เซอร์เกรย์สัน
ตอนนี้สภาพของเนโรนั้นดูแทบไม่ได้เนื่องจากถูกฝ่ามือทำลายล้างของพัคแทยังเข้าไปและยังถูกพิษของราฟอีก ที่กลางหน้าผากของเนโรมีเขางอกออกมา 1 เขา อันเป็นสัญลักษณ์ของมารชั้นต่ำที่เพิ่งเริ่มทำสัญญากับปีศาจมาไม่นาน
“นายทำอะไรน่ะ” พัคแทยังถาม
“หลักฐานไง หลักฐาน ขืนนายฆ่าเขาโดยไม่มีหลักฐานว่าพี่เขากลายเป็นมารนายจะซวยเอานา” ราฟบอกขณะแตะไปที่ไหล่ของเนโร
“...”
“นี่นายแกล้งไม่รู้จริงๆเหรอว่าเมื่อไหร่ที่มนุษย์ทำสัญญากับมาร ถ้าเอาลูกแก้วธาตุที่สมาคมมาสัมผัสกับร่างกายหรือศพของคนๆนั้นก็จะรู้ได้ทันทีว่าคนๆนั้นเป็นมารรึเปล่าน่ะ” พัคแทยังถอนหายใจ
“เออเนอะ...เอาน่า เก็บเขาเอาไว้ให้ทางไอรีนสอบปากคำเขาก่อนว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเขากันแน่ หลังจากนั้นนายจะทำเะไรก็เรื่องของนายเลย” ราฟให้เหตุผล
แต่ในขณะที่ทั้งสองคนปรึกษากันอยู่นั้น เนโรที่พบว่าไม่สามารถฟื้นฟูร่างกายได้ก็ตะโกนขึ้นมาว่า
“มัวรออะไรอยู่วะ เจ้ามารบ้า ไม่เห็นเหรอว่าฉันทำอะไรไม่ได้แล้วน่ะ นายท่านบอกให้แกมาช่วยฉันไม่ใช่รึไง” เนโรตะโดนด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดไปยังทิศทางหนึ่ง
“เหะๆๆ สภาพของแกนี่น่าสมเพชชะมัดเลยว่ะ โดนเด็กนักเรียนที่ยังไม่ได้เป็นกระทั่งผู้พิทักษ์สองคนจัดการจนอยู่ในสภาพนี่ซะได้ สมกับที่เป็นมารชั้นต่ำจริงๆ” ชายผิวซีดคนหนึ่งในชุดผ้าคลุมสีน้ำเงินปรากฏออกมาจากความว่างเปล่าก่อนมองราฟและพัคแทยังด้วยสีหน้าที่แสดงออกถึงความสนใจ
“ผู้สืบทอดพลังแห่งสุริยันกับผู้ใช้พิษที่ยับยั้งการฟื้นฟูของเผ่ามารเราได้งั้นเหรอ น่าสนใจๆ ไม่คิดว่านอกจากเป้าหมายหลักแล้วข้ายังเจอของเล่นตัวใหม่อีก” จากนั้นมันก็แสยะยิ้มที่น่าขนลุกออกมา
“เง่ะ รอยยิ้มแบบนี้อีกแล้ว ขยะแขยงเฟ้ย คราวหน้าขอเจอกับสาวสวยไม่ได้รึไง...แกน่ะ มาจากทางไหนก็ไสหัวกลับไปทางนั้นเลย!” ราฟบ่นออกมา
“หือ เป็นแค่มนุษย์ กลับกล้าพูดจาสามหาวกับข้างั้นรึ สยบ!” ชายผิวซีดสะบัดมือของมันออกมา ก่อนที่อากาศตรงหน้าของราฟจะกดทับเขา
“หึๆ เป็นไงล่ะ แรงโน้มถ่วงระดับนี้ทำให้เจ้าสงบปากสงบคำขึ้นบ้างมั้ย” มันถามราฟด้วยสีหน้ายิ้มเยาะ
“อั่ก...แย่จัง การนวดนี่มันอะไรกัน จะรู้สึกดีเกินไปแล้ว นี่พัคแทยัง นายสู้ไปตามสบายเลยนะ ฉันขอใช้บริการนวดตัวจากเจ้าผีดิบนี่ก่อนแปปนึง” ราฟบอกชายที่ยืนทำหน้าเครียดอยู่ด้านข้างเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะล้มตัวลงนอนกับพื้นมองชายผิวซีดพร้อมกับกระดิกเท้าไปมาด้วยสีหน้าที่เรียกได้ว่ากวนทีนเป็นที่สุด
“...”
“ปะ เป็นไปได้ยังไง ทำไมแกยังพูดได้อยู่อีก นี่มันแรงโน้มถ่วง 30 เท่าเชียวนะ” ชายผิวซีดตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
“เหอะ พลังของแกมีแค่นี้รึไง ลองเจอกับชายที่แข็งแกร่งที่สุดในโรงเรียนฉันซะก่อนเถอะ ลุยเลยพัคแทยัง!” ราฟแสยะยิ้ม ก่อนจะผายมือไปทางชายหนุ่มดวงตาสีทอง
“ทำไมนายไม่สู้เองล่ะ” พัคแทยังหันมาถาม แต่ถึงจะพูดอย่างนั้น ตัวของเขาก็กางฝ่ามือไปทางชายผิวซีดเพื่อเตรียมพร้อมสู้แล้ว
“เอาน่าๆ นายเก่งออกขนาดนั้น มีดีก็โชว์หน่อย ฉันมันเป็นแค่นักเรียนธรรมดา จะไปสู้กับเผ่ามารอย่างเจ้าผีดิบนี่ได้ยังไง” ราฟให้เหตุผลที่ช่างสวนกับท่าทางไม่แยแสของเขาสุดๆ
“อีกอย่าง...นายคิดเหรอว่าเจ้าตัวใหญ่พวกนี้มันจะอยู่นิ่งเป็นรูปปั้นไปตลอดน่ะ เพราะงั้นนายก็สู้กับหมอนี่ไปนะ ส่วนฉันจะขอลองอะไรนิดหน่อย” ราฟพูดก่อนจะมองไปยังเหล่าอสูรต่างมิติสายพันธุ์โบราณที่ยังคงถูกแช่แข็งไว้
“แกคิดจะทำอะไร” ชายผิวซีดถามราฟหลังจากที่เขาเห็นว่าชายผมเทากำลังเดินไปทางรูปปั้นน้ำแข็งโดยทำเหมือนกับพลังแรงโน้มถ่วงของเขาเป็นเพียงสายลมอ่อนๆ
“ถามโง่ๆ ก็จะทำลายพวกมันน่ะสิ” ราฟเลิกคิ้วหันมาตอบมารตรงหน้า
“หยุดนะโว้ย” ชายผิวซีดพุ่งตัวออกมาหวังจะโจมตีราฟ แต่ก็ถูกพัคแทยังเข้ามาหยุดการกระทำนั้นไว้ด้วยความเร็วแสง
“บุตรแห่งสุริยัน น่ารำคาญ!” ชายผิวซีดตะคอก ก่อนที่จะซัดฝ่ามือที่มีไอสีเลือดใส่มือของพัคแทยังสวนกลับไป
ตูมมม
หลังจากทั้งคู่ประมือกัน ก็บังเกิดกระแสลมคลุ้งไปทั่วห้อง
“อั่ก”
จากนั้นกลับกลายเป็นว่าพัคแทยังที่เป็นฝ่ายกระเด็นถอยกลับ
“เห้ยๆ นายน่ะ ไหนว่าเป็นถึงเจ้าชายแห่งแดนเทวะ ทำไมถึงประมือแพ้กลับมาซะได้ล่ะ” ราฟที่เห็นฉากตรงหน้าถามด้วยความงุนงง
“เจ้านี่ไม่ใช่มารระดับทั่วไป” พัคแทยังตอบเสียงเรียบก่อนจะพ่นเลือดออกมาใส่พื้น
“นายไหวมั้ย”
“อือ” ชายหนุ่มตาทองตอบราฟก่อนที่จะเหยียดมือขวาออกมาข้างหน้า จากนั้นหอกลายมังกรสีทองอร่ามก็ปรากฏออกมา
“หอกเทพสงคราม”
“ว้าว โครตเท่” ราฟอดไม่ได้ที่จะชมออกมา
“ก็แค่อาวุธของหนึ่งในเผ่าเทวะที่ตายไปจากสงครามเทพมาร” ชายผิวซีดพูดเหยียดหยาม ก่อนที่จะพูดต่อว่า
“ฉันหมดความอดทนที่จะเล่นกับพวกแกแล้ว ข้า เซอร์เกรย์สัน มารระดับอัศวินผู้นี้จะสั่งสอนเด็กน้อยอย่างพวกแกเอง จงตื่น เหล่าข้ารับใช้แห่งจักรพรรดิอสูรผู้ถูกหลงลืม!” ชายผิวซีดในชุดผ้าคลุมหรือเซอร์เกรย์สันพูดพึมพำบางอย่างออกมา
ก่อนที่เหล่าบรรดาอสูรร่างยักษ์ที่ถูกแช่แข็งอยู่จะลืมตาตื่นขึ้น ร่างกายคล้ายกับออร์คที่มีผิวสีแดงของพวกมันแผ่กลิ่นอายแห่งความตายออกมา ดวงตาดำสนิทไร้ตาขาวกำลังมองมาทางพวกราฟด้วยความเกรี้ยวกราด
“สังหารพวกมันซะ เป้าหมายของข้ามีเพียงโลหิตแห่งเทวะเท่านั้น!” เซอร์เกรย์สันออกคำสั่ง
โฮกกก
หลังจากที่อสูรโบราณรับคำสั่ง พวกมันก็ขยับร่างกายที่ใหญ่โตของพวกมันพุ่งเข้าใส่ราฟและพัคแทยังทันที
“เห้ยๆ ร่างกายสูงขนาดนั้นทำไมเร็วจังวะ” ราฟบ่นออกมาขณะที่พุ่งหลบการโจมตีของพวกมันเพื่อดูเชิง
“นายรับมือไหวมั้ย” พัคแทยังที่ตอนนี้กำลังควงหอกสู้กับเซอร์เกรย์สันอยู่หันมาถามราฟ
“เห้อ ไม่ไหวก็ต้องไหวแหละ สงสัยตอนกลับไปต้องขอรางวัลจากโรงเรียนเยอะๆแล้ว” ราฟตอบเสียงเบื่อหน่าย ก่อนที่เขาจะรับหมัดที่ใหญ่พอๆกับรถยนต์ของอสูรโบราณตนหนึ่งเข้าแล้วใช้หมัดอีกข้างซัดเข้าไปที่ข้อมือของมันจนหัก แล้วต่อด้วยพุ่งตัวไปที่คางของมันด้วยท่าเข่าสอยดาว
“ดูเหมือนนายจะไม่ใช่แค่นักเรียนธรรมดาๆนะ” พัคแทยังพูดยิ้มๆ
“อ่าหะ อย่าบอกคนอื่นเรื่องนี้ล่ะ ฉันยังอยากอยู่โรงเรียนแบบไม่มีใครมากวน” ราฟยักไหล่
“ย่อมได้ เพราะฉันก็ต้องขอให้นายเก็บเรื่องของฉันเหมือนกันล่ะนะ” พัคแทยังพยักหน้าก่อนที่จะเหวี่ยงหอกเทพสงครามฟาดหน้าของเซอร์เกรย์สันจนหน้าหัน
“งั้นดิล” ราฟตอบ ก่อนที่เขาพุ่งตัวเข้าไปจัดการอสูรโบรณตนที่เหลือ
.
.
.
ไม่กี่นาทีต่อมา
“ไม่นะ กองทัพอสูรของข้า! แกเป็นใครกันแน่!” เซอร์เกรย์สันที่พ่ายแพ้ต่อพลังของพัคแทยังและกำลังถูกเขาชี้หอกจ่อคอของมันเห็นราฟซัดเหล่าอสูรโบราณที่เขาปลุกขึ้นมาอยู่ฝ่ายเดียวจนหมดก็กรีดร้องออกมา
“หนวกหูโว้ย” ราฟที่ตอนนี้ใช้แรงตบอสูรยักษ์จนเริ่มหิวข้าว ซัดฝ่ามือที่เต็มไปด้วยสายฟ้าใส่เซอร์เกรย์สันด้วยความโมโหหิว
“อ๊ากกก”
“เอ่อ ไหนตอนแรกนายบอกว่าต้องสืบสวนว่าใครอยู่เบื้องหลังก่อนไม่ใช่เหรอ แล้วหมอนั่นตายรึยังล่ะนั่น” พัคแทยังผู้หล่อเหลาเดินเข้าไปจิ้มหอกเพื่อเช็คสภาพของเซอร์เกรย์สันที่ตอนนี้ดำเป็นตอตะโกจากพลังสายฟ้าของราฟ
“มันไม่ตายง่ายๆหรอก เผ่ามารมีพลังในการฟื้นฟูที่สุดยอดนี่นะ”
“ว่าแต่นายมีพลังอะไรบ้างเนี่ย ทั้งพิษ กำลัง สายฟ้า”
“ก็แค่พลังที่ดูดซับมาน่ะ”
“สุดยอดดด” ชายหนุ่มตาทองเอ่ยปากชมด้วยความจริงใจก่อนที่จะถามต่อว่า
“แล้วเราจะทำยังไงต่อดี”
“ก็จับมัดไว้แบบนี้...” ราฟตอบขณะปล่อยเชือกสายฟ้าที่ผสานพลังพิษที่สามารถยับยังการฟื้นฟูของเผ่ามารไว้ได้มามัดเนโรและเซอร์เกรย๋สันก่อนจะลากทั้งสองคนไปตามพื้น
“แล้วก็...”
ครืนนน
“ไปช่วยสมาชิกชมรมที่อยู่ข้างนอกกันเถอะ”