เผ่าเทวะคนสุดท้าย
หลังจากลงมาจากรถ ราฟก็กวาดตามองดูรอบๆ
เขาเห็นตึกของศูนย์วิจัยขนาดใหญ่ ที่มีป้ายติดไว้ว่า
‘ศูนย์วิจัยสัตว์อสูรต่างมิติ’
เมื่อเห็นทุกคนลงจากรถกันครบหมดแล้ว เนโรก็เดินนำทุกคนเข้าไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของศูนย์วิจัย ก่อนที่เขาจะรับของบางอย่างมาจากเจ้าหน้าที่คนนั้น แล้วหันหลังมาแจกสายรัดข้อมือให้สมาชิกชมรม
“สวมไว้นะ มันคือบัตรผ่าน...ถ้าเรียบร้อยแล้วก็ไปกันเถอะ อ้อ พวกเราดูได้แค่ส่วนที่สต๊าฟไว้เท่านั้นนะ เพราะพวกอสูรต่างมิติที่จับได้แล้วยังมีชีวิตอยู่เห็นว่าถูกใช้สำหรับการวิจัยแบบลับๆของที่นี่น่ะ” เนโรบอก ก่อนที่จะเดินนำทุกคนเข้าไปชมข้างใน
ราฟที่เดินตามสมาชิกคนอื่นๆมาเห็นรูปปั้นสัตว์อสูรระดับสูงมากมาย ที่ราฟได้อ่านจากโบชัวร์ว่าส่วนใหญ่จะเป็นอสูรระดับ S ที่ถูกผู้พิทักษ์ระดับสูงสังหารแล้วถูกเอามาสต๊าฟไว้
‘ถ้ามันยังมีชีวิตอยู่เราจะสู้มันได้มั้ยน้า’ ราฟคิดเล่นๆ ก่อนจะเดินผ่านไปโดยที่ไม่รู้ว่าสายตาของรูปปั้นที่นิ่งค้างอยู่นั้นก็ได้หันมองตามหลังเหล่าสมาชิกชมรมวิจัยสัตว์อสูรอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
“นี่คือสัตว์อสูรต่างมิติชื่อวานรสีชาด มันมีพลังในการปลดปล่อยลาวาออกมา”
“นั่นคืออสูรวิหกวายุ มันสามารถควบคุมสภาพอากาศได้ดั่งใจ”
“ส่วนที่อยู่ตรงนั้นคือมังกรโลหะที่สามารถกลืนกินโลหะทุกชนิดมาเพิ่มพลังของตัวเองได้”
“ส่วนตรงโน้น...” เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยอธิบายรายละเอียดของสัตว์อสูรที่พวกราฟเดินผ่านด้วยรอยยิ้ม
“รู้สึกไม่ดีเลย” พัคแทยังที่เดินฟังเจ้าหน้าที่อยู่ข้างๆราฟพูดขึ้นเบาๆ
“นายไม่ไปเดินกับสาวๆของนายล่ะ” ราฟหันมาถาม
“พวกเธอไม่ใช่ของๆฉัน” ชายหนุ่มตาสีทองขมวดคิ้ว
“อ่าฮะ แล้วที่พูดว่าแปลกที่คือยังไง” ราฟถามเข้าเรื่อง
“อสูรที่ถูกสต๊าฟทุกตัวที่พวกเราเดินผ่านมาเมื่อกี้ยังคงมีกระแสปราณอยู่ในร่างของพวกมัน” พัคแทยังเอ่ยด้วยเสียงเคร่งเครียด
“ไหนเจ้าหน้าที่บอกว่าพวกมันตายไปแล้วไง ทำไมยังมีปราณอยู่ล่ะ ปราณจะไหลเวียนในร่างสิ่งมีชีวิตเท่านั้นนี่”
“นี่เป็นความลับของอสูรต่างมิติ พวกระดับสูงส่วนใหญ่สามารถฟื้นคืนสภาพจากความตายถ้าแก่นพลังยังไม่สูญสลายไป ซึ่งการฟื้นฟูนี้ต้องใช้เวลาหลายปี แต่มันจะเร็วขึ้นกว่านี้ถ้ามีพลังในการฟื้นฟูร่างกายของ...เผ่ามาร” พัคแทยังตอบ
“ทำไมนายรู้ดีจัง” ราฟสงสัย
“ฉันบอกไม่ได้” ชายหนุ่มตาสีทองเลือกที่จะไม่ตอบคำถามของราฟ
“งั้นเราบอกพี่เนโรเลยมั้ย”
“ฉันว่าค่อยบอกตอนแยกกับเจ้าหน้าที่ดีกว่า เพราะไม่รู้ว่าที่นี่มีมารแฝงตัวอยู่มากน้อยแค่ไหน” พัคแทยังตอบ
“งั้นก็ตามนั้น” ราฟเห็นด้วย
หลังจากเจ้าหน้าที่อธิบายรายละเอียดของอสูรสต๊าฟระดับสูงครบทุกตัว เขาก็ให้เวลาพวกราฟเดินดูส่วนอื่นของศูนย์วิจัยได้ตามสะดวก
“พี่เนโร...” ราฟที่เห็นว่าเจ้าหน้าที่จากไปแล้วก็เดินเข้ามาหาประธานชมรมผู้ร่าเริงพร้อมกับพัคแทยังทันที
“อ้าว ว่าไง”
“หมอนี่บอกว่าเขามองเห็นกระแสปราณกับไอมารในร่างของอสูรสต๊าฟที่พวกเราพึ่งจะเดินผ่านมาน่ะ” ราฟพูดขึ้น
“...จริงเหรอ” เนโรถามด้วยน้ำเสียงจริงจังขณะมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆราฟ
“ครับ” พัคแทยังยืนยันด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เมื่อเนโรได้ยินแบบนี้ เขาก็ขมวดคิ้วก่อนที่จะบอกพวกราฟว่า
“ถ้ามันเป็นอย่างที่พวกนายว่าจริงๆงั้นนี่ก็เป็นเรื่องใหญ่แล้ว พวกนายทั้งสองคนตามฉันมา ฉันจะพาไปขอคำอธิบายกับหัวหน้าศูนย์วิจัยที่นี่” เนโรบอกทั้งสองคนก่อนจะหันหลังเดินนำไปยังที่ๆหนึ่ง
พันแทยังที่ได้ยินแบบนั้นก็เดินตามเนโรไป โดยมีราฟที่เอามือกุมคางมองการกระทำของเนโรขณะก้าวเท้าตามไปเงียบๆ
แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินตามทั้งสองคนไป เขาก็หยิบกระดาษขึ้นมาเขียนข้อความแล้วขยำมันปาใส่หลังของหญิงสาวคนหนึ่ง
“หะ ของใครเนี่ย” เรเชลหยิบก้อนกระดาษขึ้นมาอ่าน มันมีใจความว่า
‘ยัยนักดาบ ที่นี่มีอะไรแปลกๆ ฝากดูสมาชิกคนอื่นด้วย เดี๋ยวฉันกลับมา’
“เจ้าหัวเทานั่นคิดจะทำอะไรกัน” เรเชลขมวดคิ้ว ขณะที่มองไปรอบๆอย่างระมัดระวังตามคำเตือนของราฟ
.
.
.
“ประธานครับ คุณจะพาพวกเราไปไหนกันแน่” หลังจากเดินทางกันมาได้สักพัก พัคแทยังก็พูดขึ้น
“อ้อ อีกแปปนึงก็ถึงแล้วล่ะ” เนโรเอ่ยตอบเสียงเรียบ ก่อนที่ทั้งสามคนจะลงลิฟต์มาถึงหน้าประตูใหญ่บานหนึ่งที่ตั้งอยู่ชั้นใต้ดิน
เมื่อเนโรเปิดประตูเข้าไป ราฟและพัคแทยังที่เดินตามมาก็ถูกบางสิ่งที่อยู่ข้างในสะกดสายตาพวกเขาเอาไว้ทั้งคู่
“ตกใจล่ะสิ นี่ล่ะความลับของศูนย์วิจัยแห่งนี้ เหล่าอสูรต่างมิติสายพันธุ์โบราณที่ถูกหลงลืมไปเมื่อพันปีก่อน” หลังสิ้นเสียงของเนโร ประตูที่ทั้งสามคนพึ่งเข้ามาก็ถูกปิดสนิท
ภาพตรงหน้าของพวกเขาคืออสูรระดับสูงที่มีรูปร่างสูงใหญ่กว่า 10 เมตรกำลังถูกแช่แข็งไว้มากกว่า 20 ร่าง และดูเหมือนว่าพวกมันจะสามารถกลับกลับมามีชีวิตได้ทุกเมื่อหากได้รับพลังงานเพียงพอ
“คิดจะทำอะไรกันครับ ประธาน” พัคแทยังถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง ขณะที่สองมือของเขาเริ่มกางออกช้าๆ ราฟเดาว่านี่คงเป็นท่าเตรียมต่อสู้ของเขา
“ใจเย็นก่อน ว่าที่ผู้พิทักษ์อันดับ 1 แห่งโรงเรียนไอรีน ฉันไม่คิดจะทำร้ายนายหรอก เพราะนายคือเป้าหมายภารกิจของฉัน” เนโรเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา ต่างจากใบหน้าที่ยิ้มแย้มเมื่อก่อนหน้านี้
“หรือจะให้เรียกว่า เจ้าชายแห่งแดนเทวะที่ถูกทำลายดีล่ะ” จากนั้นเนโรก็แสยะยิ้มออกมา
“แก!” เมื่อพัคแทยังได้ยินประโยคสุดท้ายของเนโร เขาก็เคลื่อนไหวด้วยความเร็วแสงทันที
ฝ่ามือที่เต็มไปด้วยลำแสงสีทองฟาดเข้าใส่หน้าอกของเนโรจนเจ้าตัวกระเด็นออกไปชนเข้ากับผนังห้องอย่างจัง จากนั้นไอพลังที่ราฟไม่เคยสัมผัสก็แผ่ออกมาจากร่างของเนโร
“ไอมาร? ทำไมตอนแรกฉันถึงสัมผัสมันไม่ได้กัน” พัคแทยังขมวดคิ้ว
“นี่เหรอ ไอมาร” ราฟพึมพำก่อนจะฉีกยิ้มออกมา
“หึ แค่อุปกรณ์ปกปิดกลิ่นอายของพวกฉันก็ทำเอาจิตสัมผัสเทวะของแกเขวได้แล้ว ดูท่าพลังของเผ่ายังไม่ตื่นขึ้นเต็มที่สินะ” เนโรชูสร้อยสีแดงที่ถูกพัคแทยังชกทำลายไปมาให้ดูด้วยสีหน้าดูถูก ก่อนจะกระอั่กเลือดออกมา
“อั่ก...ถึงอย่างนั้นก็สมกับเป็นผู้สืบเชื้อสายของเผ่าเทวะคนสุดท้ายล่ะนะ แต่แค่นี้มันยังไม่พอที่จะจัดการฉันหรอก ฟื้นฟู...อ๊ากกก” เนโรที่ยังพูดไม่ทันจบ เขาก็รู้สึกเหมือนมีพลังงานบางอย่างกำลังกัดกินร่างกายของเขาจากภายนอกอยู่ เมื่อเนโรมองหาต้นตอของความเจ็บปวดนี้ เขาก็เจอกับชายหนุ่มผมเทาที่กำลังยิ้มให้เขาอยู่
“เอ่อ ขอโทษทีนะพี่เนโร พอผมได้ยินเรื่องไอมารมาจากหมอนี่ เลยเดาว่าพี่ที่มีท่าทางแปลกๆอาจเป็นมารก็ได้ เลยใช้พิษสกัดการฟื้นฟูร่างกายพี่ไว้ก่อนน่ะ ไม่ว่ากันนะ...ก็แหม คนปกติที่ไหนกันที่พอได้ยินเรื่องแปลกๆที่เกิดขึ้น และอาจมีเผ่ามารมาเกี่ยวข้องด้วยจะไม่บอกให้พวกเราพาสมาชิกทุกคนออกไปจากที่นี่ก่อนเพื่อความปลอดภัย แต่กลับให้พวกเราสองคนตามพี่มาแล้วปล่อยให้คนอื่นเดินเที่ยวอยู่ข้างนอกซะได้” ราฟที่กำลังกางฝ่ามือแพร่พิษออกไปทางเนโรพูดขึ้นพร้อมกับเกาหัวเบาๆด้วยรอยยิ้มใสซื่อ
“ราฟ แกเป็นแค่ผู้ไร้พลังไม่ใช่รึไง ทำไมถึงสามารถหยุดการฟื้นฟูของฉันได้!?” เนโรถามด้วยแววตาตื่นตกใจ
“เอ่อ ก็ไม่รู้สินะ” ราฟยักไหล่...เรื่องอะไรจะต้องบอกอ่ะ
“ขอบใจนายมากนะราฟ เอาล่ะ...ได้เวลาสังหารมารร้ายแล้ว” พัคแทยังพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ก่อนที่จะมีฝ่ามือของเขาจะปรากฏพลังงานความร้อนสีทองอร่ามขึ้นมา
“เดี๋ยวก่อนสิ คิดจะฆ่ากันอย่างเดียวรึไง นายนี่น้า ก่อนหน้านั้นดูขี้อายกับสาวๆจัง แต่ก็เหี้ยมเอาเรื่องเลยนะ รู้มั้ยว่าบนโลกใบนี้อาจมีเผ่ามารที่นิสัยดีสุดอยู่ก็ได้นะ ขนาดมนุษย์ยังมีดีมีร้ายเลย” ราฟรีบเบรกชายหนุ่มตรงหน้า ก่อนที่จะหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปร่างกายของเนโรที่กำลังต่อต้านพิษของเขาอย่างเต็มกำลัง