Chapter 41 : พบคนแคระนักขุดทอง? มาแลกเปลี่ยนกันเถอะ!
แม้ในคู่มือจะบอกว่าคนแคระนักขุดทองชอบอาหารอร่อยๆแต่ก็ไม่ได้บอกว่ารสนิยมของพวกเขาเป็นยังไง?
บนโลกเองก็มีประเทศอยู่หลายประเทศจึงทำให้มีหลากหลายรสนิยมแตกต่างกันออกไป
บางคนก็ไม่ชอบเผ็ดนักขณะที่บางคนก็ชอบจืดๆเรียบๆ
โลกจริงเป็นเช่นนี้ก็คงไม่ต้องกล่าวถึงโลกแห่งสุสานแล้ว
ไม่ใช่ว่าจิ้งจอกน้อยชอบเนื้อย่างแล้วจะหมายความว่าคนแคระนักขุดทองจะชอบเหมือนกันซักหน่อย
ไม่นานนักเขาก็ตระเตรียมเนื้อย่างจนเสร็จ
จากนั้นเขาก็ใส่เครื่องปรุงลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติจนทำให้กลิ่นของเนื้อย่างหอมฟุ้งไปทั่ว
จากนั้นไคลน์ก็เก็บเนื้อย่างเข้าช่องเก็บของไปแล้วเดินออกไปจากฐานรูน
วิ้ง!
ฐานรูนเปล่งแสงระยิบระยับออกมาพร้อมๆกับหายไปในพริบตา
...
ไคลน์หยิบพลั่วขึ้นมาและเดินไปยังผนังดิน
อีกด้านหนึ่ง
ชาร์ลกับพวกที่ยังคงไม่จากไปหันกลับมาให้ความสนใจกับการกระทำของไคลน์
เมื่อพวกเขาเห็นไคลน์เดินออกมาจากปราสาทพวกเขาก็ลุกขึ้นยืนผิงผนังถ้ำที่ขุด ถ้าไคลน์เปิดฉากโจมตีพวกเขาพวกเขาก็จะรีบขุดรูหนีไปในทันที
การที่คนทั้งสามเลือกขุดกำแพงตรงนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่อย่างใด
ด้วยประสบการณ์มากมายของชาร์ลทำให้เขาคาดเดาได้จากรอยเท้าว่าไคลน์ขุดมาจากเส้นทางไหน
ดังนั้นถ้าไคลน์ประสงค์ร้ายกับพวกเขาพวกเขาก็จะออกจากที่นี่ไปทันทีโดยที่ไคลน์ไม่สามารถจับพวกเขาได้แน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นสุสานแห่งถัดไปที่พวกเขาเลือกก็ปลอดภัยมากแน่นอนเนื่องจากเป็นสุสานที่ไคลน์พึ่งจะจากมา
แต่ทันใดนั้นเองปราสาทโบราณก็ส่องแสงระยิบระยับขึ้นมา
จากนั้นมันก็เปลี่ยนเป็นลำแสงพุ่งเข้าไปในตัวของไคลน์
ปราสาทโบราณหายไปแล้ว!
“นี่มัน..”
“ฐานรูน!”
คนทั้งสามตกตะลึงจนพูดไม่ออก
ก่อนหน้านี้คนทั้งสามคาดเดาและเชื่อเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าปราสาทนี้ก็คือสิ่งก่อสร้างพิเศษภายในสุสาน
แต่มาตอนนี้เมื่อเห็นวิธีการเก็บฐานรูนอันคุ้นเคยพวกเขาจึงได้ทราบว่าพวกตนเข้าใจผิดไปไกลมาก
ปราสาทโบราณนี้แท้จริงแล้วคือฐานรูนของไคลน์!
“แม่เจ้าทำไมฐานรูนของเขาถึงได้ต่างจากของพวกเราขนาดนี้?”
“หรือเขาจะซ่อมมันแล้ว?”
“ไม่ถูกต้อง ฉันไม่เคยเห็นใครในช่องแชทบอกเลยว่าฐานรูนจะกลายเป็นปราสาทหลังจากซ่อมเสร็จ”
คนทั้งสามมองไปที่ไคลน์ด้วยสายตาสับสน
“ดูนั่นสิข้างกายเขามีจิ้งจอกด้วย หรือนี่เป็นสัตว์เลี้ยงงั้นหรอ?”
“หืม? ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น! สิ่งมีชีวิตแห่งสุสานเองก็เลี้ยงให้เชื่องได้ด้วยหรอเนี่ย? ในอนาคตพวกเรามาลองกันเถอะ”
พวกเขาสังเกตเห็นจิ้งจอกน้อยแล้ว
ภาพรวมของไคลน์ในสายตาของพวกเขาตอนนี้คือบุคคลลึกลับผู้หนึ่ง
คนทั้งสามก็อยากจะทำตัวหน้าด้านถามไคลน์เหมือนกันติดอยู่ที่ว่ากลัวว่าไคลน์จะลงมือนี่แหละ พวกเขาจึงทำได้เพียงมองดูไคลน์ขุดอุโมงค์จากไปด้วยสายตาอับจน
แคร่ก! แคร่ก! แคร่ก!
หลังจากขุดมาได้สามเมตรไคลน์ก็หยุดมือ
จากนั้นเขาก็หันหัวกลับไปถามจิ้งจอกน้อย “จิ้งจอกน้อยพวกนั้นตามมาไหม?”
จิ้งจอกน้อยที่นั่งอยู่ตรงปากอุโมงค์แอบยื่นหัวน้อยๆออกไปมองคนทั้งสาม
“โฮ่งๆ!”
ไคลน์ก็รับทราบสัญญาณนี้
เห่าสองครั้งหมายถึงไม่และเห่าหนึ่งครั้งหมายถึงตามมานั่นเอง
“เอาเถอะ ดูเหมือนว่าคนทั้งสามนี้จะไม่มีความคิดไม่ดีจริงๆ”
ไคลน์ส่ายหัวแล้วหันกลับมาโฟกัสกับการขุดกำแพงต่อ
เขาคิดเผื่อในกรณีหลายๆอย่างเอาไว้แล้ว ถ้าอีกฝ่ายเลือกจะเข้ามาแบบไม่ได้รับเชิญนั่นก็หมายความว่าพวกเขามีเจตนาร้าย
เพราะไคลน์อยู่ในสถานการณ์ที่ดีที่สุดที่ล่อให้อีกฝ่ายลงมือเนื่องจากถ้าลงมือตอนนี้คนทั้งสามจะสามารถปิดล้อมไคลน์เอาไว้ในที่แคบได้
ไม่นานนักทางผ่านก็ถูกเขาขุดขึ้นจนสำเร็จ
ไคลน์เก็บพลั่วกลับไปและไม่ได้หยิบอาวุธใดๆออกมา เขากล่าวเตือนจิ้งจอกน้อยอีกครั้งว่าอย่าแสดงท่าทีไม่เป็นมิตรออกมาหลังจากที่เขาไปยังสุสานแห่งถัดไป
จากนั้นเขาก็เดินเข้าสู่หลุมดำโดยมีจิ้งจอกน้อยตามมาติดๆ
สุสานแห่งที่สามสิบ
พื้นที่ของสุสานแห่งนี้ไม่ได้ใหญ่โตมากนักและมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเพียงไม่ถึงสิบเมตร
เมื่อเข้ามาถึงไคลน์ก็สังเกตเห็นสิ่งมีชีวิตหน้าตาน่าเกลียดตนหนึ่งในทันที
ด้านหลังของสิ่งมีชีวิตตนนั้นแบกกระเป๋าใบใหญ่และกำลังนั่งใช้เท้าคีบบิสกิตขึ้นมาแทะ
สหายผู้นี้สูงเพียง1.3เมตรและมีแขนขาค่อนข้างสั้น
ผิวของเขาเหี่ยวย่นมีสีน้ำตาลแก่และมีจุดสีเขียวดำบนตัวมากมายหลายจุด
ลักษณะเช่นนี้คล้ายๆกับก็อบลินผสมกับสุนัขก็ไม่ปาน ดวงตาของเขาข้างหนึ่งใหญ่ข้างหนึ่งเล็กและจมูกเองก็งองุ้ม
เมื่อคนแคระนักขุดทองเห็นพวกเขาอีกฝ่ายก็รีบจัดแจงยัดบิสกิตหลากสีเข้าปากจนหมด จากนั้นเขาก็หยิบกระเป๋าลุกขึ้นยืนให้ดูสูงที่สุดเท่าที่จะสูงได้
อีกฝ่ายไม่ได้เลือกที่จะหนีไปทันทีแต่กำลังตรวจสอบท่าทีของไคลน์กับจิ้งจอกน้อยอย่างระมัดระวัง
ถ้าอีกฝ่ายเคลื่อนไหวเขาก็จะหนีไปทันที
ไคลนืกับจิ้งจอกน้อยไม่ขยับ
“โฮ่งๆๆ”
จิ้งจอกน้อยร้องออกมา
เสียงของเธอนุ่มนวลและเต็มไปด้วยเจตนาดี
“สวัสดี” ไคลน์ทักอีกฝ่าย
ไคลน์หยิบเนื้อย่างที่พึ่งทำเสร็จใหม่ๆออกมาโบกให้อีกฝ่ายเห็น
เมื่อลมสุสานพัดมากลิ่นของของเนื้อย่างก็ลอยไปเตะจมูกของคนแคระนักขุดทองเข้า
เมื่อได้กลิ่นหอมเช่นนี้เขาก็อดสูดดมไม่ได้ จากนั้นเขาก็แลบลิ้นออกมาเลียเอาเศษบิสกิตที่ติดอยู่ตรงริมฝีปากเข้าปากไปจนเกลี้ยง
ไคลน์ยิ้มแล้วพูดขึ้น “ฉันไม่มีเจตนาไม่ดีนะแค่อยากจะแลกเปลี่ยนกับคุณเท่านั้น ดูเถอะว่าในมือฉันไม่มีอาวุธเลย”
ไคลน์ยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่เขาคิดว่าเป็นมิตรมากที่สุด
คนแคระขุดทองยังคงระแวงอยู่ขณะเดียวกันเขาก็พึมพำคำพูดอะไรก็ไม่รู้ออกมา
ไคลน์ฟังไม่เข้าใจเลยแม้แต่คำเดียว!
ไคลน์มองไปที่คนแคระนักขุดทองแล้วกล่าวขึ้น “จิ้งจอกน้อยเธอคุยกับเขารู้เรื่องไหม? บอกเขาทีว่าฉันอยากจะแลกเปลี่ยนบางสิ่งบางอย่างกับเขา”
ตอนนี้เขาคงพึ่งได้แค่จิ้งจอกน้อยแล้ว
จิ้งจอกน้อยเอียงคอและคิดอยู่ซักพักก่อนจะส่งเสียงครางหงิงๆออกมาอีกครั้ง
คนแคระนักขุดทองดูจะไม่ค่อยเข้าใจนักดังนั้นพวกเขาจึงใช้เวลาคุยกันเกือบสองนาทีกว่าจะเข้าใจ
เขาชี้ไปที่กระเป๋าตัวเองก่อนเป็นลำดับแรกจากนั้นก็ชี้กลับมาที่เนื้อย่างในมือไคลน์
“ใช่แล้วฉันต้องการแลกเปลี่ยนกับนาย”
ไคลน์ยิ้ม
คนแคระนักขุดทองกรอกตาไปมาราวกับครุ่นคิดแต่ในขณะเดียวกันปากของเขาก็เริ่มมีน้ำลายหยดแหมะๆแล้ว
ไม่นานต่อมาคนแคระนักขุดทองก็พยักหน้าและเปิดกระเป๋า
ภายในกระเป๋ามีไอเทมอยู่มากมายและเต็มไปด้วยของจิปาถะเยอะแยะเต็มไปหมด
ไคลน์ลองตรวจสอบของในกระเป๋าดูและเห็นทั้งรูน , ทองคำ , เงิน , เพรชพลอยไปจนถึงดาบสั้น
“แลกรูน!”
ไคลน์หยิบเอารูนลมขึ้นมาแล้วทำท่าทางบอกกับคนแคระนักขุดทอง
คนแคระนักขุดทองส่ายหัวอยู่หลายครั้งก่อนจะล้วงมือลงไปในกระเป๋าเพื่อควานหาบางอย่าง
เมื่อเขาหดมือกลับมาก็ปรากฏว่ามีรูนน้ำติดมาด้วย
“อันนั้นก็ได้!”
ดวงตาของไคลน์ส่องประกายแวววับพร้อมๆกันนั้นเขาก็โยนเนื้อย่างในมือให้กับคนแคระนักขุดทอง
เนื้อย่างพวกนี้ไม่ได้มีค่ามากนัก
การที่เขาโยนมันให้กับอีกฝ่ายก่อนก็คือการซื้อใจนั่นเอง
นี่จะทำให้การพูดคุยแลกเปลี่ยนเป็นไปในเชิงบวกมากขึ้น