนถึงเมื่อครู่พูดขึ้นขณะมองดูหญิงสาวแปลกหน้าที่กำลังเช็ดหน้าให้กับชายหนุ่มผมเทาด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“เอ่อ หวัดดีเรเชล” พัคแทยังยิ้มแห้งๆให้เพื่อนของเขา
“แล้วหมอนั่นล่ะ ใจคอไม่คิดจะทัก ‘เพื่อน’ อย่างฉันเลยเหรอ แถมยังทำตัวสบายใจกับผู้หญิงคนอื่นอีก ทั้งๆที่หลายวันมานี้ฉันลำบากเอาตัวรอดแทบตาย...” จิตสังหารเริ่มแผ่ออกมาจากร่างบาง
“เอ่อ คือ...”
“เงียบซะคุณพัคแทยัง”
“ครับ”
เรเชลเดินเข้าไปหาราฟที่กำลังหลับตาให้เฟยฮวาเช็ดเหงื่อให้อยู่ แต่หูของเขากลับได้ยินเสียงของทุกคนอย่างชัดเจน
“ไง ยัยนักดาบ...แข็งแกร่งขึ้นเยอะเลยนะ” ราฟลืมตาขึ้นมองหญิงสาวด้วยรอยยิ้มบางๆ ขณะจับมือของเฟยฮวาเป็นเชิงให้หยุดเช็ดก่อน
“นาย...ไอ้คนเห็นแก่ตัว!” เรเชลที่เห็นการกระทำของชายหนุ่มก็เก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่ หญิงสาวกำหมัดชกใส่หน้าของชายหนุ่มผมเทาเต็มแรง