การเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่
.
.
.
ทางด้านของราฟ
ด้วยความแข็งแกร่งทางร่างกายของราฟที่พัฒนาขึ้นมาหลายต่อหลายครั้ง ทำให้เขาสามารถดูดซับพลังจากแร่ซูพริลจนหมดอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่นาน ส่งผลให้บาเรียที่ปกคลุมโลกจนทำให้ในตอนนี้ที่เป็นช่วงกลางคืนสามารถมองเห็นดวงจันทร์ที่เป็นสีฟ้ามานานหลายพันปีกลับมามีสีเหลืองนวลเหมือนเดิม ซึ่งเหตุการณ์นี้ได้สร้างความตื่นตะลึงและดีใจแก่ทุกคนบนโลกเป็นอย่างมาก
แต่ในเวลาไม่นานพวกเขาก็พบว่าดวงจันทร์กลับมาเป็นสีฟ้าเหมือนเดิม สร้างความผิดหวังแก่ผู้คนไปตามๆกัน
“ฟู่ววว ต่อไปก็กลั่นมันแล้วส่งกลับคืน...” ราฟไม่ได้รู้เลยว่าการกระทำของเขาได้สร้างความตื่นตระหนกแค่ไหนให้แก่ทุกเผ่าพันธุ์บนโลก เขายังคงจริงจังกับการถ่ายเทพลังงานในร่างเข้าสู่แร่ซูพริลอย่างตั้งใจ
เมื่อถ่ายเทจนพลังงานเต็ม ราฟหยิบอุปกรณ์ควบคุมเสถียรขึ้นมาติดตั้งบนตัวแร่ จากนั้นเขาก็ลองกดเปิดเครื่องดูแล้วเงยหน้ามองท้องฟ้า ทำให้บาเรียหายไปอีกครึ้ง ดวงจันทร์ก็กลับมาเป็นสีเหลืองนวล และราฟก็นึกสนุกกดมันเล่นอีกหลายต่อหลายรอบ
ตี๊ด
ตี๊ด
ตี๊ดๆๆๆๆ.....
.
.
.
ในเวลานี้สิ่งมีชีวิตทุกเผ่าพันธุ์บนโลกที่มีสติปัญญาและรู้ว่ามีการคงอยู่ของบาเรียพากันเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์บนท้องฟ้าที่เดี๋ยวมีสีฟ้าทีเหลืองทีอย่างตื่นเต้น เพราะมันอาจหมายความว่าบาเรียจะหายไป และทำให้พวกเขาไม่รู้สึกว่าถูกขังอยู่ในคุกขนาดยักษ์ที่มีนามว่าโลกอีกต่อไป
แต่ทั้งหมดดีใจได้ไม่นานก็พบว่าดวงจันทร์กลับมาเป็นสีฟ้าโดยที่ไม่มีทีท่าว่าจะกลับมาเป็นสีเหลืองอีก
และวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ทุกสิ่งมีชีวิตบนโลกผิดหวังและต้องเอาตัวรอดในโลกที่โหดร้ายต่อไป
.
.
.
“ใช้ได้แฮะ ตัวสร้างเสถียรที่ลุงสร้างนี่สุดยอดจริงๆ” ราฟที่ลองกดทดลองใช้เครื่องสร้างเสถียรพูดขึ้น ก่อนจะขมวดคิ้วเพราะได้ยินเสียงฝีเท้าของผู้คนหลายสิบคนกำลังวิ่งมาทางเขาจากรอบทิศ โชคดีที่โลแกนได้สร้างค่ายกลมายาขึ้นซ้อนไว้อีกชั้นทำให้ยังไม่มีใครเห็นแร่ซูพริลก้อนยักษ์นี้
ราฟหยิบรีโมทมากดรหัสอีกครั้ง จากนั้นแร่ซูพริลก็หายไปจากสายตาไปยังอีกมิติหนึ่งเพื่อซ่อนไว้อีกชั้น
ชายหนุ่มผมเทาใช้ดวงตาของเขามองกวาดไปรอบๆ เขาเห็นกลุ่มวัยรุ่นชายหญิงที่ดูแข็งแกร่งมากมายกำลังวิ่งมาทางนี้
ราฟมองดูครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มกว้างออกมา เขาเห็นหญิงสาวผมขาวใบหน้าเย็นชากำลังวิ่งมาทางนี้พร้อมกับหญิงสาวผมสีม่วงอ่อนแปลกหน้าคนหนึ่ง แต่ก็ต้องเลิกคิ้วอีกครั้งเมื่อหันไปอีกทางแล้วเห็นหญิงสาวคุ้นตาผมสีแดงเพลิงวิ่งมาทางเขาเช่นกัน
“ยัยนั่นคือผู้หญิงเมื่อตอนศูนย์วิจัยนี่ รู้สึกว่าจะเป็นศิษย์ของจักรพรรดิโลหิตนี่นะ คราวนี้วางแผนร้ายอะไรอีกล่ะเนี่ย จับตัวไว้ก่อนดีกว่า” ราฟพูดจบเขาก็ใช้พลังมายาทำให้ตัวเขาล่องหนแบบไม่มีใครสัมผัสได้ถึงแม้จะเป็นตัวตนระดับ SSS หรืออสูรระดับจักรพรรดิก็ตาม ราฟใช้ปราณวายุทำให้ตัวของเขาลอยขึ้นแล้วทำลายรอยเท้าบนหิมะให้หายไป จากนั้นก็ทำมือเป็นรูปกรงเล็บแจะไปที่พื้นหิมะหลายๆจุด
“หุๆ ฉลาดจริงๆเรา ดูซิว่าพวกเขาจะทำยังไง” ชายหนุ่มยิ้มขี้เล่นขณะลอยตัวขึ้นไปอยู่บนท้องฟ้า
เวลาผ่านไปเหล่าผู้เข้าแข่งขันที่รีบเดินทางมาเพื่อหาคำตอบของเหตุการณ์พายุหมุนเมื่อครู่ก็มาถึง พวกเขาหันซ้ายชวาแต่ก็ไม่พบสิ่งใดนอกจากผู้เข้าแข่งขันคนอื่น
“หายไปไหนแล้ว!?”
“บ้าจริง มันน่าจะไม่ใช่ดันเจี้ยน แต่เป็นอสูรตัวหนึ่ง รีบหามันเร็ว! อาจเป็นอสูรในตำนานก็ได้”
พวกเขาหาตัวอสูรที่ว่ากันยกใหญ่ แต่ก็ไม่พบอะไร ทั้งหมดถอนหายใจด้วยความเซ็ง แต่ก็เงยหน้าขึ้นมามองผู้เข้าแข่งขันคนอื่นก่อนจะมีคนพูดขึ้นร้อมกับระเบิดจิตสังหารออกมา
“ไหนๆก็หาอสูรตนนั้นไม่เจอแล้ว เรามาจัดการพวกนี้กันดี...”
ยังไม่ทันได้พูดจบ จู่ๆเสียงของเขาก็หายไป จากนั้นทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็ล้มตัวลงไปนอนบนพื้นหิมะทีละคน
“การลอบโจมตี? ไร้เกียรติที่สุด” วาเนสซ่าพูดขึ้นพร้อมกับระเบิดพลังโลหิตของเธอออกมาเพื่อสร้างเกราะป้องกันการโจมตีจากรอบทิศ
ในเวลาเพียงเสี้ยววิผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดยกเว้นวาเนสซ่าและซายะก็สลบไป แสงสีขาวจากแหวนเทเลพอร์ตของทุกคนที่ล้มลงสว่างขึ้นทำให้สาวงามทั้งสองที่ยังคงมีสติอยู่ขมวดคิ้ว
“ผู้เข้าแข่งขัน! ใครกัน?” สองสาวพูดขึ้นพร้อมกัน ก่อนจะมองหน้าอีกฝ่าย
ทางด้านซายะนั้น เธอได้ปลดปล่อยไอเน็นออกไปรอบตัวของเธอ ด้วยการที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อพลังของเธอ ทำให้พลังที่ปลดปล่อยออกมารุนแรงกว่าปกติหลายเท่าตัว
"เป็นการเก็บเกี่ยวคะแนนครั้งใหญ่เลยแฮะ โชคหล่นทับจริงๆ เคี๊ยกๆๆ เอ๊ย ชั่วไป เอาใหม่ อะคริๆๆ" เสียงของชายหนุ่มที่แสนกวนประสาทดังขึ้นใกล้ๆกับสองสาว
“ไง ประธานคนสวย คิดถึงฉันมั้ย?” ราฟโผล่ขึ้นมาจากความว่างเปล่าโบกมือทักทายหญิงสาวผมขาว
“ราฟ?” ซายะเบิกตากว้าง มุมปากขยับเล็กน้อย ดวงตาฉายแววมีความสุขก่อนจะกลับเป็นดวงตาที่แสนเย็นชาตามเดิม แต่ก็ไม่พ้นสายตาของชายหนุ่ม
“ฮั่นแน่คิดถึงฉันล่ะสิ แค่ฉันมองตาเธอก็รู้แล้ว”
“หึ ใครคิดถึงนายกัน” ซายะหันหน้าหนีไปอีกทาง
‘ตาดีชะมัด เป็นเหยี่ยวรึไงนะ’
“แก! ไอ้คนบ้ากาม” วาเนสซ่าที่เห็นราฟปรากฏตัวแสยะยิ้มชี้นิ้วมาทางเขา
“ว่าใครบ้ากามหา!? ฉันแค่มองจิตของเธอแล้วเธอดันแก้ผ้าอยู่ก็แค่นั้นเอง” ราฟหันหน้าไปทางอื่นแล้วมุ่ยปาก สายตาดูลอกแลกเป็นอย่างมาก
“ไอ้คนตอแหล ข้าเห็นเต็มสองตาว่าเจ้าขอรับพลังจากสหายของเจ้าเพื่อมองร่างเปลือยของข้า และข้าจำฝังใจไม่ลืม ดีจริงๆที่อยู่ๆเจ้าก็โผล่มาให้ข้าจัดการ เจ้ามนุษย์ผู้โง่เขลา จงดีใจเสียเถอะที่ข้ายอมลดตัวมาที่การแช่งขันนี้เพื่อจัดการเจ้า! จงกลายเป็นทาสของข้าซะ!” วาเนสซ่าตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความโกรธแค้น
“เธอคือ...วาเนโลปี้?”
“วาเนสซ่า! หุบปากแล้วสยบให้แก่ข้า!” หญิงสาวแก้ไขคำพูดของชายตรงหน้าก่อนจะชูมือทั้งสองขึ้นฟ้าเรียกคุกเหล็กสีแดงฉานขึ้นมาแล้วควบคุมให้มันลอยมาทับเขา
“จงกักขัง...คุกโลหิต!”
“พลังระดับนี้...ระดับ SS งั้นเหรอ ราฟ ถอยออกมาเร็ว!” ซายะที่เห็นพลังที่หญิงสาวผมแดงปล่อยออกมาพร้อมกับจิตสังหารที่ก่อตัวเป็นรูปร่างกะโหลกสีแดงฉานรีบร้องเตือนชายหนุ่ม แต่เมื่อเห็นท่าทีไม่ยี่หระของเขาเธอก็รู้ว่าตัวเองกังวลเกินไป
“แหมๆ เป็นห่วงกันด้วย น่ารักจังเลยนะประธานของฉัน” ราฟยิ้มกว้างหันมาพูดกับซายะ