136 - สตรีศักดิ์สิทธิ์หยกหมุนสวรรค์
136 - สตรีศักดิ์สิทธิ์หยกหมุนสวรรค์
โครงกระดูกสีขาวปกคลุมพื้นดินบนยอดเขา และโครงกระดูกจำนวนนับไม่ถ้วนยังคงต่อสู้ดิ้นรนขณะที่พวกเขาเดินลงจากภูเขามากขึ้นเรื่อยๆ
คราวนี้เจียงฮั่นจงทำหน้าที่ในขณะที่เขาใช้กล่องในฝ่ามือ รัศมีอันน่าสะพรึงกลัวถูกปล่อยออกมา
ความผันผวนของพลังที่กระจัดกระจายออกมานั้นทำให้โครงกระดูกสีขาวเหล่านั้นหยุดชะงักลงทันที
เย่ฟ่านตกตะลึงอย่างยิ่ง การดำรงอยู่ระดับนี้ราวกับเทพเจ้ามันไม่ใช่สิ่งที่คนอย่างเขาจะสามารถเอาชนะได้เลย
หลังจากนั้นเจียงฮั่นจง จี้หยุนเฟิงและสวีเต้าหลิงก็ผลัดกันแสดง ความสามารถ ในที่สุดก็ใกล้ยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียงสองร้อยวา
ในขณะนี้ก็มีเสียงร้องที่น่าสังเวชจากด้านหลัง ขณะที่หลายคนเริ่มล้มลง เมื่อพวกเขาเข้าใกล้ยอดเขา ทหารม้าหลายก็เสียชีวิตจากวัยชราไปแล้ว
"บัดซบ! แม้แต่พวกเราก็ไม่สามารถทนได้!”
ในขณะนี้แม้ว่าเจียงฮั่นจง จี้หยุนเฟิงและสวีเต้าหลิงจะถือสิ่งประดิษฐ์ต้องห้ามไว้ในมือ แต่ใบหน้าของพวกเขาก็มีอายุมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและร่างกายของพวกเขาก็งองุ้มลง
“ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป เราจะตายโดยไม่ได้ไปถึงยอดเขาด้วยซ้ำ”
“ถอยไป ทุกคนถอย!”
สวีเต้าหลิงตะโกนให้ทหารม้าถอยหนี แผนเดิมของพวกเขาไม่สำเร็จ และคนที่ถูกพามาด้วยก็ช่วยไม่ได้ช่วยเหลืออะไรกับสถานการณ์ตอนนี้
เจียงฮั่นจงจ้องไปที่เย่ฟ่านอย่างเย็นชา มือของเขายังคงจับกล่องผ้าไว้แน่นขณะที่แสงจากสวรรค์แผ่ขยายออกไป พลังที่พุ่งสูงขึ้นบดขยี้เข้าหาเย่ฟ่านทันที ในเวลาไม่กี่ลมหายใจพลังศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นก็ถูกดึงกลับ
“เจ้าทำให้เขาเป็นหุ่นเชิดหรือ?” จี้หยุนเฟิงถาม
“ใช่แล้ว ข้าไม่สบายใจกับเพื่อนตัวเล็กๆคนนี้แล้ว ถ้าเขาขึ้นไปทำลายยาศักดิ์สิทธิ์หรือกินเอง มันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะควบคุมเขาอีกต่อไป?” เจียงฮั่นจงตบเย่ฟ่านขณะที่เขาสั่ง
“ขึ้นไป!”
จากนั้นเขาก็หันไปหาคนทั้งสอง
“เราควรใช้พลังทั้งหมดของเราเพื่อช่วยเขา ส่งเขาขึ้นไปบนยอดเขา เราต้องได้รับยาศักดิ์สิทธิ์มาให้ได้ไม่เช่นนั้นเราจะไม่มีวันออกจากที่นี่ได้สำเร็จ!”
"ตกลง!" สวีเต้าหลิงพยักหน้า
จี้หยุนเฟิงพูดขึ้น
“จำนวนครั้งที่เราสามารถใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ได้ร่วมกันคือเก้าครั้ง ดังนั้นพวกเราควรจะทำลายโครงกระดูกนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้เพื่อส่งเขาขึ้นไป”
เมื่อพวกเขาเข้าใกล้ยอดเขามากขึ้น รัศมีของปีศาจก็หนักแน่นขึ้น แม้ว่าโครงกระดูกจะถูกกำจัดออกไปแต่ชายชราเหล่านี้ก็แทบจะเดินไม่ไหวแล้ว ในขณะเดียวกันแม้แต่ตัวของเย่ฟ่านก็ยังแก่ชราจนมีเส้นผมหงอกขาว
ในเวลานี้คำพูดโบราณหลายร้อยคำในจิตใจของเย่ฟ่านเริ่มสั่นสะท้านราวกับเสียงระฆังสีเหลืองที่ดังก้อง มันทำลายแสงสีดำที่พุ่งเข้ามาในจิตใจของเขา ปัดเป่าทุกสิ่งทุกอย่างออกไปทำให้ตราประทับหุ่นเชิดไม่มีผลอีก
เย่ฟ่านรู้สึกเหงื่อเย็นไหลท่วมร่างกายเขาเกือบจะต้องตายไปแล้ว ผู้อาวุโสของตระกูลเจียงนั้นร้ายกาจเกินไป โชคดีที่เขาได้รับการปกป้องอย่างทันท่วงที
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเย่ฟ่านก็ไม่ได้ทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า เขาแกล้งทำเป็นเหมือนว่ายังคงถูกควบคุมอยู่เช่นเดิม
“เอานี่ไป!”
สวีเต้าหลิงโยนขวดหยกที่สะอาดมาให้เย่ฟ่าน
“ขวดนี้สามารถบรรจุภูเขาขนาดใหญ่ได้ทั้งหมด มันมีพื้นที่ภายในตัวเอง และเจ้าสามารถใช้มันเพื่อเก็บน้ำพุศักดิ์สิทธิ์หลังจากเก็บยาศักดิ์สิทธิ์แล้ว
พวกเขายังอยู่ห่างจากยอดเขาหลายสิบวาและผู้อาวุโสทั้งสามสามารถกำจัดโครงกระดูกทั้งหมดได้แล้ว แต่พวกเขาแก่ชรามากเกินไปจึงไม่กล้าขึ้นไปบนภูเขาอีก
เย่ฟ่านสามารถสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตที่หลุดลอยหายไปเรื่อยๆ เมื่อไปถึงยอดเขา ผมของเขาขาวราวกับหิมะและร่างกายของเขาก็งุ้มลงเช่นชายชราที่อายุ 80 90 ปี
“นั่นคือ……”
ในขณะนี้เย่ฟ่านตกตะลึงเป็นอย่างมาก ข้างหน้าเขาตอนนี้มีหญิงสาวที่มีลักษณะงดงามสูงส่งนั่งเงียบๆบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์โดยหันหลังให้เขา
เมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวทางด้านหลังหญิงสาวคนนั้นก็หันกลับมาจ้องมองไปที่เย่ฟ่าน
นี่คือหญิงสาวที่มีดวงตาที่สดใสและฟันที่ขาวดุจดอกบัว นางงดงามเป็นอย่างมากแต่ไม่คล้ายกับคนที่มีตัวตนอยู่ในโลก
นางยืนอยู่ที่ขอบหน้าผา ถ้านางก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าว นางจะตกลงไปในขุมนรกที่ไม่มีที่สิ้นสุด ชุดสีขาวของนางโบกพริ้วไหวไปกับสายลม ราวกับเทพธิดาจากสรวงสวรรค์
เย่ฟ่านต้องการค้นหารอยตำหนิบนร่างกายของนางแต่ทำไม่ได้ หญิงสาวคนนี้งดงามจนน่าเหลือเชื่อมากเกินไปจนไม่คล้ายกับมนุษย์ที่มีชีวิตด้วยซ้ำ
ในบรรดาหญิงสาวทั้งหมดที่เย่ฟ่านเคยเห็นมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถเปรียบเทียบความงามของนางได้ นั่นคือหญิงสาวที่สมบูรณ์แบบที่เขาเคยเห็นในหลุมศพของจักรพรรดิอสูร
“ในดินแดนต้องห้ามแห่งนี้จะมีหญิงงามขนาดนี้ได้อย่างไร?”
เย่ฟ่านระมัดระวังอย่างมากในขณะที่เขาค่อยๆถอยหลังกลับ แม้ว่าเขาจะมีร่างกายศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลแต่ตอนนี้มันก็ยังแก่ชรามากขึ้นจนแทบจะขยับไม่ไหวแล้ว
อย่างไรก็ตามหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆราวกับว่านางไม่ได้รับผลกระทบจากคำสาปของพื้นที่ต้องห้าม ด้วยพลังระดับนี้ไม่ทราบว่านางมาจากที่ใดกันแน่
“ยืนมึนงงไปเพื่ออะไร? ทำไมเจ้าไม่รีบไปหยิบยาศักดิ์สิทธิ์ล่ะ?” เจียงฮั่นจงอุทาน คนสามคนด้านล่างมองเห็นเย่ฟ่านที่ขอบยอดเขา แต่ไม่สามารถมองเห็นหญิงสาวที่อยู่ด้านบนสุดได้
บนยอดเขากลิ่นอายของปีศาจพลุ่งพล่านขณะที่หญิงสาวที่เคยปฏิบัติตัวเหมือนกับรูปปั้นได้พุ่งเข้าหาเย่ฟ่านอย่างรวดเร็ว
"แย่แล้ว!"
เย่ฟ่านรู้สึกได้ทันทีว่าร่างกายของเขาเริ่มแก่เร็วขึ้นและรัศมีลึกลับก็กดเข้ามาหาเขาในขณะที่เขารีบถอยลงจากภูเขาโดยไม่คิดจะเสแสร้งอีก
หญิงสาวคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ จริงๆแล้วนางน่ากลัวยิ่งกว่าคุ้มนรกที่อยู่ด้านข้างซะอีก หากไม่ใช่เพราะทะเลสีทองแห่งความทุกข์ที่ยังไม่แห้งพลังชีวิตทั้งหมดของเย่ฟ่านคงถูกทำลายไปแล้ว
“ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันแน่!”
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เย่ฟ่านก็รีบถอยลงจากภูเขา เขาต้องการล่อให้หญิงสาวที่งดงามที่สุดคนนี้ลงจากเขามาเผชิญหน้ากับเจียงฮั่นจงและคนอื่นๆ
“ทำไมเจ้าถึงถอยกลับ” เจียงฮั่นจงอุทาน
“แย่แล้วหญิงสาวคนนี้มาจากที่ไหน”
การแสดงออกของจี้หยุนเฟิงเปลี่ยนไป เขาเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นหญิงสาวที่สวมชุดสีขาวและรู้สึกถึงความเร็วที่พลังชีวิตของเขากำลังถูกบดขยี้
"นั่นคือ……."
สวีเต้าหลิงดูเหมือนจะคิดถึงอะไรบางอย่าง ใบหน้าของเขาซีดเผือดไร้สีเลือดแสดงให้เห็นถึงความหวาดกลัวถึงขีดสุด
"เกิดอะไรขึ้น ภูมิหลังของหญิงสาวคนนั้นเป็นอย่างไร"
“มันเหลือเชื่อเกินไป มันเป็นไปไม่ได้!” ใบหน้าของสวีเต้าหลิง เป็นสีขาวซีดขณะที่เขาพูดต่อ
“ข้าเคยเห็นภาพวาดของหญิงสาวคนนี้มาก่อน”
จี้หยุนเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลว่า
“ภาพของนางนั้นไม่ธรรมดาอย่างนั้นหรือ? นางเป็นหญิงงามที่ไม่มีใครเทียบได้อย่างแน่นอน ข้าไม่เคยเห็นหญิงสาวคนไหนในโลกที่จะสามารถทัดเทียมกับนางได้”
“ภาพวาดที่ข้าเห็นมีอายุหกพันปีแล้ว!”
เจียงฮั่นจงและจี้หยุนเฟิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆร่างกายของพวกเขาสั่นสะท้านด้วยความกลัว คนจากเมื่อหกพันปีก่อน…… นี่มันน่าตกใจเกินไป แม้แต่ตระกูลโบราณของพวกเขาก็ยังไม่มีอายุมากถึงขนาดนี้
“นางไม่ใช่คนที่มีชีวิต!” สวีเต้าหลิงอุทานด้วยสีหน้าซีดเผือด
"อะไร?!"
การแสดงออกบนใบหน้าของจี้หยุนเฟิงและ เจียงฮั่นจงเปลี่ยนไปทันทีราวกับว่าพวกเขาคิดถึงอะไรบางอย่าง
“หรือว่านางจะเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งมื่อหกพันปีที่แล้ว หญิงงามอันดับหนึ่งของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกทำลายในตอนนั้น”
เมื่อสวีเต้าหลิงพูดถึงเรื่องนี้จี้หยุนเฟิงและเจียงฮั่นจงก็ค่อยๆคาดเดาถึงตัวตนของหญิงสาวคนนี้ขณะที่พวกเขาอุทาน
“ใช่แล้ว นางเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์หยกหมุนสวรรค์เมื่อหกพันปีก่อน!”
เมื่อสวีเต้าหลิงกล่าวคำเหล่านี้เขาก็แทบไม่อยากจะเชื่อเลย ใครจะจินตนาการว่าพวกเขาจะได้พบกับตัวตนที่ยิ่งใหญ่จากโลกยุคโบราณ